กสม.ส่งเรื่องผู้ตรวจฯยื่นศาล ปค. เพิกถอนคำสั่งอนุญาต'ทักษิณ'นอนชั้น 14

กสม.ส่งเรื่องผู้ตรวจฯยื่นศาล ปค. เพิกถอนคำสั่งอนุญาต'ทักษิณ'นอนชั้น 14

วันอาทิตย์ ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2568, 17.17 น.

เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2568 สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้เผยแพร่ข่าว "กสม.ส่งเรื่องผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นศาล ปค.เพิกถอนคำสั่งอนุญาต'ทักษิณ'นอนชั้น 14" โดยมีเนื้อหาดังนี้

กสม.ลงมติส่งเรื่องผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นฟ้องศาลปกครอง เพิกถอนคำสั่งอนุญาต 'ทักษิณ ชินวัตร' รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ ให้เป็นการกระทำที่ใช้บังคับไม่ได้ หรือ โมฆะ ชี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน มีสาเหตุสำคัญมาจากการปฏิบัติหน้าที่บังคับใช้กฎหมายไม่ครบถ้วนของหน่วยงานของรัฐ


สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้มีการประชุมลงมติส่งเรื่องกรณีเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ส่งตัว นายทักษิณ ชินวัตร ไปรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เป็นเวลา 181 วัน ไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อพิจารณายื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อให้เพิกถอนคำสั่ง ให้เป็นการกระทำที่ใช้บังคับไม่ได้ หรือเป็นโมฆะ

แหล่งข่าวกล่าวว่า การลงมติ กสม.ดังกล่าว สืบเนื่องจากมีผู้ร้องเรียนไปยัง กสม.เมื่อปลายปี 2567 ว่า การละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีนี้ มีสาเหตุสำคัญมาจากการปฏิบัติหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายโดยไม่ครบถ้วนของหน่วยงานของรัฐ คือ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งไม่ได้ทำหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 53 ที่รัฐจะต้องดูแลให้มีการปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเลขาธิการ กสม.ได้มีหนังสือที่ สม 0401/1663 ลงวันที่ 10 เม.ย.2568 ส่งไปยังเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาเสนอเรื่องต่อศาลปกครอง เพื่อเพิกถอนการที่หน่วยงานของรัฐอนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร รักษาอาการป่วยนอกเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และเพิกถอนกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 แล้ว

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ ซึ่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครจะต้องบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องจำนวน 2 ฉบับคือ กฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 ที่กำหนดให้ผู้บัญชาเรือนจำหรืออธิบดีกรมราชทัณฑ์เป็นผู้อนุญาตหรือเห็นชอบในการส่งตัวผู้ต้องขัง และ ป.วิ-อาญา มาตรา 246 ที่บัญญัติให้ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องร้องขอต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับให้จำคุกก่อนที่จะส่งผู้ต้องขังออกไปนอกเรือนจำ ซึ่งการดำเนินการตาม ป.วิ-อาญา มาตรา 246 ในการร้องขอต่อศาล ผู้เกี่ยวข้องที่จะสามารถดำเนินการได้คือ ผู้ต้องขัง สามี ภริยา ญาติผู้ต้องขัง พนักงานอัยการ ผู้บัญชาการเรือนจำ หรือเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จัดการตามหมายจำคุก ดังนั้น หากเป็นการดำเนินการของเรือนจำ ผู้ที่จะร้องขอต่อศาลคือ ผู้บัญชาการเรือนจำ หรือผู้มีหน้าที่จัดการตามหมายจำคุกของเรือนจำ โดยเป็นขั้นตอนที่ต้องดำเนินการต่อเนื่องหลังจากผู้บัญชาการเรือนจำหรืออธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้อนุญาตโดยใช้อำนาจตามกฎกระทรวงแล้ว ยังจะต้องร้องขอต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับโทษจำคุกเสียก่อนจึงจะนำตัวผู้ต้องขังออกไปนอกเรือนจำได้ แต่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้บังคับใช้กฎกระทรวงดังกล่าวเพียงฉบับเดียว โดยไม่บังคับใช้ ป.วิ-อาญา มาตรา 246 ต่อเนื่องไปพร้อมกัน ซึ่งไม่ชอบด้วยวิธีการบังคับใช้กฎหมายที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนทุกฉบับ อันเป็นการกระทำขององค์กรฝ่ายบริหารเพื่อหลีกเลี่ยงหรือล้มล้างอำนาจของศาลซึ่งเป็นองค์กรฝ่ายตุลาการ ขัดต่อหลักการตามรัฐธรรมนูญที่ได้แบ่งอำนาจอธิปไตยออกเป็นสามอำนาจซึ่งจะต้องมีการถ่วงดุลและไม่ก้าวล่วงกัน เป็นการกระทำที่มีลักษณะบั่นทอนทำลายอำนาจขององค์กรฝ่ายตุลาการ อันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และส่งผลให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน

แหล่งข่าวยังกล่าวด้วยว่า นอกจากมาตรการหรือแนวทางในการป้องกันตามที่ กสม.ได้เสนอแนะในรายงานการตรวจสอบที่ 221/2567 แล้ว ผู้ร้องเห็นว่า กสม.สามารถที่จะเสนอแนะหรือดำเนินการเพื่อให้มีการแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกรณีนี้ให้กลับมาเป็นการไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนได้ โดยวิธีการทำให้การบังคับใช้กฎหมายเพื่อส่งตัวนายทักษิณไปรักษาตัวนอกเรือนจำมีความครบถ้วนถูกต้องและเคร่งครัด ซึ่งจะต้องบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้ง 2 ฉบับต่อเนื่องไปพร้อมกัน โดยหากมีการร้องขอต่อศาลก่อนการส่งตัวออกไปนอกเรือนจำ จะทำให้การกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนจะไม่เกิดขึ้นหรือยากที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากศาลจะต้องไต่สวนและมีการแสดงเอกสารหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอจนเชื่อได้ว่านายทักษิณมีอาการป่วยรุนแรงในระดับที่จะถึงอันตรายแก่ชีวิตถ้าต้องจำคุกอยู่ในเรือนจำ ศาลจึงจะมีคำสั่งอนุญาต

แต่หากไม่สามารถย้อนกลับไปดำเนินการใหม่ตาม ป.วิ-อาญา มาตรา 246 ได้ ศาลอาจมีคำสั่งให้การส่งตัวนายทักษิณออกไปนอกเรือนจำซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 53 เป็นการกระทำที่มิอาจใช้บังคับได้หรือเป็นโมฆะทั้งหมด ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 เมื่อเป็นเช่นนี้การกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการที่นายทักษิณได้รับสิทธิรักษาพยาบาลดีกว่าผู้ต้องขังรายอื่นก็จะได้รับการแก้ไขให้หมดสิ้นไป ส่วนจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไปกับนายทักษิณเป็นเรื่องที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จะต้องยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อพิจารณาวินิจฉัยและมีคำสั่งต่อไป

ขณะที่ ผู้ร้องเห็นว่า กสม.ได้เสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการป้องกันไว้แล้วในรายงานตรวจสอบของ กสม.แต่ยังไม่ได้เสนอแนะหรือดำเนินการเพื่อให้มีการแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกรณีนี้ เช่นเดียวกับการดำเนินการเพื่อให้มีการดำเนินคดีอาญากับผู้ที่เกี่ยวข้อง ด้วยการส่งรายงานการตรวจสอบให้กับ คณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อไต่สวนในความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ จึงขอให้ กสม.พิจารณาดำเนินการให้มีการแก้ไขการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีนี้ เพื่อให้กลับมาเป็นการกระทำที่ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 53 หรือเพื่อให้การกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าวเป็นอันใช้บังคับมิได้ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 วรรคหนึ่ง

โดยขอให้ กสม. ดำเนินงานร่วมกันกับผู้ตรวจการแผ่นดิน ตาม พรป.กสม. มาตรา 6 วรรคสอง เพื่อขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการตาม พรป.ผู้ตรวจการแผ่นดิน มาตรา 23 (2) เพื่อเสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลปกครองเพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ โดยขอให้เพิกถอนการกระทำของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ได้บังคับใช้กฎหมายที่ไม่ครบถ้วน กรณีไม่ได้ร้องขอต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับให้จำคุก ตาม ป.วิ-อาญา มาตรา 246 ซึ่งเป็นการกระทำของหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ และโดยไม่สุจริต และขอให้ศาลปกครองเพิกถอนกฎกระทรวง การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 หากพิจารณาเห็นว่า การที่ยังคงมีกฎกระทรวงฉบับนี้จะทำให้มีการหลีกเลี่ยงไม่บังคับใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 246 ซึ่งจะทำให้การบังคับโทษตามหมายจำคุกของศาลเสื่อมประสิทธิภาพ ไม่บรรลุวัตถุประสงค์ตามคำพิพากษา

ขอบคุณที่มาจาก : https://www.isranews.org/article/isranews-news/137366-invesdsdssdsd-8.html

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top