‘เศรษฐา’โยนเป็นเรื่องส่วนตัว
ขออภัยโทษ‘แม้ว’
ยังไม่ทราบเรื่อง/ไม่เกี่ยวกับพท.
‘คปท.-หมอวรงค์’เตือน‘วิษณุ’
เป็นห่วงประชาชนจะไม่ทนอีก
ชี้ทำลายกระบวนการยุติธรรม
“นายกฯ เศรษฐา” ชี้หากตรวจคุณสมบัติ รมต.เสร็จนำขึ้นทูลเกล้าฯทันที ให้ความสำคัญงานสภาฯมีเวลาตอบกระทู้เอง แนะ “ประยุทธ์” ไปเที่ยว ตปท.บ้างเผยหารือ “พีระพันธุ์” หามาตรการลดค่าไฟ ย้ำพักหนี้เกษตรกรเริ่มได้ตุลาคม “วิษณุ” เผยตรวจประวัติรมต.ไม่มีปัญหา มีแค่บางคนต้องขอหลักฐานยืนยันความชัดเจน ชี้หากพบประวัติมีปัญหาตัวรมต.ต้องรับผิดชอบเอง ปัดเปิดชื่อมีใครบ้าง “เศรษฐา” หวังนำรายชื่อครม.ขึ้นทูลเกล้าฯได้ใน 1 กันยายนนี้ หลังส่งให้กฤษฎีกาเช็คดูปม “พิชิต”ทุบโต๊ะคุณสมบัติผ่านก็ไม่ผิดจริยธรรม น้อมรับฟังวิจารณ์ครม.ไม่ขอตอบโต้ ขอให้รอดูและวัดกันที่ผลงานดีกว่านโยบายเสร็จเกือบ100%‘กฤษฎา’ลาออกพ้นปลัดคลัง-เตรียมนั่งรมช.คลัง
เมื่อเวลา 08.30น.วันที่ 1กันยายน2566 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการกฤษฎีกาตอบกลับเรื่องคุณสมบัติของว่าที่รัฐมนตรี มาแล้วหรือไม่ ว่า “ยังครับ” เข้าใจว่า วันนี้น่าจะตอบกลับมา ตนพยายามเร่ง โดยจะถามไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตอนนี้รอเพียงความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาเท่านั้น ทั้งนี้ ตนไม่อยากเน้นที่ นายพิชิต ชื่นบาน ว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะต้องดูคนอื่นด้วยเหมือนกัน รอให้แน่นอนดีกว่า
ตรวจคุณสมบัติเสร็จนำทูลเกล้าฯทันที
เมื่อถามว่า หากทุกอย่างเรียบร้อยจะสามารถยื่นทูลเกล้าฯได้ในวันนี้เลยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ครับ นั่นคือความตั้งใจครับ”เมื่อถามถึงความคืบหน้าการร่างนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภา ขณะนี้เรียบร้อยแล้วหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังเหลืออีกนิด โดยวันนี้จะพูดคุยกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ซึ่งน่าจะจบได้ด้วยดี เมื่อถามถึงกรณีสภาล่มเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พรรค พท.ในฐานะแกนนำเสียงข้างมากจะกำชับพรรคร่วมในการให้ความสำคัญกับสภาฯ หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ความรับผิดชอบต่อสภาฯ เป็นเรื่องสำคัญที่สุดและในการประชุม สส.สัปดาห์หน้า จะพูดคุยเรื่องนี้กันซึ่งเรื่องนี้ไม่ควรเกิด เมื่อถามว่า เป็นนายกฯแล้วจะเข้าไปตอบกระทู้ถามสดด้วยตัวเองหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ต้องดูว่าติดภารกิจอะไรหรือไม่ เพราะอยู่ฝ่ายบริหาร แต่ก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อฝ่ายนิติบัญญัติด้วย หากฝ่ายนิติบัญญัติมีข้อกังวล หรือข้อเป็นห่วงเป็นหน้าที่ของนายกฯที่จะต้องเข้าไปตอบ หรือมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยตอบ
แนะนำ’บิ๊กตู่’ควรไปเที่ยวต่างประเทศ
เมื่อถามถึง กรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีการอำลาตำแหน่ง นายเศรษฐา จะมีอะไรฝากไป พล.อ.ประยุทธ์ นายเศรษฐา กล่าวว่า วันที่ตนไปพบพล.อ.ประยุทธ์ที่ทำเนียบ (24สิงหาคม) ก็ถามว่า ท่านจะไปทำอะไร เพราะเข้าใจว่า ชอบตีกอล์ฟ ได้แนะนำว่า ควรไปเที่ยวต่างประเทศบ้าง ท่านก็บอกว่า ลูกสาวของท่านทั้งสองคนไปเที่ยวต่างประเทศ มีความสนุกดี ตนจึงบอกให้ท่านลองให้ลูกสาวพาไปเที่ยวต่างประเทศ ขอให้รักษาสุขภาพให้ดี ไปเที่ยวต่างประเทศ ก็ขอให้สนุก
หารือ‘พีระพันธุ์’หามาตรการลดค่าไฟ
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีความคืบหน้าถึงมาตรการลดค่าไฟฟ้าว่า เมื่อวานนี้ (31 ส.ค.) ตนได้โทรไปหาว่าที่รมว.พลังงาน วันนี้ก็จะหารือกันอีกครั้ง โดยนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานนโยบายพรรค พท.และว่าที่เลขาธิการนายกฯ จะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ ขอให้รออีกนิด เข้าใจว่าอยากรู้ว่าจำนวนเงินเท่าไหร่ ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการการพูดคุย ถึงเรื่องงบประมาณ อย่างไรก็ตาม วานนี้ทางประธานสภาอุตสาหกรรม ก็ได้แสดงความกังวลเรื่องลดค่าใช้จ่ายผู้ประกอบการ ทั้งค่าไฟค่าพลังงาน แน่นอนว่าเราให้ความสำคัญสูงสุด และชี้แจงแล้วว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ย้ำพักหนี้เกษตรกรเริ่มได้ ต.ค.
เมื่อถามถึงเรื่อง ความคืบหน้าการพักหนี้เกษตรกร จากที่ได้คุยกับธนาคารเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นนโยบายเร่งด่วนของพรรค พท. แต่เราต้องดูรายละเอียดว่าจะใช้จำนวนเงินเท่าไหร่ และจะเป็นการพักทั้งต้นและดอก หลักการเพื่อให้เกษตรกรมีเวลาไปฟื้นฟู ไปทำมาหากิน ไม่ใช่ต้องมาพะวงหน้าพะวงหลังเรื่องหนี้สิน ซึ่งเบื้องต้นประมาณเดือนต.ค.สามารถทำได้ โดยตอนนี้ได้ให้กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคาร ธกส. ไปดูเรื่องการอนุมัติ และประสานกับกระทรวงการคลังด้วย ทั้งนี้ เราจะไม่ดูเรื่องหนี้สินแค่เกษตรกร แต่เราจะดูแลเรื่องหนี้สินของประชาชน รวมถึงตำรวจ และหนี้สินในช่วงที่ประสบกับภัยพิบัติ โควิด เราจะดูแลให้ครบทุกภาคส่วน ซึ่งการพักหนี้ชั่วคราวเป็นแค่การแบ่งเบาความทุกข์ ฟื้นฟูจิตใจ แต่เหนือสิ่งอื่นใด การเพิ่มรายได้ก็เป็นเรื่องสำคัญ ฉะนั้น นโยบายของพรรค พท. เราก็ได้มีการคุยกันถึงการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่ต้องเร่งทำ
ห่วงด้านการท่องเทียว-กีฬาฯ
เมื่อถามว่า สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว ออกมาตั้งคำถามว่า การฟรีวีซ่าที่นายกฯพูดถึง หมายถึงอะไร นายเศรษฐากล่าวว่า ต้องขอประธานโทษด้วย ที่ตนพูดไม่ชัดเจน การฟรีวีซ่าไม่ได้หมายถึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม แต่วีซ่าฟรีหมายถึงไม่ต้องขอวีซ่า หากไม่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศก็จะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่า โดยจะเป็นการยกเว้นขอวีซ่าชั่วคราวในช่วงที่เป็นไฮซีซั่น ซึ่งไม่ใช่แค่กระทรวงการต่างประเทศที่ดูแลเรื่องนี้ แต่ตนได้ดูเรื่องของความมั่นคง และได้มีการคุยกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่ รวมถึงการท่าอากาศยานด้วย ซึ่งเราต้องดูทั้งหมดในการที่จะเข้ามาในประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการคุยกันหลายเรื่องและมีการเห็นชอบในหลักการ ทั้งนี้ ได้มีการพูดคุยกับว่าที่รมว.มหาดไทยด้วย ซึ่งท่านก็บอกว่าเห็นด้วย ที่จะช่วยกันผลักดันนโยบายนี้ให้เกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตามหวังว่าจะสามารถทำได้ภายใน 1 ต.ค. นี้
เมื่อถามถึงเรื่องการพัฒนากีฬาในประเทศรัฐบาลจะเดินหน้าอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อยู่ในการกำกับการดูแลของพรรคเพื่อไทย เมื่อวานนี้ได้มีการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิมาหลายท่านเพื่อมาพบปะพูดคุยกัน การกีฬาแห่งประเทศไทย ยังมีเรื่องของกองทุนพัฒนากีฬา เข้าใจว่าอีกไม่กี่เดือนจะเข้าสู่ช่วงเอเชียนเกมส์แล้ว หลายสมาคมยังไม่ได้รับเงินอุดหนุนค้างกันมาเป็นหลายล้าน ตรงนี้ก็ฝากผู้ที่ดูแลด้านกองทุนพัฒนากีฬาด้วย ว่าหากสามารถจ่ายเงินออกมาได้ก็เป็นขวัญกำลังใจให้กับนักกีฬา ที่จะไปแข่งขันในเอเชียนเกมส์ที่ใกล้เข้ามา เพื่อเป็นเกียรติประวัติให้กับประเทศชาติ ซึ่งเท่าที่ฟังมาก็มีหลายสมาคมที่เดือดร้อน
เมื่อถามว่า การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ถูกตัดงบ 150 ล้านบาทจะกระทบการจัดงานโมโตจีพีหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตรงนี้น่าเป็นห่วง แต่ต้องมาดูก่อนว่า 150 ล้านบาทที่ตัดไป เอาไปทำอะไร มีทางไหนหรือไม่ที่จะคงไว้ซึ่งกิจกรรมต่างๆ
ทูลเกล้าฯแล้ว-8ก.ย.แถลงนโยบายรบ.
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้นำรายชื่อคณะรัฐมนตรีใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว หลังมีการส่งรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางรายไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ โดยมีรายงานว่าขั้นตอนต่างๆคาดจะเสร็จสิ้นในสัปดาห์นี้ โดยในวันศุกร์ที่ 8กันยายน รัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน จะแถลงนโยบายต่อสภาฯ โดยคาดว่าในวันอังคารที่ 12 กันยายนจะมีการประชุม ครม.นัดแรกตามไทม์ไลน์
‘วิษณุ’ยอมรับทำหน้าที่เป็นเนติบริกร
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงคุณสมบัติของรัฐมนตรีที่จะมาดูแลงานด้านกฎหมายให้กับรัฐบาลว่า อดีตไม่เคยบอกว่า ต้องมีรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี ที่ดูฝ่ายกฎหมาย เพราะงานกระจัดกระจายกันไป เกี่ยวพันกับกระทรวงไหน กระทรวงนั้นก็ดูแลไป แต่ในส่วนของนายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี(ครม.) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะช่วยดูให้ ซึ่งสมัยที่ตนเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ก็ไม่มีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ก็ได้ใช้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรีก็ได้ช่วยดูด้วย ข้าราชการประจำช่วยดูได้ ไม่แปลกอะไร หรือ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีก็ดูได้ เพียงแต่ระยะหลังๆ มีงานมากขึ้น
“ระบบราชการไทย อย่างที่ใครต่อใครเรียกผมว่า เนติบริกร พูดก็พูดก็เป็นเช่นนั้นแหละ ผมไม่ปฏิเสธ แต่งานที่ผมให้บริการครม.หรือนายกรัฐมนตรี กลับน้อยกว่าที่ผมให้บริการกระทรวงต่างๆหรือกรมต่างๆ งานเหล่านี้อยู่ข้างล่าง อาจจะไม่เคยเห็นกัน แต่สำหรับผมคนนั้น คนนี้ที่ต้องมาประชุมกัน กรมนั้นกรมนี้ขัดกระทรวงกัน ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำ ขัดแย้งกัน ดังนั้นต้องมีใครมาช่วยดูในภาพรวม จึงได้เกิด รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีขึ้นมาดูแล ต่อไปในรัฐบาลหน้า ถ้าโฉมหน้าเป็นไปอย่างที่หนังสือพิมพ์ลง ผมคิดว่า จริงๆแล้ว รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็สามารถดูกฎหมายได้”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาพลักษณ์หรือประวัติของรัฐมนตรีจะกระทบกับการทำงานฝ่ายข้าราชการในเรื่องความน่าเชื่อถือหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ตรงนี้ขอไม่วิจารณ์ งานกฎหมายของรัฐบาล อยู่ในกฤษฎีกาส่วนหนึ่ง ซึ่งในคณะกรรมการกฤษฎีกาจะเป็นหัวหน้าและอยู่ในสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี โดยเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รับผิดชอบและอยู่ในสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบ และอยู่ในสำนักงานอัยการสูงสุดซึ่ง อัยการสูงสุดรับผิดชอบ แต่ไม่ได้อยู่ใต้อาณัติรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการประสานขอความช่วยเหลือ ถ้าเป็นกรณีปัญหา กฎหมายระหว่างประเทศกรมสนธิสัญญา กระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าของเรื่อง เป็นการแบ่งกันทำอย่างนี้
ชี้รมต.ใหม่ไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ
เมื่อถามว่าจะมีอะไรแนะนำงานด้านกฎหมายกับรัฐมนตรีใหม่ที่จะมารับผิดชอบหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่าไม่มี
เมื่อถามว่า จากการตรวจสอบคุณสมบัติรายชื่อมีใครไม่ผ่านบ้างหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบขณะนี้ได้รับรายงานว่าไม่มี ขณะนี้มีปัญหาเพียงว่ากำลังขอหลักฐานยืนยันมาให้ชัดเจนเท่านั้น บางอย่างหลักฐานไม่ได้มีที่เรา แต่อยู่ที่เจ้าตัวหรืออยู่ที่หน่วยงาน เช่นกระทรวงพาณิชย์สำหรับการตรวจสอบในส่วนของ กลต.ซึ่งแบบนี้ต้องการหลักฐานยืนยัน โดยอันดับแรกรัฐมนตรีจะต้องกรอกประวัติแล้วเซ็นชื่อรับผิดชอบ มีอะไรขึ้นมาตัวเองจะต้องรับผิดชอบ จะเคยติดคุกหรือไม่อะไรนั้นเราไม่รู้หรอก แต่เบื้องต้นเขาต้องเซ็นมา พอได้มา เราจึงจะเช็คกลับไปยังหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องอย่างกรณีบกพร่องทางคุณธรรม จริยธรรมมันไม่มีหน่วยงานไหนให้เช็คได้ มันเป็นนามธรรมแต่เจ้าตัวเขาเซ็นรับรองว่าข้าพเจ้าไม่ได้เป็นผู้ประพฤติบกพร่อง ในทางศีลธรรม อะไรอย่างนี้ก็ต้องวางใจ หลังจากนั้นมีปัญหาอะไรก็ไปถอดถอนกัน เพราะเราไม่รู้จะไปถามที่ไหน ตรงนี้ถามวัดก็ไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้ แต่อย่างอื่นสามารถเช็คกับตำรวจได้ แม้กระทั่งบางอย่างเช็คจากกรมควบคุมความประพฤติได้ว่าอยู่ระหว่าง ควบคุมความประพฤติหรือไม่ รอลงอาญาหรือเปล่าอย่างนี้เป็นต้น อย่างไรก็ตามเท่าที่ตรวจสอบคุณสมบัติ ได้รับรายงานว่าไม่มีปัญหา แต่กำลังอยากจะได้หลักฐานยืนยันที่ชัดเจนเท่านั้น
ภายหลังมีปัญหาเจ้าตัวต้องรับผิดชอบ
เมื่อถามว่า ถ้าตรวจสอบคุณสมบัติแล้วไปพบปัญหาในภายหลังใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า เจ้าตัวจะต้องรับผิดชอบเองและหากใครสงสัยก็ไปร้องตามช่องทางและขั้นตอนที่มี เมื่อถามว่า กระบวนการจะล่าช้าออกไปอีกหรือไม่ ถ้าต้องรอเอกสารตรงนี้ นายวิษณุกล่าวว่า คิดว่าไม่ช้า เมื่อถามว่า จะสามารถนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯได้ในวันที่ 1กันยายนนี้เลยหรือไม่นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามว่าเปิดเผยได้หรือไม่คนที่ต้องขอเอกสารเพิ่มเติม นายวิษณุ กล่าวว่า อย่าไปเปิดเผยเลย
‘บิ๊กตู่’ทำงานต่อ-‘วิษณุ’คืนรถหลวง
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน และอำลาข้าราชการประจำทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยในช่วงนี้ ที่ยังไม่มีการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี(ครม.)ชุดใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ จะยังคงทำงานในฐานะรัฐบาลรักษาการอยู่ที่บ้านพัก จนกว่าครม.ชุดใหม่ จนกว่าจะมีการโปรดเกล้าฯครม.ชุดใหม่ และครม.ชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ วันเดียวกัน มีเพียงนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาข้าราชการพลเรือน (ก.พ.ร.)และได้มีการคืนรถประจำตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ยี่ห้อ Mercedes benzสีดำ ทะเบียน 7กร9301 กรุงเทพมหานคร เรียบร้อยแล้ว
‘บิ๊กป้อม’ปัดตอบนายกฯชวนหมํ่าข้าว
เวลา 09.00น.ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานกิจกรรมความร่วมมือและการมีส่วนร่วมบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เนื่องในวันน้ำโลก ประจำปี 2566 ซึ่งเมื่อพบกับสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว พล.อ.ประวิตรจึงกล่าวว่า “ห้ามถาม” ทําให้สื่อมวลชนพากันหัวเราะ ต่อมา เวลา 10.00น.ขณะกําลังเดินทางกลับ พล.อ.ประวิตรได้ทำท่ารูดซิปปากใส่สื่อมวลชนอีกครั้ง เพื่อปฏิเสธการตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะชวน พล.อ.ประวิตรไปรับประทานอาหารที่ทำเนียบรัฐบาล ได้ตอบรับเชิญหรือยัง พล.อ.ประวิตรไม่ได้ตอบคำถาม แต่กล่าวว่า “ถามอยู่นั่น”
เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรแฮปปี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “แฮปปี้สิ ไม่แฮปปี้ได้ไง” ก่อนจะขึ้นรถเดินทางออกจากโรงแรมรามาการ์เด้นส์ โดยก่อนรถจะออกนั้น พล.อ.ประวิตรได้ลดกระจกลงเพื่อโบกมือลาสื่อมวลชนด้วย
‘กฤษฎา’ลาออกปลัด-จ่อนั่งรมช.คลัง
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังแจ้งว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลังได้ลงนามอนุมัติการลาออกของนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ที่ได้ยื่นหนังสือลาออกเพื่อไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองในโควตาของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)แล้ว โดย มีผลทันทีในวันนี้ ทั้งนี้ การลาออกดังกล่าวของนายกฤษฎายังคงได้รับบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2539ก่อนหน้านี้ นายกฤษฏา มีรายชื่ออยู่ ในโผครม.”เศรษฐา1”เป็น ว่าที่ รมช.คลัง ในโควต้าของพรรครวมไทยสร้างชาติ
‘บิ๊กตู่’ร่วมมื้อเที่ยงกับสื่อทำเนียบ
เวลา 12.00น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เดินลงจากห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศและนายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ
ทันทีที่นายกฯเดินมาถึงบริเวณที่ร่วมรับประทานอาหารกับสื่อมวลชนหน้าตึกบัญชาการ1ได้ถอดเสื้อสูธมีท่าทีผ่อนคลายอย่างมากและทักทายสื่อมวลชนว่า“วันหน้าก็ทำกับรัฐบาลใหม่เขาให้ดีๆก็แล้วกันนะ”แล้วพล.อ.ประยุทธ์นั่งรับประทานเมนูวันนี้ ผัดไท หมูย่างปลาร้า ส้มตำ หอยทอด ก๋วยเตี๋ยวเนื้อของหวานเป็นไอศกรีมกะทิ
โดยสื่อได้ถามพล.อ.ประยุทธ์ว่านายกฯคุยกับเราบ้างก็ได้พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า“ก็คุยกันมาตลอดคุยกันมา 9ปีแล้ว ไม่เบื่อหรือ ทะเลาะกันบ้างก็เป็นเรื่องธรรมชาติแต่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเอางานเป็นหลัก พูดไม่เพราะบ้างก็ให้อภัยกัน”
ขอทำงานที่บ้าน/หลีกทางนายกฯใหม่
เมื่อถามว่าจากนี้นายกฯจะไปเที่ยวที่ไหนบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าก็คงสักระยะให้นิ่งๆเงียบๆเรียบร้อยก่อนจะไปถูกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลยเพราะตนนั่งแค่รถจากบ้านมาทำเนียบรัฐบาลทุกวันก็ฝากไปถึงครอบครัวขอให้อยู่กับครอบครัวเพราะเวลาก็หายไป9ปีหรือเยอะกว่านั้นที่เรามาอยู่ตรงนี้มาบริหารสถานการณ์และตนไม่ขอวิจารณ์ให้เขาทำงานไป ซึ่งการที่ตนตัดสินใจออกจากทำเนียบฯไปนั่งทำงานอยู่ที่บ้านเพราะเป็นการให้เกียรติคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ซึ่งคาดว่าน่าจะเร็วๆนี้ เขาจะได้มาจัดสถานที่ในการทำงาน
ไม่โกรธสื่อเดี๋ยววันเวลาพิสูจน์กันเอง
เมื่อถามต่อว่าก่อนหน้านี้ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯมาดูตึกไทยคู่ฟ้าแล้วระบุว่าไม่มีห้องนอนพล.อ.ประยุทธ์แนะนำอะไรไปบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่านายเศรษฐาเป็นผู้ถามตนว่าจะนอนทำเนียบฯดีไหม ตนจึงบอกว่าถ้าจะนอนก็มีห้องเล็กอยู่ ตนก็ยังไม่เคยนอน เพราะรบกับสื่อทำให้นอนไม่หลับแต่พอพูดไปโมโหไป กลับมาก็รู้สึกเสียใจคิดว่าไม่ควรพูด ต่างคนต่างเข้าใจกันนะ บางครั้งก็ต้องดุบ้างเพราะเราก็เป็นทหารมาก่อนที่สื่อเขียนกันมาตนก็ไม่ได้โกรธเพราะเดี๋ยววันเวลาก็พิสูจน์กันเอง
เปลือยหมดใจ-ไม่ได้ตั้งใจอยู่ถึงขนาดนี้
“ผมจะเหงาอะไร ผมเป็นคนช่างคิด ช่างอ่าน นิสัยนี้เลิกไม่ได้ ไม่มีอำนาจอะไรก็นั่งคิดไปเฉยๆ คิดในฐานประชาชนคนหนึ่ง คนเราต้องวางบทบาทที่เหมาะสม ทำตัวอย่างไร ก็ขอพักสมอง เจอกับหนังสือมา 9 ปี ท่วมหัวไปหมดแล้ว ส่วนเรื่องการทำเพลงนั้นวันหน้าจะเขียนให้นายอนุทิน ไปแต่ง เพลงที่ผมแต่งมาชอบทุกเพลง เพราะมีความหมายสำหรับเรา เราชอบแต่งบทกลอน บทกวี ตอนนั้นก็คือตอนนั้น แต่ไม่คิดว่าจะมาถึงตอนนี้ ต้องคิดว่าเข้ามาอย่างไรสถานการณ์เป็นอย่างไร ถ้ามันเรียบร้อยผมก็ไปนานแล้ว ถ้ามันสงบเรียบร้อยไม่มีปัญหาก็ไป ผมไม่ได้ตั้งใจอยู่มาถึงขนาดนี้ แล้วตอนนี้ถือว่าทุกอย่างโอเควันนี้ถือว่าทุกคนปรองดองกัน แต่เราจะไปสั่งใครปรองดองไม่ได้ นายกฯ คนเดียวทำได้เหรอ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ไม่โกรธใครทั้งสิ้นจะชอบไม่ชอบ
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ได้ให้เปิดเพลง‘สะพาน’จากโทรศัพท์มือถือออกลำโพงโดยพล.อ.ประยุทธ์ได้ร้องตามพร้อมระบุว่าคำว่าขอเวลาอีกไม่นานนั้นหมายความว่า ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดีถ้าผ่านเร็วเราก็ไปเร็วแค่นั้นเอง แต่กลไกการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญเขาทำมาเราก็ต้องอยู่เป็นเรื่องของกระบวนการ และขอฝากความรักความคิดถึงและไม่โกรธเคืองใครทั้งสิ้นไม่ว่าจะรักจะชอบไม่ชอบจะด่าจะว่าเพราะเป็นโลกของโซเชียล
ฝากช่วยทำให้บ้านเมืองสงบ
เมื่อถามว่าหลังจากนี้พล.อ.ประยุทธ์จะแสดงความเห็นเรื่องชาติบ้านเมืองหรือไม่เมื่อไม่มีตำแหน่งแล้ว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าก็ต้องดูว่าควรหรือไม่ควร เราไม่อยากให้ความขัดแย้งมันมากกว่านี้ซึ่งมันก็ดีอยู่แล้วอยู่ที่พวกเราจะช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบ ตนไม่รู้ว่าความขัดแย้งจะกลับมาอีกหรือไม่ซึ่งที่ผ่านมาการทำงานตนก็ประทับใจทุกอัน ส่วนเหตุการณ์มีเยอะจำไม่ได้และที่ประทับใจที่สุดคือการประชุมคณะรัฐมนตรีในทุกสัปดาห์
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ได้รับมอบดอกไม้และร่วมถ่ายรูปกับสื่อมวลชนที่ร่วมเดินไปส่งจนถึงตึกไทยคู่ฟ้า
ขรก.-จนท.ทำเนียบอำลาสุดซึ้ง
ต่อมาเวลา 13.09 น.พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นไปสักการะท้าวมหาพรหมบนตึกไทยคู่ฟ้าก่อนลงมาพบปะข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลจำนวนมาก ที่ห้องโถงกลางตึกไทยโดยนำดอกกุหลาบแดงมามอบให้พร้อมวงดนตรีได้บรรเลงเพลง‘ความฝันอันสูงสุด’ให้กับพล.อ.ประยุทธ์ และเวลา13.30น.ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบรวมทั้งแฟนคลับได้เข้ามาร่วมให้กำลังใจมอบดอกไม้ถือป้ายเชียร์และร่วมส่งพล.อ.ประยุทธ์ โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับทุกคนว่า อะไรก็ตามที่ทำให้พวกเราไม่สบายใจไม่พอใจก็ขอบอกว่าไม่ได้เป็นสิ่งที่ตั้งใจแบบนั้นขอบคุณทุกคนและทุกหน่วยงานทั้งรัฐและรัฐวิสาหกิจทุกคน ขอให้เดินหน้าได้อย่างปลอดภัย เจอกันข้างนอกขอให้ทักทายกันบ้าง อาจจะจำไม่ได้หน้าตนอาจจะเปลี่ยนไปเยอะทุกคนก็จำหน้าตนได้ในขณะนี้ ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์เชิญชวนให้ทุกคนร่วมร้องเพลง“คำสัญญา”ของวงอินโดจีน,เพลงด้วยรักและผูกพันของ เบิร์ด ธงไชยและเพลง“ศรัทธา”ของวงหินเหล็กไฟ จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อมารับดอกไม้และร่วมถ่ายรูปร่วมกัน
‘พีระพันธุ์-ธนกร’กอดทำน้ำตาคลอ
หลังจากนั้น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรีและนายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเข้ามาสวมกอดอำลาทำให้พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับมีน้ำตาคลอและขึ้นรถยนต์ส่วนตัวเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลในเวลา14.00 น.ตามฤกษ์ที่กำหนดไว้
สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านพิษณุโลก
จากนั้นเวลา 14.06น.พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปยังบ้านพิษณุโลก ถนนพิษณุโลก แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต เพื่อสักการะศาล ท่านท้าวหิรัญพนาสูร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านพิษณุโลก เป็นการส่วนตัว ใช้เวลาประมาณ 15นาที โดยไม่ให้สื่อมวลชนติดตามทำข่าว หลังทำงานเป็นวันสุดท้าย ที่ทำเนียบรัฐบาลจากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ เดินทางกลับบ้านพัก ทั้งนี้ ในอดีตบ้านพิษณุโลก ถือเป็นบ้านพักประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและเรือนรับรองแขกสำคัญของรัฐบาลไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี