‘จตุพร’ไม่เห็นด้วยรัฐบาล‘ทุบกระปุกออมสินเด็ก’นำ 5.6 แสนล้านมาแจก‘เงินดิจิทัล’ จวกหน้ามืดจึงมาเอาเงินเด็กไปแจกเข้ากระเป๋าเจ้าสัว เฉ่งขืนทำใจคงเหี้ยม แนะ‘แก้ รธน.’ยกงานศึกษาเก่า‘ยุคประยุทธ์’มาสานต่อเลย ดักคอ‘เพื่อไทย’หวังแก้แค่หาทางชนะก้าวไกล สังหรณ์ใจ‘ล้มปาร์ตี้ลิสต์’เหลือแค่ สส.เขต
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2566 ว่า ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลโดยทุบกระปุกออมสินกู้เงินออมของเด็ก 5.6 แสนล้านบาท ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเป็นแนวทางที่เหี้ยมกับการหาเงินไปเข้ากระเป๋ากลุ่มทุนให้ร่ำรวยยิ่งขึ้นไปอีก
นายจตุพร กล่าวถึง น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ระบุรัฐบาลเพื่อไทยจะกู้เงินจากธนาคารออมสิน ว่า เป็นการแสดงถึงเอาเงินเด็กเก็บออมไว้มาแจก ซึ่งจะไปเข้ากระเป๋ากลุ่มทุนรายใหญ่ในกระบวนการสุดท้ายอยู่ดี อย่างไรก็ตามยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะตัดสินใจเช่นนี้หรือไม่ กับการกล้าเอาเงินเด็กไปช่วยบรรดาเจ้าสัวคนรวยได้ขายสินค้า ดังนั้นรัฐบาลต้องคิดให้หนัก
“สิ่งที่คุณศิริกัญญาออกมาพูดว่ารัฐบาลจะกู้เงินออมสินนั้น ผมยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะตัดสินใจอย่างนั้น เพราะยังไม่ได้ยินมา แต่คิดว่ารัฐบาลไม่ควรทำอย่างยิ่ง ไม่ควรไปทุบกระปุกออมสินของเด็กมาแจกจ่ายให้นายทุนร่ำรวยอีก เพราะธนาคารออมสินเป็นธนาคารแห่งเดียวที่มีความมั่นคงและมีเงินออมมากที่สุดในบรรดาธนาคารในประเทศขณะนี้” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร เชื่อว่า เงินดิจิทัล 5.6 แสนล้านนั้น ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจชาวบ้าน แต่เป็นการกระตุ้นการผลิตของบรรดาเจ้าสัว หากให้ชุมชนผลิตสินค้าเพื่อซื้อขายกันเองจะเกิดประโยชน์กว่า โดยเงินก้อนแรกที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ต้องให้ประชาชนหรือชุมชนที่ยากลำบากได้ประโยชน์ก่อน
“กู้เงินเด็กมาแจกมันเหี้ยมไป และรู้เลยว่าใครได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ โดยกลุ่มทุนใหญ่เท่านั้นที่ได้ประโยชน์อยู่ดี ไม่มีปลายทางให้ประชาชนได้ประโยชน์เลย สุดท้ายคนไทยต้องเป็นหนี้ธนาคารออมสิน ดังนั้น จึงไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะเอาเงินเด็กเก็บออมไว้ที่ธนาคารออมสินออกมาแจกจ่าย เท่ากับเป็นการเอาเงินเด็กมาช่วยเติมชีวิตกลุ่มทุนให้ร่ำรวยขึ้นไปอีก” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (รธน.) 2560 ว่า สามารถแก้ได้เฉพาะการเลือกตั้งเท่านั้น เรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชนแก้ได้ยากมาก แต่มีกำหนดแนวทางจะเอา รธน. 2540 มาเป็นตัวตั้งให้เกิดการแก้ไข อย่างไรก็ตามการแก้ รธน.ครั้งนี้คงนำร่องไปสู่เป้าหมายการเลือกตั้งจะชนะพรรคก้าวไกลได้อย่างไร โดยมีผู้รู้หลายคนบอกว่า มีวิธีเดียวคือ ต้องยกเลิก สส.บัญชีรายชื่อ 100 คน หากไม่ทำแล้วคงไม่มีหนทางอื่นที่เพื่อไทยจะสู้ได้เลย
“ถ้าเลือกภายใต้กติกาเดิมตาม รธน. 2560 ทุกพรรคย่อมรู้ดีว่า แพ้ก้าวไกล 100% ดังนั้นการแก้ครั้งนี้ จึงสังหรณ์ใจจะล้ม สส.บัญชีรายชื่อ แล้วเปลี่ยนมาเป็นเลือก สส. 500 เขตเลย เพราะการเลือกตั้งผ่านมา เพื่อไทยได้ สส.เขตเท่าก้าวไกล จึงเชื่อว่าล้ม สส.บัญชีรายชื่อแล้วจะมีโอกาสชนะ” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร ยังเห็นว่าไม่ควรเสียเวลาในการตั้งคณะมาศึกษาการแก้ รธน. อีก เพราะมีการศึกษาจะแก้อะไร อย่างไรมาดีแล้วเมื่อสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยทุกพรรคก็เห็นตรงกันในการแก้ไข ดังนั้น หากนำมาใช้ในการแก้ รธน.ครั้งนี้คงไม่เสียเวลานาน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี