ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยืนไม่รับคำฟ้อง'หมอสมิทธิ์”และ5 ส.ส. ฟ้อง“หมอหนู”ออกประกาศสธ.ปลดกัญชาออกจากยาเสพติด โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ชี้ไม่ใช่ผู้เดือดร้อนเสียหาย ระบุผลกระทบประชาชน-เยาวชน ยังแค่คาดการณ์
วันนี้(4 ก.ย.)ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามศาลปกครองชั้นต้นไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาวินิจฉัยและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความในคดีที่นายสมิทธิ์ ศรีสนธิ์ กรรมการแพทย์สภาและนายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง นายสุทิน คลังแสง นายณัฐวุฒิ บัวประทุม นายวิรัตน์ วรศสิริน นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.ฝ่ายค้านในขณะนั้น เป็นผู้ฟ้องคดีที่ 1-6 ยื่นฟ้อง รมวสธ.และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ขอให้ศาลเพิกถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 พ.ศ 2565 ลงวันที่ 8 ก.พ .65 โดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่มีการออกประกาศฉบับดังกล่าว และให้กัญชาจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 พ.ศ 2563 ลงวันที่ 8 พ.ค.63 ดังเดิม
โดยศาลเห็นว่า เห็นว่าที่ผู้ฟ้องคดีอ้างว่าว่าไม่อาจทำหน้าที่ตามที่ กฎหมายเคยให้อำนาจไว้ได้ดังเดิมนั้น เป็นผลกระทบเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ฟ้องคดีที่ 1ในฐานะที่เป็นแพทย์ในการควบคุมการใช้กัญชาที่อาจต้องเปลี่ยนแปลงไป แต่ไม่ได้มีผลกระทบ ต่อสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ฟ้องคดีที่ 1ในฐานะที่เป็นบุคคลเป็นการเฉพาะตัว หรือทำให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายโดยตรง ส่วนที่ผู้ฟ้องคดีทั้งหมดอ้างว่าประกาศที่พิพาท จะมีผลทำให้ภาระงานของผู้ฟ้องคดีที่ 1 และแพทย์คนอื่นๆเพิ่มมากขึ้น ก็เป็นเพียงการ คาดคะเนเท่านั้น ยังไม่แน่นอนว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ ทั้งภาระงานของแพทย์ จะมีมากน้อยเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับปริมาณงานและจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงปัจจัยอื่น ที่เกี่ยวข้อง และที่อ้างว่า ก่อนการออกประกาศดังกล่าวไม่ได้มีการกําหนดมาตรการหรือกลไกใดๆในการคุ้มครองประชาชนผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นด้านการรับรู้ ข้อมูลที่เป็นจริง ด้านความปลอดภัย หรือด้านอื่นใด
และภายหลังจากที่ประกาศนั้นมีผลใช้บังคับแล้ว ก็ไม่ได้มีการกำกับดูแลหรือควบคุม ส่งผลให้เกิดการนำกัญชาไปใช้ในรูปแบบที่หลากหลาย นอกจากใช้ในทางการแพทย์ มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกัญชาอย่างแพร่หลายในท้องตลาด และมีแนวโน้มในการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการเพิ่มมากขึ้นนั้น ก็เป็นปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหลังจากที่ประกาศที่พิพาทมีผลใช้บังคับแล้ว ความเดือดร้อนหรือเสียหายที่อ้างนั้นจึงเป็นปัญหาที่เกิดจากการบังคับใช้กฎหมายภายหลังจากที่ประกาศนั้นมีผลบังคับใช้ ไม่ใช่ความเดือดร้อนหรือเสียหายที่เกิดจากตัวประกาศนั้นเอง ซึ่งผู้ฟ้องคดีทั้งหมดก็ไม่ได้คัดค้าน การนำกัญชามาใช้ และยอมรับในอุทธรณ์ว่าฤทธิ์ของกัญชามีทั้งโทษและคุณประโยชน์ แต่ควรใช้เพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์โดยความควบคุมดูแลของแพทย์ หรือการศึกษาวิจัย ดังนั้น ผู้ฟ้องคดีที่ 1 จึงไม่ได้เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จากการออกประกาศกระทรวงที่พิพาท ที่จะเป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ ตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
ส่วนที่ผู้ฟ้องคดีที่ 2 - 6 อ้างว่า ฟ้องในฐานะประชาชนชาวไทยผู้ได้รับผลกระทบจากบริการสาธารณสุขของรัฐ แต่ผลบังคับของประกาศที่พิพาทก็ไม่ได้ทำให้ผู้ฟ้องคดีที่2-6 ไม่ได้รับ บริการสาธารณสุขหรือทำให้คุณภาพของบริการดังกล่าวลดลง หรือต้องรับภาระในการเสียภาษี มากขึ้น ประกาศดังกล่าวจึงไม่ได้มีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ฟ้องคดีที่2-6 ในฐานะ ประชาชนชาวไทย ทั้งในฐานะส่วนตัวหรือในฐานะผู้เสียภาษี อีกทั้งความกังวลที่ว่าประกาศดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนหรือต่อเยาวชนที่อาจบริโภคในสถานศึกษานั้น ก็ยังไม่ใช่ผลกระทบที่มีลักษณะแน่นอน และไม่ได้ส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนหรือเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดีที่ 2-6 เป็นการเฉพาะตัว แต่เป็นผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนหรือเยาวชนในภาพรวม
ส่วนการที่ผู้ฟ้องคดีที่2-6 อ้างว่าเป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนในพื้นที่ และเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงระหว่างภาครัฐ กับภาคประชาชน และต้องฟ้องคดีแทนประชาชนนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ฟ้องคดีที่ 2-6เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายโดยตรงตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ หรือทำให้เกิดสิทธิ ในการฟ้องคดีแทนประชาชนได้ จึงถือไม่ได้ว่าผู้ฟ้องคดีที่ 2-6 เป็นบุคคล ผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ จากการออกประกาศนั้น ที่จะมีสิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองได้ ตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี