อย่าติดนิสัยซีอีโอบริษัท! "สว.สมชาย"แตะเบรค"เศรษฐา" มองข้ามช็อตเตรียมตั้ง"ทักษิณ"คุมรัฐบาล ชี้ต้องเข้าสู่กระบวนการนิติธรรม เป็นนักโทษต้องติดคุกก่อน 1 ปี สร้างบรรทัดฐานปรองดองทุกฝ่าย เผย"กมธ.พัฒนาการเมืองฯ"เตรียมเชิญฝ่ายเกี่ยวข้องให้ข้อมูลเพิ่มเติม ปมขั้นตอน-มาตรฐานการรักษาตัว 25 ก.ย.นี้
เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2566 ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ระบุกับสำนักข่าวต่างประเทศ ถ้า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พ้นโทษ จะให้มีบทบาทในรัฐบาลชุดนี้ โดยอาจจะให้ดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ว่า ต้องดูหลักนิติธรรมเป็นหลัก โดยเฉพาะการควบคุมนักโทษ จะดำเนินการอย่างไร ให้เป็นกระบวนการทางกฎหมายที่มีความน่าเชื่อถือแม้นายทักษิณ จะเคยเป็นอดีตนายกฯ มีคุณงามความดี แต่ก็มีคดีติดตัวถึง 3 คดี
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ส่วนตัวคิดว่า เพื่อให้เกิดหลักนิติธรรม และเกิดการสร้างความปรองดองในประเทศ ควรพิจารณาเรื่องนิติธรรมควบคู่ไปกับความเหมาะสม นายทักษิณควรเข้าสู่ระบบนิติธรรมอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงเปิดเผยการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ที่ยังไม่ทราบเรื่องว่า ทำการรักษาอย่างไร ซึ่งประเด็นนี้ ในวันที่ 25 ก.ย.ทางคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปลัดกระทรวงยุติธรรม , อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำ และ ผอ.ราชทัณฑ์ สถานที่ดูแลอาการเจ็บป่วยของนายทักษิณ มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ว่าขั้นตอนการรักษา มีมาตรฐานอย่างไร แต่คงไม่ถึงขั้นก้าวล่วงถามถึงอาการเจ็บป่วยของนายทักษิณ
"การที่นายเศรษฐาพูดถึงนายทักษิณ จะแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีนั้น จะต้องผ่านด่านที่ 1 คือการเข้าสู่กระบวนการรับโทษ ส่วนเกณฑ์การขอรับโทษเพิ่มเติม ผมคิดว่านายทักษิณได้มากพอสมควรแล้ว ในระยะเวลาที่เหลือนั้นควรดำเนินการให้เป็นแบบอย่าง ตัวนายทักษิณเอง ก็เคยพูดเสมอว่า อยากเห็นประเทศไทยมีรัฐบุรุษในเรื่องคดีความแบบนี้ ประเทศในโลกซึ่งอดีตผู้นำหลายประเทศ ที่มีคดีทุจริต ก็ต่างเข้าสู่กระบวนการด้วยกันทั้งสิ้น" นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวอีกว่า หลักนิติธรรมที่นายเศรษฐาพูด ประการแรกคือต้องทำให้ นายทักษิณอยู่ในความน่าเชื่อถือ ไม่ใช่ได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา ขณะเดียวกันถ้านายทักษิณจะเป็นต้นแบบในการปรองดอง ตนเห็นว่ารัฐบาลน่าจะหยุดคดีความเรื่องของความขัดแย้งในอดีตหลังรัฐธรรมนูญปี 2540 ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรในปี 2547 - 48 จนนำไปสู่การรัฐประหารในปี 49 ในคดีการชุมนุมของกลุ่ม นปก.และ นปช.ที่มีการบาดเจ็บล้มตาย รวมถึงคดีปิดสนามบิน คดีเผาศาลากลาง คดีอื่นๆถ้าเป็นเหตุทางการเมือง ที่ไม่ทำให้เกิดการเสียชีวิต เพียงแค่มีความเสียหายด้านทรัพย์สิน สิ่งเหล่านี้น่าได้รับการเข้ามาอยู่ในคณะกรรมการปรองดอง ที่พิจารณาออกพรก.นิรโทษกรรม ให้กับกลุ่มต่างๆ ที่มีความขัดแย้งทางการเมือง เว้นแต่คดีมาตรา 112 ซึ่งบุคคลที่จะได้รับอภัยโทษ อาจต้องได้รับพระมหากรุณาธิคุณเอง และต้องสำนึกผิดเอง ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่นายกฯ ควรเร่งดำเนินการ
"ถ้าเป็นไปได้นายทักษิณควรอยู่ในเรือนจำให้ครบ 1 ปี เป็นเรื่องของการปรองดอง อภัยซึ่งกันและกัน โดยให้ทุกฝ่ายยอมรับกับสังคม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็ตาม ยอมรับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเปลี่ยนผ่าน ผมคิดว่าถ้าทำพร้อมกันก็เสร็จ แต่หากปล่อยนายทักษิณออกมาก่อน แล้วคนอื่นๆ ยังติดคดี สังคมอาจจะไม่สงบ อาจเกิดคลื่นใต้น้ำ ไปยังรัฐบาลเศรษฐาได้" นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ส่วนการที่นายกฯ ระบุจะแต่งตั้งนายทักษิณเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ตนมองว่าไม่มีความจำเป็น เพราะมีอดีตนายกรัฐมนตรีหลายคน ที่ควรพบและขอคำปรึกษาได้ เช่น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายอานันท์ ปันยารชุน แม้กระทั่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ให้อยู่นอกตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ดีกว่า ดังนั้น ถือว่าเร็วเกินไปที่นายเศรษฐา จะมาตอบว่าจะให้นายทักษิณมาเป็นที่ปรึกษารัฐบาล เพราะเรื่องนี้จะกระทบความเชื่อมั่น กระทบเรื่องกระบวนการยุติธรรม ความศรัทธาต่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าไปตั้งเลย ขอคำปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการดีแล้ว
นายสมชาย กล่าวด้วยว่า ขณะที่การทำงานของนายเศรษฐา ที่ไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ 78 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา หลายเรื่องก็ดี ไปอธิบายให้เวทีสากลทราบ อย่างเช่นคำถามเกี่ยวกับความเป็นกลาง ระหว่างสหรัฐกับจีน ที่เป็นขั้วขัดแย้ง นายเศรษฐาก็ตอบดี แต่วันนี้รัฐบาลของนายเศรษฐา ก็ต้องเดินตามแนวเดิม ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็คือการประสานงานทุกฝ่ายไม่เลือกข้างใดข้างหนึ่ง ส่วนการเดินทางไปแล้วให้สัมภาษณ์สื่อ เชื่อว่าก็คงเตรียมความพร้อมไปอยู่แล้ว ซึ่งนายเศรษฐาก็ตอบคำถามได้ดี
"บางเรื่องอย่าไปใจด่วนใจเร็ว เพราะอาจจะเคยเป็นซีอีโอบริษัท ที่สั่งแล้วต้องได้ทุกอย่าง บางเรื่องต้องฟังเสียงติติงก่อนแล้วค่อยพิจารณา อาจจะช้าไปนิดนึง แต่เพื่อให้เกิดความมั่นคง ยั่งยืนกว่า วันนี้วิกฤตเศรษฐกิจมีอยู่ทั่วโลก ถ้าประเทศไทยประคองไปได้ถือว่าดีมาก คิดว่ารัฐบาลของนายเศรษฐา ได้ผลพวง 8 - 9 ปีจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่วางโครงสร้างพื้นฐานไว้ ขอให้รีบต่อยอด เดินหน้าประเทศไทยให้เป็นประเทศที่พัฒนาได้ มีความโปร่งใสซื่อสัตย์สุจริตจะดีกว่า" นายสมชาย กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี