ยำเละนิติกรรมอำพราง/สมคบคิด

‘ก้าวไกล’อ่วมหนัก

เล่นละครขับ‘หมออ๋อง’พ้นพรรค

‘ศรีสุวรรณ’รุกชงปปช.เชือด

ยื่นเอาผิดจริยธรรมร้ายแรง

พท.จวกเหมือนอุ้มระเบิด

“ศรีสุวรรณ” จ่อร้องชง ป.ป.ช.เชือด “ก้าวไกล-หมออ๋อง” ฉ้อฉลทำนิติกรรมอำพราง-สมคบคิด-แยกกันเดิน ส่อผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ โดนทั้งพรรค-พรรคที่รับปาก ด้าน “อดิศร” เย้ยซ้ำ “ก้าวไกลการละคร” ประกาศเลิกเคารพ เตือน “หมออ๋อง” รั้งตำแหน่งรองปธ.สภาเหมือนอุ้มระเบิด ขณะที่หัวหน้าพรรคเป็นธรรม อ้าแขน ยินดีพร้อมรับ “หมออ๋อง” เข้าซบ โต้ไม่ใช่ฝากเลี้ยงย้ำต้องทำหน้าที่ สส.เป็นธรรม อย่างสมบูรณ์ ‘อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร’ขึ้นนำทัพ‘เพื่อไทย’จ่อเสนอชื่อที่ประชุมใหญ่ 27 ต.ค. เน้นปรับพรรคให้ทันยุคสมัย หวังให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วม

เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2566 นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดินเปิดเผยว่าตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.)ชุดใหม่ และสส.พรรคก้าวไกล มีมติเมื่อวันที่28ก.ย.ให้นายปดิพัทธ์ สันติภาดา หรือหมออ๋อง ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เพื่อให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนฯได้ต่อไป และหัวหน้าพรรคก้าวไกลก็จะได้เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯได้ โดยให้เหตุผลในแถลงการณ์ที่แพร่หลายในโซเชียลมีเดียว่า “เพื่อให้พรรคก้าวไกลสามารถทำหน้าที่เป็น‘ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์’ ได้พร้อมกับโพสต์รูปภาพและข้อความว่า“แยกกันเดิน เปลี่ยนประเทศด้วยกัน”นั้น

เพื่อความชัดเจนทางกฎหมาย องค์กรรักชาติ รักแผ่นดินจึงจะนำความไปยื่นร้องต่อ ป.ป.ช.ให้ดำเนินการไต่สวน และมีความเห็นว่าเข้าข่ายกลฉ้อฉล หรือ นิติกรรมอำพราง อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่อย่างไรตาม ม.234(1)ของรัฐธรรมนูญ2560 ประกอบ พรป.ป.ป.ช.2561ต่อไป ในวันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2566 เวลา10.00น. ณ สำนักงานใหญ่ ป.ป.ช. จ.นนทบุรี

ฉ้อฉลนิติกรรมอำพราง-สมคบคิด

นายศรีสุวรรณระบุว่า พฤติการณ์ หรือการกระทำของพรรคก้าวไกลและหมออ๋องดังกล่าว อาจมีเจตนาที่จะทำเป็นกลฉ้อฉล หรือนิติกรรมอำพราง ซึ่งเป็นโมฆียะกรรม อันขัด หรือแย้งต่ออุดมการณ์ของพรรคที่ได้จดทะเบียนไว้กับนายทะเบียนพรรคการเมืองเมื่อ23มิ.ย.63ว่าจะยึดมั่นในหลักนิติรัฐและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไว้อย่างชัดเจน แต่กลับใช้วิธีการเยี่ยงนักการเมืองน้ำเน่า ที่มุ่งกอดรัดอำนาจ หรือตำแหน่งที่ตนมีหรือที่จะมีไว้อย่างไม่ละอาย มิได้เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่เป็น FC จำนวนมากแต่อย่างใด

อีกทั้ง กรณีดังกล่าวถูกสังคมตำหนิ ติเตียน และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางซึ่งอาจเป็นทฤษฎีสมคบคิดกัน โดยมิได้ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน และมิได้รักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติอันเป็นข้อห้ามตามหมวด1ของมาตรฐานทางจริยธรรมฯที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดตาม ม.219 ของรัฐธรรมนูญ2560ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช.ที่จะไต่สวนและมีความเห็นได้โดยตรง

เอาผิดทั้งพรรค-อ๋อง-พรรครับฝาก

ทั้งนี้ หากป.ป.ช.มีความเห็นเป็นไปตามคำร้องก็จะต้องส่งศาลฎีกาพิพากษาเอาผิดทั้งคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล(กก.บห.)ชุดใหม่และสส.ก้าวไกลที่มีมติเมื่อ28ก.ย.รวมทั้งหมออ๋องด้วยและหากหมออ๋องไปสังกัดพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองดังกล่าว ก็จะถูกลากเข้าไปร่วมรับผิดด้วยในฐานะตัวการร่วมในนิติกรรมอำพรางเหล่านี้ด้วย

พท.ชี้มติขับหมออ๋องไม่ใช่เรื่องเล็ก

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีที่ พรรคก้าวไกลมีมติขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกลในฐานะรองประธานสภาผู้แทนฯคนที่ 1 พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลว่าก่อนหน้านี้ตนระมัดระวังการให้ความเห็นในเรื่องนี้ เพราะไม่เชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะกล้ามีมติขับนายปดิพัทธ์พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลจริง การขับสมาชิกพรรคที่เป็นถึงรองประธานสภาผู้แทนฯคนที่ 1 ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ควรเป็นเรื่องกระทำความผิดอย่างรุนแรงจนไม่สามารถทำงานร่วมกับพรรคได้จึงเกิดคำถามว่านายปดิพัทธ์ทำความผิดอะไร

‘อดิศร’ซัดกก.เหมือนอุ้มระเบิด

นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยและประธานคณะกรรมการประสานงานพรรครร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล )กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลมีมติขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนฯคนที่ 1 พ้นจากสมาชิกพรรค เพื่อให้ได้ตำแหน่ง ผู้นำฝ่ายค้านว่าตำแหน่งรองประธานสภาฯคนที่ 1ของนายปดิพัทธ์ ตนเลือก เพราะพรรคก้าวไกลเป็นผู้เสนอมา ถ้ายังดื้อรั้น ต้องการกอดตำแหน่งนี้ไว้ ถือเป็นทุกขลาภโดยแท้ เหมือนเป็นการอุ้มระเบิด หรืออะไรที่ไม่ดีไว้จะเป็นทุกข์ พรรคเพื่อไทย ลงคะแนนให้เพราะพรรคก้าวไกลส่งมา เมื่อพรรคก้าวไกลขับไล่ทุกขลาภออกจากพรรค ถือเป็นโทษที่ร้ายแรงที่สุดทางการเมือง

ทำตัวต่ำเอง/ไม่สง่างาม

“วันนี้ เมื่อพรรคก้าวไกลไม่เอาแล้ว ผมก็ไม่จำเป็นต้องเคารพ หลังจากนี้จะทำงานไม่สะดวก เมื่อออกไปแล้วเงาหัวพรรคก้าวไกล ถือว่าหายไปแล้ว การไปอยู่พรรคอื่นไม่สง่างาม แบบนี้ ถือเป็น”ก้าวไกล ลิเก หมอลำ การละคร” อยากทำตัวให้สูงกว่าคนอื่น แต่ตัวเองทำตัวต่ำกว่าคนอื่น แบบนี้บอกดีๆว่า อยากได้สองตำแหน่งจะดีกว่า สังคมจะได้เห็นใจ ไม่ใช่ว่าทุกขลาภไม่ดี ขับออกจากพรรคเพื่อเอาตำแหน่งแบบนี้ ต้นตอแห่งความผิด ไม่ใช่ทุกขลาภ ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคก้าวไกลสร้างโดยแท้”นายอดิศร ระบุ ‘อดิศร’ฟันธง’อ๋อง’เงาหัวหาย!

ก่อนหน้านี้ นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ Dr.Adisorn Piengkes ถึง นายปดิพัทธ์ สันติภาดา หรือ หมออ๋อง สส.พิษณุโลก รองประธานสภาผู้แทนฯคนที่1ว่า “ถูกไล่ออกจากกก้าวไกล เงาหัวหายมองไม่เห็น เดินหน้ายิ่งลำเค็ญ ทุกขลาภปรากฏเป็น เห็นทันตา…ปล่อยวางเหอะ”

เจอรุมยื่นร้องขัดจริยธรรมอ่วมแน่

นายอนุสรณ์ กล่าวว่าจากนี้ไปถนนทุกสายจะมีผู้ไปยื่นทั้งศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยคุณสมบัติการดำรงตำแหน่ง ตีความการขับสมาชิกออกจากพรรคชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือยื่นให้ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยว่า การกระทำเช่นนี้ขัดจริยธรรมและคุณธรรมทางการเมืองหรือไม่ นี่ไม่ใช่การเมืองใหม่ที่โฆษณาไว้ แต่เป็นการเมืองโบราณย้อนยุค ถอยหลังลงคลอง เพื่อต้องการรักษาตำแหน่งและผลประโยชน์ มากกว่ารักษาความถูกต้องหรือไม่

การที่นายปดิพัทธ์ ท่องคาถา ต้องอยู่ในตำแหน่งรองประธานสภาฯเพื่อให้สภาฯโปร่งใสนั้น ข้าราชการ เจ้าหน้าที่สภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่สบายใจ เป็นข้ออ้างที่พูดเอาดีใส่ตัวแต่ด้อยค่าสภาฯ

ไร้สง่างาม-ไม่ใช่สมบัติพรรคใด

“การใช้ช่องว่างทางกฎหมายเพื่อให้ตัวเองกอดเก้าอี้ต่อไป จะเหลือความสง่างามตรงไหน ฝืนขึ้นไปนั่งทำหน้าที่ทั้งๆที่ถูกพรรคขับออกจะไปกล้าสู้หน้าใครได้พฤติกรรมที่ทำนี้ ถือเป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่ สังคมรุมตำหนิว่าก้าวไกลการละครจึงอาจเป็นละครตกยุคน้ำเน่าไม่สร้างสรรค์ เพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร ได้รับความสนใจมีคนเข้าติดตามมากขึ้นมีคนออกมาแฉมากขึ้น เป็นการแลกทุกอย่าง เพื่อรักษาเก้าอี้ที่ได้ไม่คุ้มเสีย ตำแหน่งรองประธานสภา ไม่ใช่สมบัติของพรรคใด ถ้าไม่สามารถเป็นต่อได้ ก็แค่ลงมาทำหน้าที่อื่น ให้คนที่มีความเหมาะสมสง่างาม ทำหน้าที่ เพื่อดำรงเกียรติยศและศักดิ์ศรีของสภาไว้” นายอนุสรณ์ กล่าว

‘นิพิฏฐ์’อัดซ้ำเสพติดอำนาจ

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่าพรรคก้าวไกล สมยอมกันหรือเปล่า?กรณีพรรคก้าวไกลขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดาหรือหมออ๋อง สส.พิษณุโลกเขต1พ้นจากสมาชิกภาพของพรรคก้าวไกล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(9) และข้อบังคับพรรคก้าวไกล ข้อ 64(5) เพราะนายปดิพัทธ์ไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นเรื่อง”ความบิดเบี้ยว”ของสมาชิกพรรคก้าวไกล หรือ “ความบิดเบี้ยวของรัฐธรรมนูญ”ในความเห็นส่วนตัว เห็นว่า เป็นความบิดเบี้ยวของสมาชิกพรรคก้าวไกล(หมออ๋อง) มากกว่า เพราะต้องการตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรไว้ การเมือง จึงต้องดูกันนานๆ อำนาจเมื่อเสพแล้วมันจะติด มันไม่เข้าใคร-ออกใครหรอก พรรคก้าวไกล และหมออ๋อง จากกันด้วยน้ำตาไหลพราก ผมคิดว่า มิได้จากกัน เพราะโกรธกันเรื่องจากหมออ๋อง ทำผิดวินัยหรือ ผิดจริยธรรมอย่างแรง ตามข้อบังคับพรรคหรอก

ด่ารธน.แต่อ้างเพื่อประโยชน์ตัวเอง

นายนิพิฎฐ์ระบุอีกว่าผมไม่โทษพรรคก้าวไกล เพราะหากพรรคก้าวไกล ต้องการตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน เขาก็ต้องขับสมาชิกพรรคออก แต่ผมติดใจเหตุผลของหมออ๋อง ทุกเหตุผลที่ยกมาอ้าง ในความเห็นส่วนตัว ผมว่ารับฟังไม่ได้ ท่านได้รับการเลือกตั้งเพราะสังกัดพรรคก้าวไกล ท่านควรจะลาออกจากตำแหน่งรองประธาน อย่างสง่างาม และมาช่วยพรรคก้าวไกลขับเคลื่อนความเป็นฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง เหมือนที่พรรคก้าวไกล เคยแหกปากบอกประชาชนไว้ ในภายภาคหน้า ท่านจะกลับมาลงสมัครพรรคก้าวไกลอีกหรือเปล่า หรือพรรคก้าวไกลจะจัดการอย่างไรในเขต 1 พิษณุโลกต้องคอยดูกัน

สำหรับพรรคนี้เหมือนหนังยาวครับ ต้องดูกันนานๆหมออ๋องคนนี้แหละ คือคนที่ใช้เงินหลวงเลี้ยงหมูกระทะแม่บ้านสภา 370 คน และ เป็นหมออ๋อง คนเดียวกันที่ใช้เงินสภา 1.3 ล้านบาท ยกทริปไปดูงานสิงคโปร์ในวันเสาร์-อาทิตย์ ด่ารัฐธรรมนูญอยู่ทุกวัน แต่เวลาใช้เพื่อประโยชน์ตัวเอง ก็อ้างรัฐธรรมนูญที่ตัวเองด่านี่แหละ.

ปชป.ไม่ยุ่งปม‘กก.’ขับ’หมออ๋อง‘

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลมีมติขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฏรคนที่ 1ว่าตนได้แถลงข่าวไปหลายครั้งว่าเป็นสิทธิของพรรคก้าวไกลในตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านฯเหตุเพราะเป็นฝ่ายค้านที่มีจำนวน สส.ในสภามากที่สุดแต่เมื่อตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านมีปัญหาด้านหลักรัฐธรรมนูญ เพราะมีอีกตำแหน่งที่พรรคก้าวไกล มีสมาชิกเป็นรองประธานสภาฯอยู่

“การที่พรรคก้าวไกล มีมติขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดาซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯอยู่ โดยมีเจตนาอย่างไรก็ไม่ทราบได้ไม่ไปก้าวล่วงในการดำเนินกิจกรรมในทางการเมืองพรรคก้าวไกล เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองไม่ว่าจะตัดสินใจเรื่องอะไร ความรับผิดชอบทั้งในวันนี้และในอนาคตที่ต้องมีตลอดไปอยู่แล้ว”นายราเมศย้ำ

นอกจากนี้ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ กรณีของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ที่ต้องติดตามต่อคือเรื่องจริยธรรมที่ทำผิดกฎหมายว่าด้วยการควบคุมแอลกอฮอล์อยู่ว่าสุดท้ายผลจะเป็นอย่างไร เพราะคดีดังกล่าวจะเป็นตัวชี้ว่าจะมีผลกระทบต่อตำแหน่งรองประธานสภาหรือไม่

‘ปิติพงศ์’ยันปธ.ยินดีรับ‘อ๋อง’

ขณะที่ นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม(ปธ.)กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกล(ก.ก.)มีมติขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลกในฐานะรองประธานสภาผู้แทนฯคนที่ 1ออกจากพรรคซึ่งมีข่กระแสข่าวจะย้ายมาสังกัดพรรคปธ.ว่า ยังต้องรอดูความชัดเจนก่อนนายปดิพัทธ์ จะตัดสินใจอย่างไร ส่วนพรรคปธ.เปิดกว้างอยู่แล้ว ถือว่านายปดิพัทธ์ ยังมีเวลาตัดสินใจ โดยหลักการแล้ว เมื่อพรรคมีมติขับออก ถ้าไม่หาพรรคสังกัดในเวลาที่กำหนด ภายใน 30 วัน ก็แปลว่าจะต้องสิ้นสุดการเป็นสมาชิกสภาพของการเป็น สส.และขาดจากการเป็นตำแหน่งรองประธานสภาฯคนที่1ทันที ดังนั้นจึงต้องหาพรรคให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด ส่วนพรรคปธ.ยินดีต้อนรับ อยู่ที่ว่าจะสนใจพรรคปธ.หรือไม่

ยืนกรานไม่มีการฝากเลี้ยง

นายปิติพงศ์ย้ำว่าเมื่อเข้ามาแล้ว ก็อย่างที่ตนได้เรียนไปว่าจะเป็นคนของพรรคเป็นธรรมไม่ใช่เป็นคนของพรรคก้าวไกล ไม่มีการฝากเลี้ยง ต้องทำหน้าที่ของการเป็นสมาชิกและสส.ของพรรคเป็นธรรมอย่างเต็มที่และสมบูรณ์ และพรรคเป็นธรรมพร้อมน้อมรับในตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนฯคนที่1ด้วย ฉะนั้น ก็ต้องทำหน้าที่รองประธานสภาฯให้ดีที่สุดและเป็นทางการ แต่ยืนยันว่าจนถึงเวลานี้นายปดิพัทธ์ ยังไม่มีการประสานติดต่อเข้ามา

ยันพร้อมร่วมก.ก.ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน

เมื่อถามว่ามีบางฝ่ายมองว่าเป็นเกมของพรรคก้าวไกลที่จะได้ทั้ง2ตำแหน่งทั้งผู้นำฝ่ายค้านและรองประธานสภาฯคนที่1นายปิติพงศ์กล่าวว่าอันนี้เป็นการมองโดยสื่อแต่ทางการเมืองไม่ใช่ ซึ่งพรรคก้าวไกลมีหน้าที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านฯตำแหน่งเดียว ส่วนรองประธานสภาฯคนที่1ก็จะไม่ใช่ของพรรคก้าวไกลอีก ถ้านายปฏิพัทธ์มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเป็นธรรมและพรรคเป็นธรรมก็ได้ตำแหน่งรองประธานสภาฯคนที่ 1

จากแถลงการณ์ล่าสุดของพรรคก้าวไกลชัดเจนแล้วว่าจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์คือจะดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านใช้กลไกของสภาผู้แทนฯในการตรวจสอบและถ่วงดุลการทำงานของรัฐบาลอย่างเต็มที่ พรรคเป็นธรรมในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านและพรรคร่วมอุดมการณ์ประชาธิปไตยก็ พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับพรรคก้าวไกลในฐานะแกนนำฝ่ายค้านอย่างเต็มที่และจะใช้เวทีสภาหาทางออกให้กับประเทศ ใช้กลไกของสภาในการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป

‘อุ๊งอิ๊ง’ขึ้นนำทัพพท.ประชุม27ต.ค.

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่าในการประชุมวิสามัญพรรคเพื่อไทยในวันที่ 27 ตุลาคม นี้ เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคฯชุดใหม่แทนที่ชุดเดิมที่ลาออกไป โดยจะมีส ส.จำนวนมาก สนับสนุนให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคฯคนใหม่เพื่อนำพรรคอย่างเต็มตัว ไม่ใช่แค่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เหมือนที่ผ่านมา

เน้นปรับให้ทันสมัยเพื่อคนรุ่นใหม่

เนื่องจากมีความพร้อมเป็นศูนย์กลางของคนทั้งพรรคประกอบกับเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาปรับให้พรรค เพื่อไทยให้ทันยุคสมัยที่คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมกับการเมืองมากยิ่งขึ้น ขณะนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า น.ส.แพทองธาร จะรับหน้าที่หัวหน้าพรรคด้วยตนเอง ขณะที่ คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่จะเข้ามาช่วยงาน น.ส.แพทองธารก็จะเป็นคนรุ่นใหม่เช่นเดียวกัน เพราะพรรคต้องการปรับตัวครั้งใหญ่ ให้เป็นพรรคของคนรุ่นใหม่อย่างเต็มตัว เพื่อช่วงชิงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่งอีกครั้ง