"ศุภชัย"มั่นใจรัฐบาลอยู่ยาว 4 ปี รับที่ผ่านมา ภท.ยืนข้างลุงมากไปทำพลาดเป้า อ้อนก้าวไกลอย่าเพิ่งตัดรอนร่วมรัฐบาลครั้งหน้า จี้กกต.ตรวจสอบนโยบายหาเสียง อย่าปล่อยโฆษณาชวนเชื่อ
เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2566 นักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) รุ่นที่ 13 จัดเสวนานำเสนอยุทธศาสตร์ หัวข้อ “ยุทธศาสตร์เสริมสร้างให้ระบบการเลือกตั้งได้รับการยอมรับ” โดยมี นายศุภชัย ใจสมุทร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รักษาการหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข เข้าร่วม
ทั้งนี้ ระหว่างการแนะนำตัวบนเวทีบรรยากาศค่อนข้างผ่อนคลาย นายศุภชัย ได้แซวนายพิธา ว่าปัจจุบันได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพล แต่อย่าเป็นผู้มีอิทธิพล เพราะถ้านายชาดา (ไทยเศรษฐ) มาแล้วจะยุ่ง สร้างเสียงหัวเราะทั้งบนเวที และห้องประชุม
นายศุภชัย กล่าวว่า ที่จริงอาจต้องเปลี่ยนหัวข้อการเสวนาเป็น “พรรคการเมืองที่คนไทยต้องการ” เพราะประชาชนมีความหลากหลาย แต่ที่แน่ๆ “พรรคการเมืองที่คนไทยไม่ต้องการ” นั้น จบไปแล้วตั้งแต่การเลือกตั้งที่ผ่านมา พวกเราที่เหลือคือพวก Survivor อย่างไรก็ตาม พรรคการเมืองที่จะนำพาประเทศนี้เดินต่อไปได้ ต้องยอมรับว่าประเทศเสรีประชาธิปไตยที่ไม่มีการยึดอำนาจ หรือมีอำนาจอื่นเข้ามา แล้วปล่อยให้ไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย องค์กรที่สำคัญคือองค์กรพรรคการเมือง วันนี้แม้คำว่า “พิธา” จะมาแรง แต่สิ่งที่ขับเคลื่อนจริงๆ คือ “พรรคก้าวไกล” คำว่า “อนุทิน” สิ่งที่ขับเคลื่อนจริงๆ คือ “พรรคภูมิใจไทย”
ทั้งนี้ การเมืองไทย จัดเป็นการเมืองสมัยใหม่ ที่ทุกพรรคการเมืองต้องมีการทบทวนบทเรียนจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคการเมืองที่ขวาสุด เสรีนิยมมากไป ประเทศก็มีปัญหา เศรษฐกิจมีปัญหา อนุรักษ์นิยมมากไปก็ทำให้ประเทศเกิดปัญหาเช่นกัน ดังนั้น คิดว่า ถึงจุดๆ หนึ่ง เราต้องอยู่ในจุดที่มีความสมดุลทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ทำอย่างไรที่จะสนองความต้องการของประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของประเทศ ผ่านพรรคการเมือง บ้านเมืองจะเดินหน้าต่อไปให้ดีที่สุดพรรคการเมืองต้องมีความสมดุลในทุกเรื่อง และเพื่อให้ไปต่อได้ต้องปรับตัวเพื่อที่จะได้เกิดใหม่ มีการเปิดโอกาสนักการเมืองรุ่นใหม่ และสื่อสารการเมือง
ทั้งนี้ บทเรียนการเลือกตั้งที่ผ่านมา การไม่ชอบลุงก็ทำให้ผู้คนมีอารมณ์ แต่ก็ไม่ชัดเจนพอที่จะเอามาสะท้อนผลการเลือกตั้งที่พรรคก้าวไกลชนะแบบถล่มทลายได้ แต่ทุกพรรคต้องมาทบทวนเรื่องนี้ ซึ่งพรรคก้าวไกลเองจากนี้ต้องก้าวย่างอย่างระมัดระวัง ส่วนภูมิใจไทยก็ต้องทบทวนว่าจะทำอย่างไรให้เป็นพรรคที่ยังอยู่ได้ในอนาคต เพราะการที่พรรคก้าวไกลมาแรง จากครั้งที่เป็นพรรคอนาคตใหม่ได้ 62 ที่นั่ง แต่ครั้งนี้พรรคก้าวไกลมามืดฟ้ามัวดิน ในส่วนของภูมิใจไทย แม้ว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ภูมิใจไทยได้มา 51 ที่นั่ง ครั้งนี้ได้มา 71 ที่นั่ง หายไป 20 ที่นั่ง จากที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 90 ที่นั่ง สาเหตุด้วยความที่ผ่านมาภูมิใจไทยมีจุดยืนว่าไปอยู่กับลุงมากไป ทำให้คนที่อยู่ข้างลุง ก็ไปเลือกลุง ดังนั้น ที่สุดแล้ว ภูมิไทยก็มีจุดขาย คือ “พูดแล้วทำ” ซึ่งมีนักการตลาดเตือนว่าอาจจะมีปัญหาได้ เพราะจะมีพรรคไหนที่พูดแล้วสามารถทำได้บ้าง
“เชื่อว่า ครั้งหน้ายังมีพรรคภูมิใจไทยอยู่แน่นอน พรรคก้าวไกลจะเติบโตขึ้น หรือแม้จะเปลี่ยนเป็นชื่ออื่นก็ตาม สุดท้ายแล้วเราก็พร้อมที่จะอยู่ไปกับพรรคก้าวไกล ในวันที่ก้าวไกลไปสู่ในอนาคต ก็ยังมีภูมิใจไทยอยู่ และอย่าเพิ่งตัดรอนที่จะร่วมรัฐบาล” นายศุภชัย กล่าว และเรียกร้อง กกต.ต้องเอาจริงในการตรวจสอบการออกนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองต่างๆ ว่าเข้าข่ายโฆษณาชวนเชื่อหรือไม่ ทำได้หรือไม่ โดยเฉพาะที่ใช้งบประมาณควรให้แบงค์ชาติเข้ามาช่วยในการตรวจสอบ
นายศุภชัย กล่าวด้วยว่า พรรคภูมิใจไทยมีการแบ่งงานเป็น 2 ส่วนคือ การทำงานของพรรค และการทำงานของสภา หัวหน้าพรรคกำชับอย่างเข้มข้นว่า รัฐมนตรีทุกคนต้องทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ และตรวจสอบอย่างเข้มข้น ในส่วนของสภาก็กำหนดในแต่ละสัปดาห์ว่า ส.ส.แต่ละคนควรทำอะไรบ้าง กฎหมายที่ยังคั่งค้างก็ต้องเสนอและเร่งผลักดัน และกำกับดูแลอย่างเต็มที่ ดังนั้น ถ้ามองถึงหัวหน้ารัฐบาลอย่าง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่มีความมุ่งมั่นที่จะฟันฝ่าปัญหาอุปสรรคที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ตนและพรรคภูมิใจไทยพร้อมสนับสนุน และมั่นใจว่ารัฐบาลนี้ดูจากจำนวน ส.ส.ที่มีการทำงานที่กำกับดูแลอย่างใกล้ชิดไม่ให้มีการคอรัปชั่น ก็มั่นใจว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ครบ 4 ปี
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี