เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าว ตอนหนึ่งในการเสวนานำเสนอยุทธศาสตร์ หัวข้อ “ยุทธศาสตร์เสริมสร้างให้ระบบการเลือกตั้งได้รับการยอมรับ” จัดโดยนักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) รุ่นที่ 13 ว่า การเป็นพรรคมวลชนที่ก้าวหน้าและตรวจสอบได้ เป็นพันธกิจของพรรคก้าวไกล โดยต้องยึดโยงกับประชาชนได้ และต้องอยู่ในระบบนิเวศน์การเมืองที่ “เกิดง่าย อยู่ได้ ยุบยาก” โดยกว่าจะเกิดได้ต้องมีสมาชิกถึง 5,000 คนใน 1 ปี และ 10,000 คนใน 4 ปี สำหรับพรรคการเมืองที่ยังไม่มีผลผลิตยังไม่มีสส.เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งการจะทำให้ตลาดการเมืองมันคึกคักขึ้นมาต้องพึ่งเรื่องเหล่านี้ พรรคการเมืองต้อง 4 สาขา ใน 4 ภูมิภาค และยังต้องมีการเสียงเงินเป็นสมาชิกพรรคถ้า 5,000 คนก็คือ 500,000 บาท ถ้าจะเป็นตลอดชีพก็คนละ 2,000 บาทเป็นเงินรวม 10,000,000 บาท จึงทำให้พรรคการเมืองเกิดยากอยู่พอสมควร ที่ผ่านมาเราพึ่ง กกต.มากที่สุดจากเงินกองทุนพัฒนาการเมืองและการบริจาค แต่ก็มีข้อจำกัดที่เยอะไป แต่พรรคสามารถหารายได้จาก 3 ทาง ได้แก่ สมาชิก ขายของที่ระลึก และการจัดระดมทุนเหมือนการจัดโต๊ะจีน แต่ใน 3 ข้อนี้ก็ยังมีกฎหมายหยิบย่อยอีกแต่สุดท้ายเราก็จะเป็นพรรคการเมืองที่เกิดง่าย อยู่ได้ และยุบยาก และถ้าทำอย่างนั้นได้ตนจะกลายเป็นพรรคมวลชนที่ไม่ต้องพึ่งทุนใหญ่

"ทุกวันนี้เราสามารถอยู่ได้ด้วยทุนตนเอง ซึ่ง ณ วันนี้สมาชิกพรรคก้าวไกลมี 70,000 คน เพิ่มขึ้นในแต่ละเดือน 6,000 - 7,000 คน และเราถือเป้าหมายว่าเราจะเป็นพรรคการเมืองที่มีสมาชิกพรรคสูงที่สุดภายในประเทศ ให้เกิน 100,000 คน ภายในสิ้นปีนี้"

ส่วน 4 ปีของรัฐบาลมีปัจจัยอะไรนั้น หนึ่งคงต้องอยู่ที่การร่วมมือของ 2 พรรค และปัจจัยที่สองอยู่ที่ตนว่าเป็นฝ่ายค้านที่เข้มข้นแค่ไหน ซึ่งก็ยินดีกับรัฐบาลใหม่ที่จัดตั้งได้ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแต่เป็นหลักการ และประชาชนให้ตนทำงานตรวจสอบ ปัจจัยที่สาม ในส่วนของมวลชนที่ตรวจสอบเข้มข้นแค่ไหน และปัจจัยที่สี่คือประชาชนว่าพอใจกับการทำงานของรัฐบาล ฝ่ายค้าน และสื่อมวลชนมากแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่ามีการปรับฐานการเมืองของประชาชนที่ไม่ต้องการรัฐประหาร ไม่ต้องการคอร์รัปชัน ไม่ต้องการทุนผูกขาด

- 006