‘เศรษฐา’ฟิตลุยงาน
วอนขรก.ต้องทำงานแบบลืมเหนื่อย
‘วันนอร์’ปัดไขก๊อกปธ.สภา
ขอทำเต็มที่/ไม่ยึดติดเก้าอี้
สว.ค้านแก้ไขรธน.ทั้งฉบับ
ยันเรื่องปากท้องสำคัญกว่า
นายกฯดูงานโอท็อป ให้กำลังใจผู้ประกอบการ บอกสู้ๆทุกอย่างจะกลับมาดีเอง ตัวแทนภาคใต้ขอบคุณรัฐบาลลดค่าน้ำ-ไฟ ฟิตไม่หยุด รุดติดตามสถานการณ์น้ำกรมชลประทาน หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง ขอขรก.-จนท.ทำงานลืมเหนื่อย ห่วงน้ำท่วมอุบลฯจ่อลงพื้นที่ “จุรินทร์” ชี้แก้รัฐธรรมนูญ เนื้อหาสำคัญไม่แพ้ที่มา
ชี้รธน.บังคับใช้ด้วยเนื้อหา จะใช้ฉบับไหนเป็นตัวตั้งดูให้รอบคอบ ติงคิดไม่ถึงจะยื้อไป4ปี‘วันชัย’ กระตุกรัฐบาล- ฝ่ายค้าน ดันแก้ไขรธน.เป็นรายมาตราดีกว่าตั้ง สสร.จัดทำใหม่ทั้งฉบับที่ต้องใช้งบเกือบ2หมื่นล้านบาท แนะคิดให้ดีอะไรเร่งด่วนกว่ากันระหว่างแก้ รธน.กับปัญหาเศรษฐกิจ
เมื่อเวลา 09.34น.วันที่ 27กันยายน2566 ที่อาคารชาเลนเจอร์2-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เยี่ยมชมงาน OTOP Midyear 2023 โดยมีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย และนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทยให้การต้อนรับและมีนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีน ร่วมเดินเยี่ยมชมงานด้วย ช่วงหนึ่งนายกฯรับกระเช้าจากตัวแทนภาคใต้ ซึ่งได้ขอบคุณรัฐบาลที่ช่วยเหลือประชาชน ในการลดค่าน้ำค่าไฟและการช่วยเหลือเกษตรกรต่างๆนอกจากนี้ ช่วงหนึ่งนายกฯยังให้กำลังใจผู้ประกอบการโดยบอกว่า”ให้สู้ๆและทุกอย่างจะกลับมาดีเอง”นายกฯยังได้แวะร้านโอท็อปเพชรบูรณ์ โดยนายกฯได้ใช้พูกันเขียนชื่อ เศรษฐา ทวีสิน บนภาพคนแคระที่วาดด้วยน้ำเทียน บนผ้าใยกันชง ซึ่งภาพคนแคระดังกล่าว เป็นประติมากรรมบนอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก นายกฯ กล่าวด้วยว่า วาดยาก
ทั้งนี้ ระหว่างนายกฯเยี่ยมชมร้านค้าต่างๆภายในงาน นายเกรียง ยังได้พานายกฯเข้าไปชมร้านโอท้อปผ้าไทย จ.อุบลราชธานี ซึ่งมีการมอบผ้าขาวม้าให้นายกฯโดยผูกให้ที่เอว นอกจากนี้ บรรยากาศภายในงานมีประชาชนที่ทราบว่านายกฯจะมาเยี่ยมชมได้เข้ามาขอถ่ายภาพเซลฟี่จำนวนมาก
รุดติดตามสถานการณ์น้ำที่กรมชลฯ
จากนั้น เวลา 10.40น.นายเศรษฐา เดินทางไปยังห้องปฏิบัติการรวม กรมชลประทาน ถนนสามเสน เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ สถานการณ์น้ำในลำน้ำสายหลักและ4 เขื่อนหลักในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา เนื่องจากประเทศไทยประสบกับพายุดีเปรสชันและมีปริมาณน้ำฝนจำนวนมาก ทำให้ประชาชนในหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบและเกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้างในพื้นที่ภาคอีสาน โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์และนายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน ให้การต้อนรับ
ห่วงอุบลฯน้ำท่วมแล้ว-เตรียมไปเยือน
โดยนายกฯกล่าวสอบถามว่า จ.อุบลราชธานี น้ำท่วมใช่หรือไม่และภาคอีสานที่มีจังหวัดน้ำท่วมหนักโดยเฉพาะจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวัง เช่น จ.อุบลราชธานี ตนเป็นห่วง เพราะน้ำท่วมทุกปีและน้ำท่วมนาน ซึ่งประมาณอีก10กว่าวัน ตนจะเดินทางลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ไปดูสถานการณ์น้ำ เนื่องจากทราบว่า ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ตนมีภารกิจมาก แต่ที่มานี่เพราะเป็นห่วงเรื่องน้ำท่วมน้ำแล้ง จากนั้นนายกฯ กล่าวสอบถามถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ที่ตนเดินทางไปลงพื้นที่เมื่อ 2-3สัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์น้ำดีขึ้นหรือไม่ รวมถึงสถานการณ์น้ำภาพรวมในพื้นที่ภาคอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก และนิคมอุตสาหกรรมว่า ได้รับผลกระทบอะไรหรือไม่
กรมชลฯยืนยันเขื่อนยังรับน้ำได้อีกมาก ขณะที่ นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวยืนยันว่า จ.อุบลราชธานีแม้น้ำจะท่วมแต่ตัวเมืองไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนเขื่อนอุบลรัตน์ขนาดนี้มีน้ำ59% จาก 1,400ล้านลูกบาศก์เมตร ถือว่าดีขึ้น ในส่วนของลุ่มน้ำมูลขึ้นไปปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์มาก สำหรับเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี น้ำจะมาช่วงปลายเดือน ก.ย.ถึงต้นเดือนต.ค.เพราะเขื่อนป่าสักมีความจุที่ 960ล้านลูกบาศก์เมตร หากน้ำมาทีเดียวก็จะเพิ่มขึ้นเยอะ เราก็ต้องมีการเฝ้าระวังกันอย่างใกล้ชิด
ด้าน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า สาเหตุที่ จ.อุบลราชธานี น้ำท่วมซ้ำซาก เพราะการระบายน้ำตรงแก่งสะพือ จะต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือการบายพาสทางน้ำ โดยนายกฯกล่าวว่า ขอฝากรัฐมนตรีไปดูแลด้วย เพราะรัฐมนตรีรู้ปัญหาดีแล้ว
ขอโทษรมต.ต้องถูกเคี่ยวทำงานหนัก
จากนั้นนายกฯ เดินเข้าไปยังห้องปฎิบัติการประเมินสถานการณ์น้ำ เพื่อมอบนโยบายว่า ตนมาที่นี่ เพราะมีความเป็นห่วงเรื่องน้ำท่วม ซึ่งเมื่อ 2-3วันที่ผ่านมา ตนได้พบกับสส.อุบลราชธานีหลายท่านซึ่งก็มีความเป็นห่วงเรื่องสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ ทำให้พืชผลทางการเกษตรเสียหาย และขอฝากเฝ้าระวังในทุกจุดและหน้าจะหนักหนาอยู่ ในพื้นที่ภาคใต้ ในช่วงปลายเดือนต.ค.ถึงเดือนพ.ย.จะต้องมีการเฝ้าระวังด้วยเหมือนกัน ต้องวางแผนระยะกลางและระยะยาว เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ ซึ่งตนจะติดตามและลงพื้นที่ไปดูด้วยกัน
“ผมทราบอยู่ว่าทุกท่านมีภารกิจเยอะ รัฐมนตรีมาใหม่ ก็คงเคี่ยวหนักอยู่ เราขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ถ้าหากมีการกำชับเพิ่มขึ้น ก็ขอให้เข้าใจกัน เพราะเราเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว เพราะประชาชนเดือดร้อน ก็ขอโทษแทนรัฐมนตรีด้วยที่เคี่ยวหนัก” นายกฯกล่าว
เยือนกัมพูชาค้าขาย1.5หมื่นล้านเหรียญ
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง มีกำหนดการเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ในวันพฤหัสบดีที่ 28กันยายน 2566 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อแนะนำตัวในโอกาสรับตำแหน่งใหม่ รวมถึงกระชับมิตรภาพและความร่วมมือทุกด้านในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด รวมทั้งความมั่นคงและต่อยอดการพัฒนาร่วมกัน
การเยือนกัมพูชาครั้งนี้ นับเป็นการเยือนเพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ ในประเทศอาเซียนครั้งแรกของนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำคัญ กระชับความสัมพันธ์ระดับผู้นำ ในโอกาสที่ทั้งนายกฯไทยและนายกฯกัมพูชา เข้ารับตำแหน่งใหม่
รวมทั้งนายกฯจะใช้โอกาสนี้ หารือกับกัมพูชาเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสองประเทศ โดยมุ่งเพิ่มปริมาณการค้าให้บรรลุเป้าหมาย 15,000ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี2568 และผลักดันการยกระดับจุดผ่านแดนไทย - กัมพูชาที่ยังคั่งค้าง รวมไปถึงการพัฒนาการขนส่งสินค้าทางรางของทั้งสองประเทศ ผลักดันการท่องเที่ยวและการเดินทางข้ามแดน เพื่อให้มีการใช้หนังสือผ่านแดนชั่วคราว (Temporary Border Pass) สำหรับการเดินทางข้ามแดนทางบก อำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในจังหวัดชายแดน และไม่มีหนังสือเดินทาง สามารถขอเอกสารเพื่อใช้เดินทางข้ามแดนได้ นอกจากนี้ นายกฯมุ่งมั่นจะติดตามเรื่องการพัฒนาพื้นที่ชายแดน เช่น แก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน การแก้ไขปัญหาcall center รวมไปถึงความร่วมมือทางด้านแรงงาน ความมั่นคงทางพลังงาน ความสัมพันธ์ระดับประชาชน เป็นต้น
บินเยือน’ภูเก็ต-พังงา’29กันยายน
จากนั้นวันที่ 29 ก.ย.เวลา 10.00 น.นายกฯ มีกำหนดการตรวจความพร้อมอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ (SAT-1) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ก่อนที่เวลา 11.00 น.เดินทางไปตรวจราชการที่ จ.ภูเก็ต และ จ.พังงา โดยออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อรับฟังภาพรวมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน ที่ห้องประชุม AOT ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต
จากนั้นเวลา 13.30 น.นายกฯ พบหน่วยงานราชการและประชาชน เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการจราจร และการขยายเส้นทางเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ณ พื้นที่โครงการทางพิเศษสายกะทู้ - ป่าตอง ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จากนั้นเวลา 15.00 น.นายกฯ รับฟังข้อสรุปเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติอันดามัน ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา และจะเดินทางกลับถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ในเวลา 18.10 น.
‘จุรินทร์’ชี้แก้รธน.เนื้อหาสำคัญไม่แพ้ที่มา
เวลา 10.00 น.ที่รัฐสภานายจุรินทร์ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า หลักคิดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญการจะนำรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งมาเป็นต้นร่าง หรือต้นแบบนั้น ต้องดูให้รอบคอบ อย่าไปดูจากที่มาอย่างเดียว แม้จะมีที่มาสำคัญ แต่เนื้อหาก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อรัฐธรรมนูญบังคับใช้แล้ว จะถูกบังคับใช้ตามเนื้อหา ไม่ได้บังคับใช้ตามที่มา ต้องดูว่ารัฐธรรมนูญฉบับไหนเคยบังคับใช้มาแล้วมีช่องโหว่น้อยที่สุด ถ้าสามารถนำมาปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันได้ก็ควรนำฉบับนั้นมาเป็นต้นร่าง หรืออาจใช้หลายๆ ฉบับ มาพิจารณาข้อดี-ข้อเสีย โดยเลือกเฉพาะข้อดีมารวมกัน ให้สอดคล้องกัน ก็สามารถทำได้
ส่วนจะแก้อย่างไรนั้น ดูเหมือนประธานคณะกรรมการศึกษาฯ จะตั้ง สสร.หากตั้งสสร.แปลว่า ต้องมีขั้นตอนกระบวนการที่ยาวพอสมควร แล้วก็ตั้งธงว่า ภายใน 4ปี ซึ่งอันนี้ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า รัฐบาลตั้งธงจะทำถึง 4ปี เพราะเห็นแถลงเป็นนโยบายเร่งด่วน
นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า หากจะตั้ง สสร.ก็ทำได้ อยู่ที่นโยบายของรัฐบาล เพราะจะต้องมีการเสนอทำประชามติ และเสนอต้นร่างเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาตามขั้นตอนกระบวนการ แต่ถ้าสมมติว่ามีการทำใหม่ทั้งฉบับ ตั้ง สสร. รัฐบาลก็ต้องเตรียมเงินไว้ไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านไว้ด้วย ไม่ใช่ว่าตนจะค้านหรือไม่เห็นด้วย แต่รัฐบาลก็ต้องรู้ถึงภาระที่จะตามมา ซึ่งเป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องเตรียมไว้ด้วย เพราะการทำประชามติครั้งนึงเท่าที่ กกต.ประเมิน ก็ประมาณ 3,000กว่าล้าน
สว.วันชัยชี้แก้รายมาตราดีกว่าตั้งสสร.
นายวันชัย สอนศิริสว. ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ในฐานะประธานคณะทำงานติดตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล กล่าวว่า คณะทำงานชุดนี้ ติดตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ติดตามการเคลื่อนไหวต่อการแก้รัฐธรรมนูญทุกเรื่องทุกประเด็นทุกมิติของกระบวนการที่จะแก้ไข รัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการทำประชามติก่อน หรือด้วยรูปแบบใด และจะใช้เวลาในการจัดทำรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นเมื่อใด เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการเริ่มต้นจากการทำประชามติและมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)นั้น จะต้องทำประชามติถึง 3ครั้ง ถ้ารวมการเลือกตั้ง สสร.ด้วย จะใช้เงินครั้งละประมาณ 4พันล้านบาท รวมๆแล้วเกือบ 2 หมื่นล้านบาท คุ้มกันหรือไม่ในสภาวะเศรษฐกิจของบ้านเมืองขณะนี้
แก้รายมาตราดีกว่า-เซฟงบประชามติ
นายวันชัย กล่าวอีกว่า เมื่อสิ้นบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญและมาตรา272 สิ้นผลไป มีความจำเป็นเร่งด่วนอะไรต้องแก้รัฐธรรมนูญ เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วควรพิจารณาให้รอบคอบทุกด้านว่า เรื่องใดจำเป็นเร่งด่วนมากกว่ากัน ระหว่างสถานการณ์บ้านเมืองและการแก้ปัญหาเศรษฐกิจถ้าตัดความรู้สึกว่ารัฐธรรมนูญปี2560 มาจากคณะรัฐประหารได้ นอกนั้นก็ไม่เห็นมีอะไร รัฐธรรมนูญปี2560 มาจากการแก้ไขข้อบกพร่องของรัฐธรรมนูญปี2540และปี2550 จึงเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีในระดับหนึ่ง เพียงแต่ไม่ถูกใจบางพรรคบางพวกเท่านั้น เป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่า หาใช่มาจากเนื้อแท้ของรัฐธรรมนูญไม่ ดังนั้นรัฐบาลต้องประเมินให้ดี วันนี้ไม่ได้เป็นฝ่ายค้านที่อยากจะทำอะไรไปได้ทุกเรื่องว่า หากรัฐบาลและฝ่ายค้านเห็นว่าประเด็นใดเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ควรจะแก้ไข ก็แก้เป็นรายมาตราไม่ดีกว่าหรือ เป็นการประหยัดทั้งเงิน ประหยัดทั้งเวลา แก้ได้ตรงจุดตรงประเด็น ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง
วันนอร์ปัดไขก๊อก-ทำหน้าที่เต็มที่
ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวจะมีการลาออกจากตำแหน่งประธานสภาฯข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรว่า ตนยังไม่ได้ยินกับหูตัวเอง แต่มีคนพูด ก็ไม่เป็นไร ไม่มีประเด็นอะไร ตนได้รับมอบหมายก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่ถ้าทำไม่ได้เมื่อไร ก็จะไม่ยึดติด ตนดำรงตำแหน่งมามากมาย อะไรที่ทำเพื่อประชาชนและบ้านเมืองได้ ตนก็จะทำสุดความสามารถ แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็จะมอบตำแหน่งนั้นให้กับองค์กรต่อไป ตนดำรงตำแหน่ง สส. แต่เห็นว่าคนในพรรคสามารถทำหน้าที่ได้ดีกว่า ตนก็ลาออกให้คนที่สามารถทำหน้าที่ได้มาทำ
ยืนยันไม่ติดยึดตำแหน่ง
“ตอนที่ตนดำรงตำแหน่งประธานสภาฯครั้งแรก ตนก็ลาออกจากเลขาธิการพรรคความหวังใหม่ในขณะนั้น เพราะเห็นว่าไม่เหมาะสม ทั้งๆที่รัฐธรรมนูญและข้อบังคับสภาฯไม่ได้กำหนดไว้ แต่ปัจจุบันผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ จะต้องไม่เป็นกรรมการบริหารพรรค หรือมีตำแหน่งใดๆในพรรคการเมือง ยืนยันว่าผมไม่ยึดกับตำแหน่ง เรื่องสุขภาพ ก็ไม่มีอะไร” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยให้คำมั่นหรือไม่ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งประธานสภาฯ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ของพรรคเพื่อไทย เป็นหน้าที่ประธานที่จะพิจารณาว่าอยากทำหน้าที่ได้ประโยชน์อีกหรือไม่ ถ้าทำหน้าที่ไม่ได้ตนก็ไม่ติดยึดตำแหน่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี