2 ก.ย.66 นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์เฟซบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm ในหัวข้อ "นักโทษชายเด็ดขาดที่ชื่อทักษิณ" มีนื้อหาดังนี้
เรามาวิเคราะห์ 1 ปี ที่ทักษิณต้องติดคุกกัน ตามพระบรมราชวินิจฉัย จริงๆแล้วถ้าคิดอีกอย่างผมใช้คำว่า”ทรงมีพระราชประสงค์” ความมุ่งหมายความตั้งใจเมื่อมีคำร้องขอพระราชทานอภัยโทษขึ้นมา
แต่กระนั้นเราเห็นแต่ราชกิจจานุเบกษาที่ออกมาเท่านั้น เราไม่เห็นต้นเรื่องคือคำร้องฎีกาที่ขอพระราชทานอภัยโทษ (ไม่รู้ว่าจะเป็นเอกสารปกปิดหรือเปิดเผยได้) แต่ก็พอเห็นเค้าลางที่เป็นต้นร่างอยู่บ้างในเนื้อความตามราชกิจจานุเบกษาที่น่าจะล้อตามสิ่งที่ทักษิณขอ
ทักษิณได้สถานะ นักโทษเด็ดขาด ซึ่งเสมือนหนึ่งว่าเป็นการตอกย้ำการกระทำผิด สิ่งที่เราเห็นคือกระทงความผิด ๓ อย่าง
๑.ความผิดต่อหน้าที่ทางราชการ
๒.ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
๓.ความผิดในตำแหน่งหน้าที่ราชการ การขัดกันซึ่งผลประโยชน์ส่วนตัวกับส่วนรวม
การถูกลงโทษเยี่ยงนี้ในสมัยโบราณต้องโทษขนาดฟันคอริบเรือน นี่คือหลักประกันว่า ทักษิณรับราชการไม่ได้อีกต่อไป ในความคาดหวังของผมซึ่งคิดไปไกลถึงขนาดตำแหน่งที่สูงกว่านั้นด้วย
ถ้าเราคิดถึงรัฐธรรมนูญ ยังมีตำแหน่ง องคมนตรี ซึ่งทักษิณไม่มีทางจะเป็นได้ (เพราะเป็นนักโทษเด็ดขาดชาย) และผมเข้าใจด้วยความเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า พระเจ้าอยู่หัวจะไม่ทรงโปรดเกล้าฯ เช่นนั้น
……… กระนั้นเรามามองกันต่อ
เราอาจจะเรียกว่า ความผิดต่อหน้าที่ ความผิดต่อตำแหน่ง ความผิดเรื่องเอาประโยชน์ส่วนรวมมาเป็นของตน ทั้งหมดนี้คนร่างฎีกาให้ทักษิณและตัวทักษิณเองเขาได้ยอมรับในสิ่งที่ทำว่าเป็นความจริง ตัวความจริงนี้แหละที่สะท้อนให้เห็นถึงคำตัดสินขององค์คณะศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ตัดสินความผิดได้อย่างถูกต้องแล้ว และศาลย่อมปฏิบัติหน้าที่ภายใต้พระปรมาภิไธย
ทักษิณจึงไม่อาจปฏิเสธซึ่งความจริงในข้อนี้ การที่เขาและพวกพ้องจะไปพูดอะไรออกไปในทำนองที่ว่าศาลไทย กฎหมายไทยมีคนใช้ในการเล่นงานเขาก็คงไม่ได้ รวมถึงคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และการรัฐประหาร พ.ศ. ๒๕๔๙ ก็มิได้มีผลพวงอะไรที่ทำให้ระบบยุติธรรมล้มเหลว
อันที่จริงพระบรมราชวินิจฉัยของพระเจ้าอยู่หัวได้รองรับความยุติธรรมให้กับสังคมไทยอย่างเป็นทางการ และเป็นการกระชับบทลงโทษจาก ๘ ปีเป็น ๑ ปี ซึ่งเรื่องนี้แหละที่ทำให้เราเห็นว่า
๑.ทักษิณถูกตีตราในทางประวัติศาสตร์ ตามที่ผมเขียนมาก่อนหน้านี้
๒.ทักษิณได้รับสมญานามว่าเป็นนักโทษเด็ดขาดชาย ซึ่งต้องจำคุกอีก ๑ ปี คือ ๓๖๕ วัน -๑๐ วัน ที่ระบุไว้ในราชกิจจานุเบกษา เพราะเขาสิ้นอิสระภาพภายใต้สภาวะป่วยหนัก จึงอนุมานว่า ได้รับโทษมาแล้ว ๑๐ วัน
๓.ถ้าอาการป่วยของเขาดีขึ้น เขาต้องเข้าคุก ถ้าไม่เข้าคุกแต่มีความพยายามใดๆที่นอกเหนือ อาการป่วยที่ต้องเข้าไอซียู หรือเขาถึงแก่อนิจกรรม ทักษิณก็ต้องติดคุกอยู่ดี ส่วนขั้นตอนการหย่อนโทษที่ขัดต่อพระบรมราชวินิจฉัยผมก็เชื่อว่า กรมราชทัณฑ์เมื่อทราบเช่นนี้แล้วจะไม่มีใครกล้าหาญริอาจทำให้มันเปลี่ยนแปลงไปได้อีก
อยากให้พวกเราซึ่งเป็นพสกนิกรทั้งหลายจงตั้งสติ คิดทุกอย่างให้รอบคอบ ส่วนคนที่คิดต่างไปจากนี้ผมก็เข้าใจ
ผู้ปกครองกับผู้ถูกปกครอง ย่อมมีความคิดที่แตกต่างกัน แต่เชื่อเถอะ นับแต่บัดนี้ ทักษิณและพวกพ้องคิดจะทำอะไรที่ขัดต่อพระราชประสงค์แบะพระบรมราชวินิจฉัยก็จะยากขึ้น ในตอนท้ายราชกิจจานุเบกษาได้มัดตัวของเขาไว้แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี