วันเสาร์ ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
เล่นละครขับ‘ปดิพัทธ์’พ้นพรรค  รุมถล่ม‘ก้าวไกล’  รัฐบาล-สว.เรียงหน้าสับยับ

เล่นละครขับ‘ปดิพัทธ์’พ้นพรรค รุมถล่ม‘ก้าวไกล’ รัฐบาล-สว.เรียงหน้าสับยับ

วันเสาร์ ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2566, 06.00 น.
Tag : ปดิพัทธ์ ก้าวไกล
  •  

เล่นละครขับ‘ปดิพัทธ์’พ้นพรรค

รุมถล่ม‘ก้าวไกล’

รัฐบาล-สว.เรียงหน้าสับยับ

เย้ย‘กาเหว่าฝากไข่ให้กาฟัก’

ไร้ศักดิ์ศรี/อัปยศน่าอับอาย

‘เสรี’ขู่ยื่นศาลฯ-ผู้ตรวจฯฟัน

“วันนอร์” ไม่วิจารณ์ มติ “ก้าวไกล” ขับ “ปดิพัทธ์” มั่นใจไร้ปัญหาทำงาน เล็งตั้ง ผู้นำฝ่ายค้าน ให้เร็วที่สุด ด้าน “ปดิพัทธ์” น้อมรับ “มติขับพ้นพรรค” ขอทำหน้าที่-ดันสารพัดงานรองปธ.สภาฯ ปัดฮั้วสมคบคิดกอดเก้าอี้ อ้างเจอข้อจำกัด รธน. ลั่นซบ “มุ้งใหม่” ต้องอุดมการณ์เดียวกัน-ไร้ข้ามขั้ว แย้มคุย “ทสท.-เป็นธรรม” ยังมีเวลา 30 วัน ตัดสินใจขณะที่ซีกรัฐบาล “อดิศร” จัดหนัก “กาเหว่าฝากไข่ให้กาฟัก” ซมซาน กอดเก้าอี้ สว.“เสรี” อัด “ก้าวไกล” สมคบคิด “ปดิพัทธ์”

ขับพ้นพรรค หวังฮุบทั้ง‘ผู้นำฝ่ายค้าน-รองปธ.สภาฯ’ถือผิดธรรมชาติ ไร้ปมขัดแย้ง ชี้ช่องยื่น’ศาลรธน.-ผู้ตรวจฯ’วินิจฉัย ขณะที่‘อี้ แทนคุณ’ซัดการละคร’ฮั้วยื้อเก้าอี้รองปธ.สภา’ไร้ศักดิ์ศรี-อัปยศน่าอับอาย-เสพติดอำนาจ’จ่อยื่นสอบจริยธรรมร้ายแรง ด้านนายกฯชี้ประเทศมีหลายปัญหาใหญ่ วอนทุกฝ่ายลดความขัดแย้ง รับผิดชอบต่อสังคม แนะโลกโซเชียลอย่าใช้คำพูดบาดใจ


เมื่อวันที่ 29กันยายน 2566 ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฏร กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกล(ก.ก.) มีมติขับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1ออกจากพรรค และจะให้ นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ว่า ทางพรรคก้าวไกลยังไม่แจ้งมา แต่ก็ไม่มีอะไร เพราะพรรคก้าวไกลก็ต้องแจ้งมติพรรคไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งตนก็ต้องสอบถามไปยัง กกต.เรื่องการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งสภาก็จะดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อให้ทุกฝ่ายทำงานได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ฝ่ายค้านมาเป็นรองประธานสภาฯ จะไม่มีปัญหาในการทำงานของฝ่ายนิติบัญติใช่หรือไม่ โดยเฉพาะการบรรจุแก้ไขมาตรา 112 นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร เพราะทุกคนก็ทำหน้าที่ที่ตัวเอง และรับผิดชอบตามที่ประธานสภาฯ มอบหมาย และเป็นไปตามข้อบังคับ

เมื่อถามว่า การใช้วิธีขับนายปดิพัทธ์ออกจากพรรคก้าวไกล โดยไม่มีเหตุผลที่เพียงพอจะมีปัญหาหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ตนไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ เพราะเป็นเรื่องของพรรคก้าวไกลที่จะดำเนินการ ส่วนที่มีข้อเสนอที่ให้มีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความการขับออกจากพรรคไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังพูดไม่ได้ เพราะเรื่องยังไม่เกิดขึ้น

‘ปดิพัทธ์’แจงปัดฮั้วสมคบคิด-อ้าง3เหตุผล

เวลา 10.00น.ที่รัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1 แถลงภายหลังพรรคก้าวไกล(ก.ก.) มีมติขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค โดยได้อ่านแถลงการณ์ส่วนตัวระบุโดยสรุปว่า ตนขอน้อมรับมติดังกล่าวของพรรคก้าวไกล ซึ่งจากการที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดทางที่ประชุมใหญ่ เลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ เพื่อที่จะได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยเงื่อนไขนี้ทำให้ตนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่รองประธานสภาฯได้ แม้อีกทางเลือกคือ การลาออกจากรองประธานสภาฯเพื่อกลับไปทำหน้าที่สส.แต่หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน หากลาออกรองประธานสภาฯจะส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนวาระที่ตนได้ให้สัญญากับประชาชนและสภาฯ ตนจึงตัดสินหลังจากที่พรรคก้าวไกลได้มีกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ ตนจึงต้องการทำหน้าที่รองประธานสภาฯ คนที่1ต่อ อย่างไรก็ตามไม่ว่าตนจะไปสังกัดพรรคการเมืองใด จะผลักดันการทำงานสภาฯอย่างเต็มที่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า เหตุผลที่ใช้ประกอบการตัดสินใจมี 3 ส่วน1.ผมต้องใช้วาระที่เหลือของสภาฯนี้ขับเคลื่อนโยบายยกระดับการทำงานสภาฯให้โปร่งใส มีประสิทธิภาพสูงและเป็นของประชาชน 2.ผมต้องการปฏิบัติหน้าที่รองประธานสภาฯอย่างเป็นกลาง ต่อทุกพรรคการเมืองและประชาชนทุกชุดความคิดไม่ว่า จะสังกัดพรรคใด 3.มั่นใจว่าพรรคก้าวไกลจะมีบุคลากรพร้อมดูแลความทุกข์ร้อนประชาชนชาวพิษณุโลกเขต1ได้ ผมยังเป็นสส.พิษณุโลก การตัดสินใจครั้งนี้ได้สอบถามประชาชนในเขตตัวเองและทั่วประเทศคร่าวๆแล้ว มั่นใจว่าการทำหน้าที่รองประธานสภาฯจะเป็นประโยชน์กับประชาชน

หากย้ายพรรคต้องมีอุดมการณ์เดียวกัน

เมื่อถามว่า ได้คุยกับพรรคก.ก.แล้วหรือไม่ว่าจะไปสังกัดพรรคใด นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะเป็นการตัดสินใจของตนว่าจะไปอยู่พรรคใด แต่แน่นอนว่า ต้องเป็นพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์สอดคล้องกับอุดมการณ์ของตน ไม่สามารถข้ามขั้วไปอยู่กับพรรคที่มีอุดมการณ์ขัดแย้งกับตนได้ เมื่อถามว่าถ้าเปรียบเทียบกับอดีตสส.ในพรรคก้าวไกล ที่ไปทำกิจกรรมกับพรรคการเมืองอื่น แต่ทางพรรคก้าวไกลก็ไม่ขับออก นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ต้องให้ทางพรรคก้าวไกลตัดสิน ตนไม่สามารถตัดสินใจหรือวิพากษ์วิจารณ์เรื่องในอดีตได้ เมื่อถามว่า หลายฝ่ายมองว่าเป็นการสมคบคิดเพื่อที่จะรักษาตำแหน่งรองประธานสภาฯ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ที่จะวิจารณ์ การขับตนออกครั้งนี้พรรคก้าวไกลก็ตัดสินใจลำบากและรอบคอบ ถามว่าจะสมคบคิดเพื่อผลประโยชน์ใครคงไม่ใช่ แต่ด้วยข้อจำกัดทางรัฐธรรมนูญเราจำเป็นต้องหาทางที่ดีที่สุด ถ้าตนตัดสินใจจะมีมติแบบนี้ทางพรรคก้าวไกลก็ไม่มีโอกาสเลือกทางอื่น ส่วนจะเป็นเกมการการเมืองแบบไม่ตรงไปตรงมา ทั้งที่พรรคก้าวไกลพยายามตั้งมาตรฐานมาก่อนหน้านี้หรือไม่นั้น ก็เป็นสิทธิ์ที่จะวิจารณ์“ยืนยันว่าไม่มีเงื่อนงำใดๆ พูดกันแบบตรงไปตรงมาด้วยเหตุผลการทำงาน หลังจากนี้ขอให้อนาคตเป็นบทพิสูจน์ ที่มีการวิจารณ์ว่าพรรคก้าวไกลเล่นการเมืองแบบเก่า ไม่ใช่สร้างการเมืองใหม่นั้น ขอให้ไปถามพรรคก้าวไกลเอง ผมตอบแทนพรรคไม่ได้”

แย้มคุยพรรค’ทสท.-เป็นธรรม’ไว้แล้ว

เมื่อถามว่าได้มีหารือส่วนตัวกับพรรคไทยสร้างไทย (ทสท) กับพรรคเป็นธรรมแล้วหรือไม่ในการตัดสินใจจะไปร่วมงาน นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้หารืออย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ ระยะเวลาที่ตนต้องหาสังกัดพรรคใหม่ เป็นไปตามกฎหมายคือ30วัน ขณะนี้เป็นวันแรก ตนขอกลับพื้นที่ไปอยู่กับครอบครัว สำหรับพรรคที่ตนจะเลือกสังกัดยืนยันอีกครั้งว่า ต้องเป็นพรรคการเมืองที่มีอุดการณ์เดียวกัน ไม่สามารถข้ามขั้วได้ เมื่อถามว่ากรณีที่ถูกพรรคก้าวไกลขับออกและต้องหาสังกัดใหม่ กังวลว่าจะไม่ได้รับการยอมรับในสภาฯ ในฐานะรองประธานสภาฯ หรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะที่ผ่านมาพรรคชนะอันดับหนึ่งไม่ได้เป็นฝ่ายบริหาร หรือได้ประธานสภาฯ ถือเป็นเค้าลางของความไม่ปกติพอสมควร ดังนั้นตนมองว่าหากสิ่งใดที่เป็นไปตามหลักการทุกคนต้องปฏิบัติตามไม่มีเกมการเมืองใดๆเมื่อถามว่ามีการกดดันจากสส.ฝั่งรัฐบาลหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า “มีแต่ให้กำลังใจให้ปฏิบัติหน้าที่ให้ดี”

!‘อดิศร’ซัด’กาเหว่าฝากไข่ให้กาฟัก’

ภายหลังพรรคก้าวไกลมีมติขับ นายปดิพัทธ์ ออกจากพรรค ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) รีทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์เป็นบทกลอนว่า กาเหว่า ฝากไข่ ให้กาฟัก ย่องเบา ซ่อนรัก สมัครสมานซมซาน กอดเก้าอี้ รองประธาน หมดศักดิ์ศรี ตำนาน ที่ไกลเกิน กาเหว่าฝากไข่ให้กาฟัก จากนั้น นายอดิศร ได้ทวิตข้อความอีกว่า ผมเลือกหมออ๋องเป็นรองประธาน มิใช่เลือกสัตว์เลื้อยคลานเป็นงูเห่าเลือกศักดิ์ศรีเกียรติภูมิสภาเรา บัดนี้ไม่เหลือเงา เศร้าฤดี…

สว.เสรี’ชี้ช่องยื่นศาลรธน.-ผู้ตรวจฯ

ที่รัฐสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลมีมติขับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่1 พ้นนสมาชิกพรรคฯ ว่า การขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ตามหลักการควรเป็นเรื่องความขัดแย้ง ที่สมาชิกไม่สามารถทำงานร่วมกับพรรคได้ เพื่อให้ไปหาพรรคใหม่สังกัดและยังคงทำหน้าที่สส.ได้ต่อ การขับครั้งนี้กลับเป็นการสมคบ ตกลงรู้เห็นร่วมกัน ไม่ได้ขัดแย้งกัน เพื่อหลบเลี่ยงหาทางออกไม่ต้องพ้นจากตำแหน่งรองประธานสภาฯคนที่1

“ทั้งที่การขับออกจากพรรค ควรออกตามธรรมชาติความเป็นจริง ดังนั้นจึงต้องรอดูว่า จะมีผู้ที่ยังติดใจยื่นตรวจสอบให้มีการวินิจฉัยในครั้งนี้หรือไม่ ซึ่ง สส.1ใน10ของสภาผู้แทนราษฎร ก็สามารถหยิบยกให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งได้ว่า การแสดงออกของพรรคก้าวไกล หรือการขับออกจากการเป็นสมาชิกชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือคนอื่น ๆ ก็สามารถยื่นให้ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยได้”นายเสรี กล่าว เมื่อถามว่า มองว่าการที่นายปดิพัทธ์ถูกขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคฯ จะกระทบต่อภาพลักษณ์ของนายปดิพัทธ์ และจุดยืนของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าหนักใจ เพราะถือเป็นทางออก เพื่อรักษา 2 ตำแหน่ง ทั้งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แต่วิธีการนั้น เป็นวิธีที่ไม่ได้ขัดแย้งกัน เป็นการตกลงกันเพื่อแยกกันทำหน้าที่ ส่วนจุดยืนของพรรคก้าวไกลต่อการกระทำครั้งนี้ ก็อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีลักษณะที่ สส.ขัดแย้งกันในพรรคเกิดขึ้น จนมีการขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค แต่ก็ควรรักษาบรรทัดฐานที่การถูกขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคนั้น จะต้องเป็นเรื่องความขัดแย้งของสมาชิก

“ส่วนการกระทำของพรรคก้าวไกล ถือเป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่นั้น ไม่อยากจะให้ความชัดเจน เพียงแต่ นิติกรรมอำพราง เป็นเรื่องกฎหมายแพ่ง ที่มีการปกปิดบางสิ่งบางอย่างไว้”นายเสรี กล่าว

‘สว.วันชัย’จวกเละ’ก.ก.ล’ นิติกรรมอำพราง

ด้าน นายวันชัย สอนศิริสว.ให้สัมภาษณ์กรณีที่พรรคก้าวไกลมีมติขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง ออกจากพรรค เพื่อรักษาตำแหน่งรองประธานสภาฯเพราะเห็นว่าทำหน้าที่ได้ดี ว่า เรื่องการทำหน้าที่ได้ดี ก็เป็นอีกเรื่อง แต่มาตรฐานของพรรคการเมืองอย่างพรรคก้าวไกล ทั้งเคยไปตำหนิทั้งสังคมและพรรคการเมืองไว้ แต่เมื่อถึงเวลาอยากได้ตำแหน่ง อยากได้อำนาจ ก็ทำอะไรที่ไม่ต่างจากคนอื่น ที่ผ่านมาเคยโจมตีคนอื่น แต่ตัวเองกลับทำเรื่องที่เหมือนกล่าวหาคนอื่น พฤติกรรมที่ทำนี้ถือเป็นนิติกรรมอำพราง ซึ่งใครๆก็รู้อยู่ว่า เหมือนของหลอกๆ ไม่ใช่ของจริง เพราะความจริงแล้วในอดีตพรรคการเมืองของตนเอง ซึ่งเคยมี สส.ไปทำกิจกรรมกับพรรคอื่น หรือไม่ได้อยู่กับพรรค ก็ไม่เห็นไล่ออก แต่พอมาคราวนี้ อยากได้ตำแหน่ง อยากได้อำนาจ ก็ทำทีเป็นไล่ออก ถ้าถามว่า สังคมรู้หรือไม่ ก็ต้องบอกว่าสังคมรู้และใครๆก็รู้ แบบนี้จึงเห็นว่ามาตรฐานของพรรคการเมืองแบบนี้ ไม่ควรทำอย่างนี้

“ในอดีตและพรรคอื่นทำ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลับนิ่งเฉย แล้วปล่อยเลยเถิดมาก จนมีการทำเป็นแบบอย่างในสิ่งที่ไม่ถูกต้องและไม่ถูกตามที่กฎหมายกำหนด พฤติกรรมที่พรรคก้าวไกลทำถือว่าไม่ควรกระทำ”นายวันชัย กล่าว เมื่อถามว่าพรรคก.ก.ยืนยันว่า ทำตามกฎหมาย เพราะรัฐธรรมนูญบังคับไว้ นายวันชัย กล่าวว่า แม้หลายเรื่องไม่ผิดกฎหมาย แต่ควรต้องดูถึงความถูกต้อง จริยธรรม คุณธรรม ความเหมาะ ความควร แล้วตัวเองเป็นพรรคการเมืองที่ประกาศถึงมาตรฐานการเมืองสูงกว่าคนอื่น ดังนั้นจะมาบอกว่าคนอื่นทำแบบนี้ แล้วตัวเองทำด้วย เป็นเรื่องไม่ควรทำ ไม่เช่นนั้นทั้งในสภาฯและนอกสภาฯจะกล่าวหาได้ว่า พรรคนี้ไม่ต่างอะไรกับพรรคอื่นๆ เวลาอยากได้อำนาจ อยากได้ตำแหน่งอะไรก็อ้างได้

‘ แทนคุณ’ซัดไร้ศักดิ์ศรี-อัปยศน่าอับอาย

นายแทนคุณ จิตต์อิสระ รักษาการประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 จากพรรคก้าวไกล ถูกพรรคไล่ออกเพื่อไปสังกัดพรรคอื่น ว่า เท่ากับยอมทิ้งศักดิ์ศรีสมาชิกพรรคที่คนพิษณุโลกเลือกมาพลิ้วแบบศรีธนญชัยไปสังกัดพรรคอะไหล่ที่มีการฮั้วกัน ตามแผนที่คนทั้งประเทศเขารู้ทันและดักคอไว้แล้วหรือไม่ โดยเพื่อให้คนของก้าวไกลได้ควบตำแหน่งทั้งสองตำแหน่ง คือเก้าอี้รองประธานสภาผู้แทนราษฎรและเก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้าน ถือเป็นการเล่นเกมการเมืองที่อัปยศน่าอับอายยิ่งกว่าครั้งไหนในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่พรรคที่อ้างว่าเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ต้องการทำการเมืองแบบใหม่ กลับใช้วิธีถ่างขาหลอกควบเก้าอี้ โดยอ้างเพื่อเป็นฝ่ายค้านที่สมบูรณ์ เป็นข้ออ้างที่ตลก ไม่สมสมอง “ขงเบ้ง” เพราะเพียงแค่หมออ๋องลาออกจากรองประธานก็จบแล้ว

“สิ่งที่เกิดขึ้นจากสภาพและกระบวนการจัดการของก้าวไกลและนายปดิพัทธ์ ก็มีความชัดเจนแล้วว่านี่คือ การฮั้วกัน คือ การสมยอมในการกระจายคนยึดตำแหน่งสำคัญทั้งสองตำแหน่ง ใช้เล่ห์เหลี่ยมหาช่องของกฎหมายเล่นละคร “เกมรัก (ซ้อน) ทรยศ” ทรยศพรรคทรยศประชาชนชาวพิษณุโลกหรือไม่ โดยเลือกมาไปดีลกลุ่มบุคคลบางฝ่ายบางพรรคให้สมยอมกันโดยมีการตกลงกันไว้ก่อน เพื่อให้พรรคไล่ออกตามเอกสารที่แถลงการณ์เป็นหลักฐาน ซึ่งเป็นการทำให้ศักดิ์ศรีของตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ตกต่ำถึงขีดสุดและเชื่อว่าหากเข้าข่ายการฮั้วกัน ผมจะได้ยื่นเรื่องตรวจสอบจริยธรรมร้ายแรงกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป เพื่อช่วยเรียกศักดิ์ศรีความสง่างามของสภากลับมา อย่าให้เหมือนที่ก้าวไกลกำลังย่ำยีประเทศในขณะนี้” นายแทนคุณ ระบุ

เสพติดอำนาจ-รักษาประโยชน์ตัวเอง

ที่ผ่านมาจากพฤติกรรม“หมออ๋องเชียร์เบียร์”ก็ไม่มีวุฒิภาวะพอจะดำรงตำแหน่งนี้อยู่แล้ว เมื่อถูกไล่ออกจากพรรค ก็ควรจะละอายใจลาออกจากตำเเหน่งไปด้วย จะทำให้การเมืองโปร่งใสสง่างามมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ไม่ต้องอับอายคนทั้งประเทศว่าถูกพรรคไล่ เพราะเสพติดอำนาจ เพื่อรักษา”ผลประโยชน์ของตัวเองล้วนๆ หากนายปดิพัทธ์ ลาออกไป ใครมาเป็นรองประธานสภาฯ ย่อมทำงานได้ดีกว่าและไม่มีพฤติกรรมอื้อฉาวผลาญงบรายวันแน่นอน

นักวิชาการฟาดฝากเลี้ยง-สุดจะน้ำเน่า

ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...ขับออกจากพรรคเพื่อไปหาพรรคใหม่อยู่ ทำให้ได้เป็นผู้นำพรรคฝ่ายค้าน และยังได้ตำแหน่งรองประธานสภาโดยพฤตินัยอีกด้วย นี่คือการเมืองใหม่ที่สุดจะน้ำเน่าเหลือทนได้จริงๆ นะครับ

นายกฯเป็นห่วงสารพัดปัญหาประเทศ

วันเดียวกัน ที่โรงแรมดิแอทธินี โฮเทล แบงค็อก (เพลินจิต) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ร่วมสัมมนาประชาชาติธุรกิจ“ถอดรหัสลงทุน ก้าวข้ามวิกฤต”โดยปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ“Next Chapter ประเทศไทย” ตอนหนึ่งว่า เป็นที่ประจักษ์กันดีว่า ปัญหาเศรษฐกิจปัจจุบันนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่สุด ปัญหาสังคม ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาการต่างประเทศก็เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องแรกปัญหาของสังคม ความแตกแยก ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เสมอภาค ความไม่เท่าเทียม เป็นปัญหาที่ใหญ่ที่อาจเป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมดเป็นปัญหาที่หมักหมมมานาน ถูกละเลย ไม่มีการแก้ เป็นปัญหาที่ยาก เป็นปัญหาที่ใหญ่มีหลายมิติซึ่งอาจจะทำให้การแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด “ผมไม่เคลมว่ารัฐบาลนี้มีจะมีทางออกทั้งหมด ที่ทำให้ทุกท่านฟังแล้วสบายใจ แต่เราเริ่มกันด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัจจุบันนี้เราวางโรดแมปไว้แล้วบ้าง ถึงแม้ยังไม่สมบูรณ์ ก็ต้องทำต่อไป เรื่องนี้เป็นเรื่องของการแก้กฎกติกาอยู่ร่วมกันอย่างสันติ”

ทุกคนต้องช่วยกันแก้ปัญหาประเทศ

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า เราทุกคนต้องร่วมกันแก้ไขปัญหา เพราะปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาของใครคนใดคนหนึ่งเป็นปัญหาของทุกคน เป็นปัญหาของผู้แทนราษฎร เป็นปัญหาของผู้บริหารประเทศ ทุกคนมีส่วนทำให้ปัญหานี้เกิดขึ้นมา เรื่องที่เราอยู่กับสภาวะปัจจุบันนี้ความเหลื่อมล้ำสูงมาก ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสูงสุดประเทศหนึ่ง คนจนก็จนมาก คนรวยก็รวยมาก ถ้าต้องการให้รัฐบาลออกเป็นมาตรการ เป็นคำสั่งที่จะมาแก้ไขปัญหา ตนคิดว่าปัญหาจะไม่ถูกแก้ไขปัญหาถูกแก้ไขโดยจิตใต้สำนึกของทุกคน ตนยืนอยู่ตรงนี้ก็เพื่อมาขอร้อง มาวิงวอนให้ทุกท่านเข้าใจ ตนคิดว่าเรานั่งอยู่ตรงนี้เรารู้กันอยู่แล้วว่าความเหลื่อมล้ำ ปัญหาความไม่เสมอภาค ความไม่เท่าเทียมในทุกๆมิติ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิเสรีภาพในการเลือกเพศภาพ หรือในการเลือกประกอบอาชีพก็เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเกิดท่านคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญก็ต้องช่วยกันซับพอร์ต ช่วยกันออกความเห็นในทิศทางเชิงบวก ถ้าเกิดเห็นด้วย แต่มีข้อแม้บ้างก็ขอให้เสนอออกมาในทิศทางที่เป็นประโยชน์ ไม่สายเกินไป เรามาช่วยเยียวยาสังคมให้ดีขึ้นจากการกระทำของพวกเราเองทุกคน มีความไม่สบายใจริง ในเรื่องนี้ ต้องรับผิดชอบต่อสังคม เป็นส่วนหนึ่งที่เราจะนำประเทศเดินไปข้างหน้าได้ ควบคู่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่มีประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น”

ชูสุวรรณภูมิวิสัยทัศน์‘แม้ว’กว้างไกล

เวลา10.00น.ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานในพิธีเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1(Satellite 1: SAT-1) แบบ Soft Opening ณ อาคาร SAT-1โดยมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ AOT ให้การต้อนรับ โดยนายกฯกล่าวระหว่างเดินก่อนเป็นประธานพิธีเปิดอาคาร SAT-1 ว่า สนามบินสุวรรณภูมิหลาย 10ปีที่แล้ว ในการก่อสร้างสนามบิน โชคดีที่เราสร้างอุโมงค์และสิ่งต่างๆ ไว้ก่อน ทำให้การต่อเติมเป็นไปได้ง่ายขึ้น

จากนั้น นายเศษฐาและคณะ ได้เดินชมอาคาร SAT-1 ที่มีร้านค้าต่างๆ เช่นร้าน นภาฯ และร้านค้าของมูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ก่อนจะขึ้นเครื่องเดินทางไปทำภารกิจที่ จ.ภูเก็ต

เยือน’ภูเก็ต’สั่งรับมือนักท่องเที่ยวเพิ่ม

เวลา 11.00น.นายเศรษฐา เดินทางไปตรวจราชการ จ.ภูเก็ตและจ.พังงา ด้วยเครื่องบิน Airbus-320 ของกองทัพอากาศ จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคมและคณะ

ทั้งนี้ เวลา 12.40น.นายกฯเดินทางถึงท่าอากาศยานภูเก็ต กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลภายใต้การนำของตนเป็นรัฐบาลของประชาชนเพื่อประชาชน เรามาตรงนี้ไม่จำเป็นต้องมีผู้แทนราษฎรอยู่ในพื้นที่ เพราะตนมาที่นี่ครั้งที่สองแล้วมาแสดงให้เห็นว่าวิธีการทำงานของเรา เราจะติดตามงานอย่างต่อเนื่องและช่วงนี้ได้ทำงานกับกระทรวงคมนาคมบ่อย หวังว่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับกระทรวงอื่นด้วย นายกฯฝากถึงการท่าอากาศยานให้ช่วยดูเรื่องพื้นที่จอดเครื่องบินprivate jet เพราะภูเก็ตเป็นเป้าหมายนักท่องเที่ยวที่มีกำลังสูง ซึ่งตนดูจากพื้นที่แล้วไม่มีพื้นที่ที่สามารถทำพื้นที่private jet ได้ จำเป็นจะต้องขยายไปยังพื้นที่ใกล้เคียง จึงขอให้ดูเรื่องนี้เพิ่มขึ้นด้วย เรายังมีภารกิจกันอีกเยอะขอให้ทำงานอย่างลืมความเหน็ดเหนื่อย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • โวยปปช.จงใจ  44อดีตสส.ก้าวไกลดิ้นหนัก  กลัวโดนเชือดคดีแก้ม.112 โวยปปช.จงใจ 44อดีตสส.ก้าวไกลดิ้นหนัก กลัวโดนเชือดคดีแก้ม.112
  • 44ก้าวไกลระทึก!  คดีแก้ม.112คาดจบกลางปี 44ก้าวไกลระทึก! คดีแก้ม.112คาดจบกลางปี
  • \'เลขาฯ ป.ป.ช.\'เผยคดี\'44สส.ก้าวไกล\'ถึงขั้นตอนท้ายๆ แล้ว คาดจบในปีนี้หรือครึ่งปี 'เลขาฯ ป.ป.ช.'เผยคดี'44สส.ก้าวไกล'ถึงขั้นตอนท้ายๆ แล้ว คาดจบในปีนี้หรือครึ่งปี
  • \'เจิมศักดิ์\'ชี้บ้านเมืองกำลังจะพินาศ อย่าปล่อยให้เด็กอมมือบริหาร 'เจิมศักดิ์'ชี้บ้านเมืองกำลังจะพินาศ อย่าปล่อยให้เด็กอมมือบริหาร
  • ‘ณัฐวุฒิ’รับทราบข้อกล่าวหาป.ป.ช.ปมแก้112 โวยตัดสิทธิเหมือนประหารชีวิตการเมือง ‘ณัฐวุฒิ’รับทราบข้อกล่าวหาป.ป.ช.ปมแก้112 โวยตัดสิทธิเหมือนประหารชีวิตการเมือง
  • ‘อนุสรณ์’ชี้คดี‘44 สส.อดีตก้าวไกล’ ไม่กระทบการทำงานสภา-รัฐบาล ‘อนุสรณ์’ชี้คดี‘44 สส.อดีตก้าวไกล’ ไม่กระทบการทำงานสภา-รัฐบาล
  •  

Breaking News

'หมอตุลย์' ปลุกแพทยสภา ขอ 47 เสียงยืนมติเดิม เอาชนะวีโต้ 'สมศักดิ์'

พลังแห่งกุศลผลทานที่เราสร้างไว้นี่แหละตอบสนองเรา ไม่ใช่เทวฤทธิ์บันดลบันดาลมาจากที่ไหน

’ทวี’ลุยเชียงใหม่ นำกรมคุมประพฤติ เฟ้นหาเชฟ “Street Food สร้างอาชีพ ซีซั่น 4”

วังช้างอยุธยา-จัดแฮปปี้เบิร์ธเดย์ ครบรอบ1ปี‘ช้างแฝดต่างเพศ’คู่แรกของโลก

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved