ดาหน้าถล่มแนวคิด‘เศรษฐา’
ต้าน‘แม้ว’คุมรบ.
สว.ยันต้องติดคุกก่อน1ปี
เป็นต้นแบบหลักนิติธรรม
หมอวรงค์ซัดทำรบ.เสื่อม
ปชป.เตือนระวังสายล่อฟ้า
ปมร้อนเขย่าข้ามโลก “เศรษฐา” ลั่น “ทักษิณ” พ้นคุก จะมีบทบาทในรัฐบาลชุดนี้พร้อมขอคำแนะนำ เชื่อจะสร้างคุณประโยชน์ให้ประเทศได้ “ภูมิธรรม” หนุนแนวคิด“เศรษฐา” ดึง “ทักษิณ” ช่วยแก้ปัญหาประเทศ หลังพ้นโทษ ไร้ก.ม.ขวางชี้เป็นผู้มากประสบการณ์บริหารประเทศ “สว.สมชาย” แตะเบรก ชี้ “ทักษิณ” ต้องเข้าสู่กระบวนการนิติธรรม เป็นนักโทษต้องติดคุกก่อน 1 ปีสร้างบรรทัดฐานปรองดองทุกฝ่าย เผยกมธ.พัฒนาการเมืองฯเตรียมเชิญฝ่ายเกี่ยวข้องให้ข้อมูลเพิ่มเติม ปมขั้นตอน-มาตรฐานการรักษาตัว25ก.ย.นี้
เมื่อวันที่ 22กันยายน2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของไทยให้สัมภาษณ์กับ ฮาสลินดา อามิน ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์ก ที่นครนิวยอร์ก ว่า เขามองว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะยังคงมีบทบาทในรัฐบาลเมื่อ นายทักษิณ ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ โดยการแสดงความเห็นของ นายเศรษฐา นับเป็นการส่งสัญญาณว่า นายทักษิณ จะยังคงมีอิทธิพลอย่างมากในแวดวงการเมืองของไทย”ผมเชื่อว่า นายทักษิณ จะสร้างคุณประโยชน์ให้กับรัฐบาลและประชาชนชาวไทย นายทักษิณ ยังคงเป็นนายกฯที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองของไทย และคงเป็นเรื่องไม่ฉลาดเลยที่ผมจะไม่เข้าไปขอคำแนะนำจากนายทักษิณเมื่อเขาได้รับการปล่อยตัว ซึ่งรวมถึงการขอคำแนะนำจากอดีตนายกรัฐมนตรีคนอื่น ๆ ด้วย” นายเศรษฐา กล่าวกับผู้สื่อข่าวของบลูมเบิร์ก
นายกฯเล็งดึง’แม้ว’นั่งทีปรึกษาฯ
ทั้งนี้ นายเศรษฐา กำลังอยู่ที่นครนิวยอร์กของสหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) ครั้งที่ 78 โดยเขาก้าวขึ้นเป็นนายกฯไทยคนแรกในรอบเกือบ 10 ปีหลังจากเกิดการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของนายทักษิณในปี 2557 ในระหว่างให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์ก นายเศรษฐา ซึ่งอยู่ในแวดวงธุรกิจภาคเอกชนมากว่า 30ปี กล่าวว่า ยอมรับว่ามีประสบการณ์ไม่มากนักทางด้านการเมือง แต่เขาก็ไม่มีความกังวลใด ๆ เกี่ยวกับความยั่งยืนของรัฐบาลผสมชุดนี้
“ผมเชื่อมั่นว่า รัฐบาลมีเสถียรภาพอย่างมาก” นายเศรษฐากล่าว ส่วนกรณีที่ นายทักษิณ จะมีบทบาทอะไรในรัฐบาลนั้น ยังไม่มีความชัดเจน โดย นายเศรษฐา กล่าวว่า “รอฟังข่าวก็แล้วกัน”
‘ภูมิธรรม’หนุนมีความรู้ความสามารถ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบลูมเบิร์กทีวี ว่า ถ้า นายทักษิณ ชินวัตร พ้นโทษแล้ว ก็จะให้มีบทบาทในรัฐบาลนี้ อาจจะดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษานายกฯ ซึ่งเป็นตำแหน่งใหม่ในรัฐบาลชุดนี้ ว่า เป็นความเห็นของนายกฯที่อยากได้ประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ ของนายทักษิณ ก็ต้องไปดูว่า มีข้อติดขัดอะไรทางด้านกฎหมายหรือไม่ ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะมีปัญหาตรงนี้อย่างไร แต่คิดว่าหากเคลียร์ทุกอย่างแล้ว การให้ข้อคิดเห็น ข้อแนะนำ เป็นบทบาทที่ นายทักษิณ ทำได้ ซึ่ง นายทักษิณ ก็พูดอยู่เสมอว่า กลับมาคราวนี้ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยก็จะอยู่กับครอบครัว ส่วนเรื่องของประเทศชาติไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม ถ้าสามารถช่วยได้ก็ยินดีและตนคิดว่าเป็นไปได้ ถ้าเป้าหมายอยู่ที่ประเทศชาติดีขึ้น เพราะการบริหารราชการแผ่นดิน นายทักษิณ มีประสบการณ์ สามารถบริหารมา 6 ปีต่อเนื่อง ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ได้ร่วมมือและรับฟังความคิดเห็นจากท่านไป เมื่อถามว่า หากเป็นแค่เป็นที่ปรึกษาแต่ไม่รับตำแหน่งทางการเมืองจะไม่เกิดความขัดแย้งอะไรใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะรัฐบาลฟังเสียงของประชาชนกลุ่มต่างๆ อยู่แล้ว นายทักษิณ ก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่ห่วงใยบ้านเมือง และสามารถให้ข้อคิดเห็นอะไรที่เป็นประโยชน์ได้
กก.ประชามติอีก1-2สัปดาห์ชัดเจน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งคณะกรรมการฯ ว่า จะพูดคุยกันภายใน 1 - 2 สัปดาห์ เพื่อให้การตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวเรียบร้อย ส่วนไทม์ไลน์การทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ ขอให้มีการนัดประชุมในครั้งแรกก่อน โดยในการประชุมวันแรกจะเห็นไทม์ไลน์ วัตถุประสงค์ ขอบเขต เป้าหมาย รวมถึงการร่างกฎหมายลูกต่างๆ”ผมหวังว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น สมมุติว่ารัฐบาลครบ 4 ปี ผมอยากเห็นการเลือกตั้งครั้งหน้ามีกฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่ มีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญใหม่ให้สำเร็จ เพื่อใช้ในการเลือกตั้ง”
เผยทาบอาจารย์-คณบดีหลายคน
นายภูมิธรรม ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ตนได้มีการทาบทาม ผู้ที่มาร่วมเป็นคณะกรรมการชุดดังกล่าวโดย ทาบทามและพูดคุยกับทั้ง นายเอกชัย ไชยนุวัฒน์ รองคนบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม นางสาวสิริวรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายนิกร จำนงค์ ประธานคณะกรรมการนโยบาย พรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งบุคคลเหล่านี้ให้ความสนใจ แต่ก็ต้องพูดคุยในรายละเอียด เพราะอยากให้ทุกคนที่เข้ามาร่วมเกิดความสบายใจ เพราะอยากให้มีการพูดคุยที่มีบทบาท และทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย ส่วน นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา อดีตประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการทาบทาม
อยากคุย’วิษณุ’ร่วมคกก.ประชามติ
เมื่อถามว่า จะมีการทาบทาม นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายวิษณุ ยังไม่มีโอกาสได้คุย แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากจะคุย เพราะท่านเป็นผู้รู้ เป็นคนที่เชี่ยวชาญในกฎหมาย รวมถึงทั้งหลายท่านที่เคยมีบทบาท เราจะได้เอาความคิดเห็น หรือหากยังไม่มีโอกาสคุยเวลาที่มีประชุมก็สามารถปรึกษาหารือกันได้ เมื่อถามว่า ได้ทาบทามตัวแทนพรรคก้าวไกลเข้าร่วมคณะกรรมการชุดดังกล่าวหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า พรรคการเมืองตนพยายามเชิญมาร่วมให้มากที่สุด แต่เรามีข้อจำกัดเรื่องปริมาณจำนวนคน เมื่อลิสต์รายชื่อก็เกิน 30คน ใหญ่มากเกินไป ก็ทำงานลำบาก แต่ถ้าไม่ได้เป็นคณะกรรมการ ก็สามารถเข้ามามีส่วนร่วมพบปะพูดคุยแสดงความคิดเห็น
‘สุทิน’หนุนแนวคิดดึง‘ทักษิณ’ช่วย
นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ที่บอกว่า หาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯพ้นโทษ จะตั้งเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นความรู้สึกของท่าน ที่ต้องเข้าใจท่าน ในส่วนของตนยังไม่มีความเห็น แต่ใครก็ตามในประเทศนี้ ที่เป็นคนที่มีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อประเทศชาติ ก็ควรที่จะให้โอกาส เพื่อมารับใช้สังคม ไม่เจาะจงคนใดคนหนึ่ง ไม่เฉพาะนายทักษิณ เมื่อถามว่า นายทักษิณ เคยออกมาพูดตลอดว่า จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางการเมือง แต่ถ้าเชิญมาเป็นที่ปรึกษานายกฯจะเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ยังไม่ได้ระบุว่าเป็นนายทักษิณ โดยความเห็นของตนโดยทั่วไป สำหรับ นายทักษิณ ก็คงจะคิดถึงหลายด้าน เมื่อถามว่าล่าสุด สว.ออกมาเบรกการตั้ง นายทักษิณ เป็นที่ปรึกษานายกฯว่า ก็ต้องรับฟัง ทุกความคิดเห็น ความเห็นสนับสนุนหรือจะเป็นความเห็นต่าง ส่วนที่จะเป็นสายล่อฟ้า รัฐบาล หรือไม่ตรงนี้ก็ต้องมาพูดมารับฟังกัน
ปชป.แนะดูแลปชช.-ระวังสายล่อฟ้า
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณี นายเศรษฐา จะตั้งนายทักษิณ นั่งที่ปรึกษานายกฯหลังพ้นโทษแล้วว่า เป็นดุลพินิจและการพิจารณาของนายกฯว่า จะขอคำปรึกษาจากใครก็ได้ทั้งอดีตนายกฯทักษิณและอดีตนายกฯท่านอื่นๆ ที่คิดว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์กับการทำงานในฐานะนายกฯ การที่นายกฯเศรษฐาบอกว่านายกฯทักษิณเคยเป็นหรือบางทียังคงเป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ก็เป็นความคิดของนายกฯ และคนอื่นๆ ที่นิยมชมชอบคุณทักษิณย่อมมีความคิดเช่นนี้ได้ แต่นายกฯเศรษฐาก็คงไม่ลืมว่าอดีตนายกฯทักษิณที่มีคนไม่นิยมชมชอบมากที่สุดคนหนึ่งเหมือนกัน อดีตนายกฯทักษิณก็เป็นนักการเมืองที่มีความรู้ความสามารถพอสมควรระดับหนึ่ง อาจจะมากหรือน้อยก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละบุคคล แต่ก็เป็นนักการเมืองที่มีคนครหานินทา ไม่ไว้วางใจในเรื่องความโปร่งใสอยู่มาก ถ้านายกฯต้องการขอคำปรึกษา อาจจะปรึกษากันเป็นการภายในก็น่าจะทำได้อยู่แล้ว เพราะอดีตนายกฯทักษิณก็ถือเป็นสายล่อฟ้าทางการเมืองคนหนึ่งอย่างต่อเนื่องตลอดมา
“จึงขอฝากข้อคิดให้นายกฯ เศรษฐาพิจารณาว่าขณะนี้ท่านกำลังเป็นผู้นำที่กำลังนำรัฐนาวาประเทศไทยเดินหน้า อะไรที่อาจจะเป็นภาระก็อาจจะเบรกไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องเพิ่มภาระมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันควรเอาเวลาไปบริหารราชการให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขเพิ่มขึ้นจะดีกว่า”นายองอาจ กล่าว
‘หมอวรงค์’ซัด ดิสเครดิตรัฐบาลเอง
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี บอกสื่อต่างชาติว่า จะให้ นายทักษิณ มาเป็นประธานที่ปรึกษานายกฯ หลังพ้นโทษ ดูแล้วท่านนั่นแหละที่จะทำให้รัฐบาลเสื่อม นายกฯ เศรษฐา ควรพูดกับสื่อต่างประเทศว่า จะให้ นายทักษิณ จำคุกเหมือนประชาชนทั่วไป เพื่อหลักนิติรัฐ นิติธรรม ความเท่าเทียม ท่านเชื่อไหมว่า ภาพของนายกฯเมืองไทยจะดูดีในสายตาชาวโลกทันที แต่การที่ท่านไปให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่า จะให้ นช.ทักษิณ มีบทบาทในรัฐบาลนี้ เป็นประธานที่ปรึกษานายกฯ เมื่อพ้นคุก ผมคิดว่า สื่อต่างชาติคงมองว่า เมืองไทยคงหาคนเก่งที่ซื่อสัตย์ สุจริตไม่ได้แล้วหรือ จึงต้องไปรอนักโทษคดีทุจริตมาเป็นที่ปรึกษา สุดท้ายแล้วท่านอย่าไปโทษใครเลย ท่านนั่นแหละที่เป็นผู้ทำลายเครดิต ความน่าเชื่อถือรัฐบาลท่านเอง ที่สำคัญนี่เป็นเพียงช่วงเริ่มต้น ผมยังแอบให้กำลังใจท่าน แต่ดูแล้วท่านยังต้องผ่านอีกหลายเรื่อง น่าจะลำบากมาก.
‘สว.สมชาย’เบรกต้องติดคุกก่อน
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงกรณี นายเศรษฐา ระบุกับสำนักข่าวต่างประเทศ ถ้า นายทักษิณ พ้นโทษ จะให้มีบทบาทในรัฐบาลชุดนี้ โดยอาจให้ดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษานายกฯว่า ต้องดูหลักนิติธรรมเป็นหลัก โดยเฉพาะการควบคุมนักโทษ จะดำเนินการอย่างไร ให้เป็นกระบวนการทางกฎหมายที่มีความน่าเชื่อถือแม้นายทักษิณ จะเคยเป็นอดีตนายกฯ มีคุณงามความดี แต่ก็มีคดีติดตัวถึง 3คดี ส่วนตัวคิดว่า เพื่อให้เกิดหลักนิติธรรมและเกิดการสร้างความปรองดองในประเทศ ควรพิจารณาเรื่องนิติธรรมควบคู่ไปกับความเหมาะสม นายทักษิณควรเข้าสู่ระบบนิติธรรมอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงเปิดเผยการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ที่ยังไม่ทราบเรื่องว่า ทำการรักษาอย่างไร ซึ่งประเด็นนี้ ในวันที่ 25 ก.ย.ทางคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปลัดกระทรวงยุติธรรม , อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำ และ ผอ.ราชทัณฑ์ สถานที่ดูแลอาการเจ็บป่วยของนายทักษิณ มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ว่าขั้นตอนการรักษา มีมาตรฐานอย่างไร แต่คงไม่ถึงขั้นก้าวล่วงถามถึงอาการเจ็บป่วยของนายทักษิณ
ต้องรับโทษเหมือนผู้นำหลายปท.
“การที่นายเศรษฐาพูดถึงนายทักษิณ จะแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีนั้น จะต้องผ่านด่านที่ 1 คือการเข้าสู่กระบวนการรับโทษ ส่วนเกณฑ์การขอรับโทษเพิ่มเติม ผมคิดว่านายทักษิณได้มากพอสมควรแล้ว ในระยะเวลาที่เหลือนั้นควรดำเนินการให้เป็นแบบอย่าง ตัวนายทักษิณเอง ก็เคยพูดเสมอว่า อยากเห็นประเทศไทยมีรัฐบุรุษในเรื่องคดีความแบบนี้ ประเทศในโลกซึ่งอดีตผู้นำหลายประเทศ ที่มีคดีทุจริต ก็ต่างเข้าสู่กระบวนการด้วยกันทั้งสิ้น” นายสมชาย กล่าว
ต้องทำตนเป็นต้นแบบการปรองดอง
นายสมชาย กล่าวอีกว่า หลักนิติธรรมที่นายเศรษฐาพูด ประการแรกคือต้องทำให้ นายทักษิณอยู่ในความน่าเชื่อถือ ไม่ใช่ได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา ขณะเดียวกันถ้านายทักษิณจะเป็นต้นแบบในการปรองดอง ตนเห็นว่ารัฐบาลน่าจะหยุดคดีความเรื่องของความขัดแย้งในอดีตหลังรัฐธรรมนูญปี 2540 ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรในปี 2547-48 จนนำไปสู่การรัฐประหารในปี 49 ในคดีการชุมนุมของกลุ่ม นปก.และ นปช.ที่มีการบาดเจ็บล้มตาย รวมถึงคดีปิดสนามบิน คดีเผาศาลากลาง คดีอื่นๆถ้าเป็นเหตุทางการเมือง ที่ไม่ทำให้เกิดการเสียชีวิต เพียงแค่มีความเสียหายด้านทรัพย์สิน สิ่งเหล่านี้น่าได้รับการเข้ามาอยู่ในคณะกรรมการปรองดอง ที่พิจารณาออกพรก.นิรโทษกรรม ให้กับกลุ่มต่างๆ ที่มีความขัดแย้งทางการเมือง เว้นแต่คดีมาตรา 112 ซึ่งบุคคลที่จะได้รับอภัยโทษ อาจต้องได้รับพระมหากรุณาธิคุณเอง และต้องสำนึกผิดเอง ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่นายกฯ ควรเร่งดำเนินการ
ควรติดคุก1ปี-ป้องกันคลื่นใต้น้ำ
“ถ้าเป็นไปได้นายทักษิณควรอยู่ในเรือนจำให้ครบ 1ปี เป็นเรื่องของการปรองดอง อภัยซึ่งกันและกัน โดยให้ทุกฝ่ายยอมรับกับสังคม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็ตาม ยอมรับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเปลี่ยนผ่าน ผมคิดว่าถ้าทำพร้อมกันก็เสร็จ แต่หากปล่อยนายทักษิณออกมาก่อน แล้วคนอื่นๆ ยังติดคดี สังคมอาจจะไม่สงบ อาจเกิดคลื่นใต้น้ำ ไปยังรัฐบาลเศรษฐาได้” นายสมชาย กล่าว
อดีตนายกฯคนอื่นๆน่าเชิญมามากกว่า
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ส่วนการที่นายกฯ ระบุจะแต่งตั้งนายทักษิณเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ตนมองว่าไม่มีความจำเป็น เพราะมีอดีตนายกรัฐมนตรีหลายคนที่ควรพบและขอคำปรึกษาได้ เช่น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายอานันท์ ปันยารชุน แม้กระทั่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ให้อยู่นอกตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ดีกว่า ดังนั้น ถือว่าเร็วเกินไปที่นายเศรษฐา จะมาตอบว่า จะให้ นายทักษิณ มาเป็นที่ปรึกษารัฐบาล เพราะเรื่องนี้จะกระทบความเชื่อมั่น กระทบเรื่องกระบวนการยุติธรรม ความศรัทธาต่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าไปตั้งเลย ขอคำปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการดีแล้ว
‘พรเพชร’ยังไม่รู้จะเป็นจริงหรือไม่
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่ นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่า หาก นายทักษิณ พ้นโทษจะให้มาเป็นประธานที่ปรึกษา ว่า เป็นวิสัยทัศน์ของท่าน ที่แสดงออกมาท่านเป็นคนอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ท่านประสงค์อย่างไรก็เป็นอย่างนั้น แต่ตนก็ไม่ทราบว่าท่านพูดจริงหรือเปล่า ไม่รู้ เพราะตนอ่านจากข่าวเท่านั้น เมื่อนายกฯ ว่าอย่างนั้นนายทักษิณก็อาจจะให้ความรู้ และทำประโยชน์ให้กับการบริหารประเทศชาติได้ เมื่อถามว่า เรื่องนี้ถูกวิพากษ์วิจารย์อย่างมาก นายพรเพชร กล่าวว่า ยังไม่ค่อยเห็นมีใครวิพากษ์วิจารณ์ เพราะยังไม่มีรายละเอียดในสิ่งที่นายกฯ พูด เพราะท่านก็พูดแค่นั้น
‘เทพไท’จ่อขออภัยโทษตามรอย‘ทักษิณ’
ที่นครศรีธรรมราช เมื่อ 22 กันยายน 2566 นายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ อดีตผู้สมัคร สส.นครศรีธรรมราช พรรครวมไทยสร้างชาติ น้องชายนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี คดีทุจริตการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2565 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรื่อง “เทพไท ใช้สิทธิทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษ เหมือนทักษิณ”
โดยระบุว่า “ผมได้ไปเยี่ยมคุณเทพไท ที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เมื่อวันก่อน คุณเทพไทได้แจ้งให้ผมทราบว่า เขาได้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษส่วนบุคคล เช่นเดียวกับคุณทักษิณแล้ว โดยอธิบายเหตุผลให้ฟังว่า เดิมทีตั้งแต่เข้าสู่เรือนจำวันแรก มีหลายคนแนะนำให้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษส่วนบุคคล ซึ่งตอนนั้นคิดว่า เรามีโทษจำคุกเพียง2 ปี ก็ควรยอมรับชะตากรรม ไม่อยากทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษ ให้เป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท จึงไม่ได้ดำเนินการใดๆ นับตั้งแต่วันเริ่มเข้าสู่ประตูเรือนจำ แต่เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม คุณทักษิณได้เดินทางกลับประเทศไทย
โดยมีข้ออ้างว่า ต้องการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อต้องการรับโทษจำคุก 10 ปี ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ไม่ได้จำคุกจริง หลังจากอยู่ในเรือนจำได้ไม่เกิน 12 ชั่วโมง ก็ต้องย้ายไปอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 โดยอ้างเหตุผลของการเจ็บป่วย และหลังจากนั้น ได้ทำหนังสือทูลเกล้าขออภัยโทษในวันที่ 31 สิงหาคม โดยเหตุผล4ข้อ คือ 1.ได้ทำคุณงามความดีให้กับประเทศชาติ 2.มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ 3.เคารพและยอมรับกระบวนการยุติธรรม 4.เป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว
ยกเหตุผล 6 คุณสมบัติเหนือกว่า
นางพงษ์สินธ์ระบุอีกว่า ถ้าหากพิจารณาจากเหตุผล ในการทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษ ของคุณทักษิณแล้ว คุณเทพไท กล่าวกับผมว่า เขามีคุณสมบัติในการขอพระราชทานอภัยโทษได้ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคุณทักษิณเลย กล่าวคือ 1.ได้เป็นสมาชิกสภาแทนราษฎรมา 4 สมัย ทำงานรับใช้ประชาชน และทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติมากมาย มาร่วม 20 ปี 2.มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่ประจักษ์ เคยเป็นพิธีกรรายการสายล่อฟ้า ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จากการจาบจ้วงของระบอบทักษิณ (ตามเหตุผลการยึดอำนาจ ของคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คสช.) และไม่เคยต้องคดีตามมาตรา 112 แต่อย่างใด
3.ยอมรับกระบวนการยุติธรรมด้วยความเต็มใจ เมื่อถูกศาลฎีกาตัดสินให้รับโทษจำคุก2ปี ก็ไม่ได้หลบหนีคดีแต่อย่างใด 4.ตอนนี้อายุ 62 ปี เป็นผู้สูงวัยเช่นเดียวกันและมีโรคประจำตัวหลายโรค ระหว่างถูกจำคุกในเรือนจำ ต้องเบิกตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาราช จังหวัดนครศรีธรรมราช 5.ได้รับโทษจำคุกมาเป็นเวลา 14 เดือน กำลังจะเข้าข่ายเงื่อนไขการจำคุก 2ใน3ของโทษตามคำพิพากษา แต่ไม่เคยได้รับการลดโทษเลย 6.ได้ต้องโทษจำคุก จากการกระทำผิด พรบ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ข้อหาจัดเลี้ยงและร่วมงานเลี้ยงกินข้าวกับกลุ่มกำนันผู้ใหญ่ ไม่ใช่การแจกเงินซื้อเสียง) แต่กรณีของคุณทักษิณ ต้องโทษคดีทุจริตต่อประเทศชาติ ดังนั้นคุณเทพไท จึงได้สิทธิ์ตามเงื่อนไขของกรมราชทัณฑ์ เหมือนกับนักโทษทั่วไป ที่ไม่ใช่นักโทษเทวดาทุกประการ สำหรับเรื่องนี้ ถ้าหากมีความคืบหน้าประการใด ผมจะนำมารายงานให้ได้รับทราบในโอกาสต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี