ไม่ยกเลิกแจกเงินดิจิทัล1หมื่นบาท
‘เศรษฐา’เดินหน้าลุย
รับฟังเสียงนักวิชาการท้วงติง
แต่แค่1เสียง/ปชช.มีหลายสิบล้าน
ลงพื้นที่ชาวบ้านทวงถามเพียบ
‘เพื่อไทย’ดาหน้ารุมยำคนคัดค้าน
“เศรษฐา” ตอกกลับนักวิชาการไม่ยกเลิกแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท เหน็บนักวิชาการก็แค่ 1 เสียง ขณะที่ประชาชนหลายสิบล้านต้องการ ลงพื้นที่ชาวบ้านเรียกร้องเพียบ ด้านนักวิชาการลงชื่อพุ่งร่วมคัดค้านนโยบายดังกล่าว อดีตป.ป.ช.ร่วมแจมด้วย โฆษกประชาธิปัตย์เตือนระวังพาประเทศลงเหว
จากกรณีที่นักวิชาการและคณาจารย์เศรษฐศาสตร์ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2566 โดยใจความสำคัญ คือ นักวิชาการและคณาจารย์ ด้านเศรษฐศาสตร์ของไทย จำนวน 99 คน อาทิ นายวิรไท สันติประภพ ดร.ธาริษา วัฒนเกส
อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย,รศ.ดร.อัจนา ไวความดี อดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย, รศ.ดร.สิริลักษณา คอมันตร์ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์, ดร.บัณฑิต นิจถาวร อดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย,รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ มีความเห็นพ้องต้องกันที่จะเรียกร้องให้ถึงรัฐบาล”เศรษฐา ทวีสิน” ยกเลิก”นโยบายแจกเงินดิจิทัล10,000 บาท”เพราะเป็นนโยบายที่”ได้ไม่คุ้มเสีย”พร้อมแจกแจงเป็น 8 เหตุผลที่สำคัญนั้น
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด มีรายชื่อนักวิชาการที่ได้ร่วมกันลงชื่อคัดค้านนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000บาท เพิ่มเติมกันอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด มีรายชื่อนักวิชาการที่เป็นทางการแล้วถึง 117ราย และมีชื่อของ ศ.ดร. เมธี ครองแก้ว อดีตคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าร่วมด้วย
นายกฯนำคณะลุยน้ำท่วมยโสธร
ช่วงเช้า เวลา 10.00 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พร้อมด้วยนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นางเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ที่บ้านทรายงาม ตำบลกุดกุง อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธรซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้แม้จะไม่ถูกน้ำท่วม แต่ถูกน้ำจากแม่น้ำชีเอ่อล้นท่วมพื้นที่การเกษตรและถนนเข้าหมู่บ้านประมาณ 30-60 เซนติเมตร ระยะทางประมาณ4กิโลเมตร ต้องใช้รถขนาดใหญ่ในการสัญจรเข้าออกหมู่บ้าน
โดยนายกฯพร้อมคณะได้นั่งรถยกสูงของปภ.หมายเลขทะเบียน 53-7093 กรุงเทพมหานคร เข้าพื้นที่เพื่อพบปะประชาชนและมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในหมู่บ้าน
ให้คำมั่นทำแน่-มีคนต้านไม่กี่คน
เมื่อเดินทางมาถึงมีประชาชนรอต้อนรับผูกผ้าขาวม้าให้กำลังใจ โดยมีชาวบ้านบางคนบอกกับนายกฯว่าหล่อมาก จากนั้นนายกฯได้กราบนมัสการ พระครูเมธีธรรมบัญฑิต เจ้าคณะอำเภอคำเขื่อนแก้วพร้อมถวายผ้าไตร และจตุปัจจัยไทยธรรม โดยพระครูฯได้มอบพระพุทธบุษยรัตน์จำลอง ขนาดหน้าตัก5 นิ้ว พระคู่บ้านคู่เมือง จ.ยโสธรพร้อมเหล็กไหลของทางวัด รวมทั้งผูกข้อมือ ให้พรกับนายกฯและรัฐมนตรีที่ร่วมคณะ
ช่วงหนึ่งพระครูได้สอบถามนายกฯและฝากเรื่องเงินดิจิทัล 10,000บาท เพราะชาวบ้านรออยู่ ขอให้นายกฯทำสำเร็จ โดยนายกฯได้กล่าวยืนยันว่า“ขณะนี้รัฐบาลทำอยู่ ต้องทำครับ เพราะมีคนมาต่อต้าน แต่ก็ไม่กี่คนหรอกครับ แต่เราก็ต้องทำ เพราะเป็นเรื่องสำคัญสำหรับพี่น้องประชาชน ต้องทำครับ”
ชาวบ้านปลื้ม-อยากได้ดิจิทัล
จากนั้นนายกฯได้เดินพบปะกับประชาชนที่มารอซึ่งได้นั่งลงพูดคุยกับกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อสอบถามความเป็นอยู่ว่าอยู่อย่างไรในช่วงน้ำท่วมพร้อมแสดงความเป็นห่วงโดยระบุจะหาแนวทางช่วยเหลือด้วยการยกระดับความสูงของถนนที่เข้าหมู่บ้านเพื่อให้เดือดร้อนน้อยลงในช่วงที่น้ำท่วมสูง นอกจากนี้ จะมีการสร้างสะพานเพิ่มในบางจุด ทำให้ชาวบ้านยกมือไหว้ โดยนายกฯบอกกับชาวบ้านว่าไม่ต้องขอบคุณตนเอง เพราะสิ่งที่ทำเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ มีคุณยายวัย 70 ปีบอกกับนายกฯว่า ดีใจที่จะได้ใช้เงิน ไม่มีโทรศัพท์ ใช้ไม่เป็นทำไงท่านนายกฯนายกฯจึงกล่าวว่า“ไม่เป็นไร บัตรประชาชนใบเดียวก็พอแล้ว” อีกยังมีกลุ่มผู้สูงอายุอีกกลุ่มสอบถามเรื่อง30บาทรักษาทุกโรค นายกฯย้ำว่าเรื่อง30บาทเราจะดูแลให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นหน้าที่ต้องดูแลทั้งเรื่องสุขภาพ ดูแลประชาชน ตนไม่อยากให้ลำบาก ตนมาเพราะต้องการลงพื้นที่เพื่อดูแลทุกข์สุขของประชาชนอย่างแท้จริง ขณะที่นายเกรียงที่อยู่กับนายกฯได้สอบถามผู้สูงอายุว่ายังอยากใช้เงินดิจิทัลวอลเลตอยู่ไหม คุณยายจึงตอบว่า อยากได้
เข้าใจลำบากสัญญาจะกลับมาดูแล
จากนั้นนายกฯได้กล่าวกับประชาชนชาวยโสธรที่เป็นขวัญและกำลังใจ อย่างล้นหลามให้เราทำงาน การเดินทางเข้ามาตรงนี้ ลำบากขนาดมาหนเดียวยังลำบาก เพราะเจอแต่ภาวะน้ำท่วม และได้รับการรายงานว่าท่วมแล้วท่วมอีก ท่วมตลอดเป็นเดือน ตนมีความไม่สบายใจและเห็นใจ การสัญจรไปมาก็ลำบาก วันนี้ รมช.เกษตรและสหกรณ์ รมช.มหาดไทย รมช.คมนาคมและรมว.กลาโหมก็ร่วมมาด้วย เราให้ความสำคัญกับปัญหาของพี่น้องประชาชนชาวอำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร วันนี้ดีใจที่ได้มาพบปะพูดคุย แม้มาในสภาพที่น้ำท่วมไม่ค่อยน่ายินดีสักเท่าไหร่แต่อยากมาในบริบทที่มีรอยยิ้มอย่างจริงจัง วันนี้ก็ยิ้มสุดๆหน่อย เพราะมาถึงก็เห็นน้ำท่วม มาเพียงวันเดียวยังเศร้าใจ เข้าใจถึงความลำบาก วันนี้มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่าย ทุกคนเข้าใจและสัญญาจะกลับมาดูแลประชาชน
จากนั้นนายกฯได้มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชน จำนวน 300 ชุมและมอบถุงยังชีพของเกษตรอำเภอให้กับเกษตรกรจำนวน300ชุด รวมถึงมะปรางซึ่งเป็นอาหารของปศุสัตว์ในช่วงที่น้ำท่วมรวมถึงต้นกล้าพันธุ์พืชเช่นมะละกอพริกและมะเขือให้กับประชาชนด้วย
ระหว่างเดินทางกลับตามเส้นทางซึ่งมีน้ำท่วมสูงเป็นระยะ นายกฯได้ลงลุยน้ำและนำถุงยังชีพไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่ประสบความเดือดร้อนตามรายทางพร้อมให้กำลังใจว่า”ขอให้สู้สู้อดทนอีกหน่อยรัฐบาลพร้อมช่วยเหลือ”
คนร้อยเอ็ดชูป้ายทวงเงินหมื่นดิจิทัล
ต่อมา เวลา 13.30 น.นายกฯพร้อมคณะเดินทางมายังสถานีตำรวจภูธรหัวโทน อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการบำบัดยาเสพติดโดยมี น.ส.จิราพร สินธุไพร น.ส.ชญาภา สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทยรวมถึงประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ ซึ่งมีการถือป้ายเรียกร้องโครงการดิจิทัลวอลเล็ตโดยป้ายข้อความระบุว่า”เราต้องการเงินดิจิทัล 10,000 บาท” ,ชาวร้อยเอ็ดอยากได้ 10,000 บาท,เศรษฐกิจร้อยเอ็ดแย่ เอาเงิน 10,000 บาท มาเยียวยาก่อนได้ไหม”
ทั้งนี้ ทันทีที่นายกฯเดินทางถึงได้มีผู้ให้การต้อนรับนำผ้าขาวม้ามาผูกเอว ก่อนที่นายกฯจะเดินไปยังป้ายข้อความที่เรียกร้องโครงการเงินดิจิทัล นายกฯได้ทักทายและถ่ายรูปกับประชาชนอย่างเป็นกันเอง ในช่วงดังกล่าวนายกิตติ สมทรัพย์ สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทยได้เดินมาเพื่อร่วมภาพกับนายกฯด้วย ทำให้ นายกฯกระเซ้าว่า”คุณจะมาถ่ายรูปกับผมทำไมหละเฮ้อ”พร้อมใช้มือดันนายกิตติ ออกไป ก่อนที่จะชูนิ้วโป้ง เพื่อถ่ายรูปร่วมกับประชาชน พร้อมกับกล่าวว่า”เงินหมื่น”
ลั่นเดินหน้า-ยินดีรับฟัง-ไม่ยกเลิก
เวลา 15.00น.ที่สถานีตำรวจหัวโทน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณีประชาชนหลายพื้นที่เรียกร้องโครงการแจกเงินหมื่นดิจิทัลว่ามีประชาชนหลายพื้นที่แสดงเจตจำนงค์ว่า อยากได้มาก ตนก็ดีใจเพราะตลอด 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีนักวิชาการหลายท่านไม่เห็นด้วย เรียกร้องให้ยกเลิกโครงการ
“ผมยืนยันตั้งแต่เข้ามาเป็นนายกฯรัฐบาลและคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้รับฟังปัญหา ข้อเสนอแนะ ข้อแนะนำทั้งหลายจากทุกหน่วยงาน รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย เราน้องรับไปพิจารณา เพื่อปรับปรุงแต่งเติมให้ทุกอย่างดูดีขึ้น แต่ไม่มีการยกเลิก”นายกฯ ย้ำ และว่าโครงการเงินดิจิทัล ไม่ใช่โครงการหาเสียง ไม่ใช่โครงการที่มาโปรยเงินให้ประชาชนที่เลือกตั้งให้เรากลับมาใหม่ แต่เป็นโครงการที่เราตระหนักดีถึงความจำเป็นและความต้องการของประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม
วางเป้าเติมเงินให้คนมีขวัญกำลังใจ
นายกฯกล่าวว่าตลอดเวลาที่เราเข้ามาบริหารงาน เรื่องการลดค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้ประชาชนจะมีขวัญและกำลังใจทำมาหากิน เราได้ลดค่าไฟฟ้า ค่าพลังงานเชื้อเพลิงแล้ว และอาทิตย์ที่ผ่านมาก็มีการพักหนี้เกษตรกรแล้ว และยืนยัน เป็นเรื่องจำเป็น และเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการที่ประชาชน มีรายจ่ายเยอะ มีภาระเยอะ จะไม่มีขวัญกำลังใจทำมาหากิน การลดค่าใช้จ่ายของเราก็เพื่อให้ประชาชนมีขวัญกำลังใจทำมาหากิน แต่ก็มีปัญหาอีก เมื่อมีขวัญกำลังใจแล้วเอาเงินทุนจากที่ไหน คนต่างจังหวัด ไม่ได้มีเงินเยอะเหมือนคนที่อยู่บนฐานบนของสังคม ความเหลื่อมล้ำมีเยอะมากในสังคมไทย เขาไม่มีเงิน งบประมาณของโครงการนี้ประมาณ5แสนกว่าล้าน ไม่ใช่งบประมาณที่ทำทุกปี ขอทำความเข้าใจว่าทำแค่ครั้งเดียว ไม่ใช่ตั้งใจเอามาเพื่อซื้อเสียง เราทำออกมาเพื่อให้โดนใจประชาชนและมีเงินทุนในการประกอบอาชีพอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี
ชี้นักวิชาการค้านแค่หนึ่งเสียง
นายกฯกล่าวว่านักวิชาการออกมาวิพากษ์วิจารณ์เยอะ ตนน้อมรับแต่ท่านก็เป็นแค่หนึ่งเสียง พี่น้องประชาชนมีอีกหลายสิบล้านเสียงที่ต้องการเงินจิจิทัล เราน้อมรับฟังและนำไปปรับปรุงเพื่อให้ประโยชน์สูงสุดตกอยู่กับทุกฝ่ายทั้งฝ่ายที่เสียภาษี ฝ่ายประชาชนที่มีความเดือดร้อน จากปัญหาเศรษฐกิจอย่างมากที่หมักหมุมมานาน
อย่างไรก็ดี นายกฯกล่าวอีกว่าขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลนี้จะไม่ลุด้วยอำนาจและจะฟังความคิดเห็น แต่เหนือสิ่งอื่นใดความลำบากของประชาชน การที่ประชาชนขาดเงินทุนที่จะไปดำรงชีพเป็นเรื่องสำคัญเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญที่สุด ยืนยันจะไม่มียกเลิกเงินดิจิทัล
ปลุกคนหนุนออกมาพูดบ้าง
เมื่อถามว่านักวิชาการควรรับฟังความคิดเห็นของประชาชนด้วยใช่หรือไม่นายเศษฐากล่าวว่า”ใช่ครับ ผมขอวิงวอนว่านักวิชาการแสดงความคิดเห็นมาเยอะ ขอให้แสดงความคิดเห็นออกมาอีกและนักวิชาการที่เห็นด้วยก็มี ก็ช่วยแสดงความคิดเห็นมาด้วย ผมในฐานะคนกลาง ตัวแทนประชาชนก็จะนำไปพิจารณาและปรับปรุงโครงการให้มีประสิทธิภาพสูงสุดให้โดนใจทุกคน
เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีโอกาสได้พูดคุยกับนักวิชาการที่เห็นต่าง เพื่อให้ไม่ให้เกิดบรรยากาศที่ไม่ดี นายเศรษฐา กล่าวว่า ยืนยันตนคุยตลอด สัปดาห์ที่ผ่านมาก็คุยกับผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย และทีมงานก็คุยกับนักวิชาการหลายท่าน ได้ไปพูดคุยและรับฟังตลอด
รบ.โวบริหารไม่ถึงเดือนผลงานอื้อ
นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการ นายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า จนถึงเวลานี้รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯเข้ามาบริหารประเทศยังไม่ถึงเดือน แต่สามารถสร้างผลงานได้อย่างรวดเร็ว ประชาชนได้ประโยชน์ทั้งประเทศไม่ว่าจะเป็นมาตรการ การพักชำระหนี้เกษตรกร 2.7 ล้านราย ลดราคาพลังงาน ลดค่าไฟฟ้า ลดค่าน้ำมัน ทั้งดีเซลและเบนซินอย่างต่อเนื่องเกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่มรัฐบาลทำเต็มที่ในทุกนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชน ในขณะเดียวกัน เวลาที่คณะรัฐมนตรีลงพื้นที่หรือ ส.ส.ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนจะได้รับ คำถามจากประชาชนว่าว่าเมื่อไหร่จะได้ใช้เงิน10,000 บาท
ย้ำเงินดิจิทัลเป็นความหวังปชช.
นายสมคิดกล่าว่า ในโครงการDigital Wallet นโยบายดังกล่าว เป็นเหมือนความหวังของพี่น้องประชาชน เพื่อนำไปซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคบรรเทาปัญหาค่าครองชีพที่ไม่พอใช้ในครัวเรือน ทั้งนี้ เงิน10,000 บาทจะสามารถช่วยเหลือพี่น้อง เกษตรกรพี่น้องทุกหมู่เหล่าเรื่องนี้พี่น้องประชาชน ต้องการให้รัฐบาลเร่งรัด การจ่ายเงินในโครงการDigital Walletโดยเร็ว ยิ่งทำได้เร็วเท่าไหร่ ก็จะเกิดผลดีกับประเทศมากเท่านั้นเพราะปัจจุบันกำลังซื้อในมือของน้องประชาชนทั่วประเทศนั้นลำบากมากเงินที่จ่ายผ่าน Digital Walletจะเกิดประโยชน์มหาศาลกับพี่น้องประชาชน สามารถนำไปซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคได้
อัดนักวิชาการ-ไม่เห็นหัวปชช.
“เม็ดเงินจำนวนกว่า560,000ล้านบาทจะถูกอัดฉีดเข้าระบบในต้นปี2567มั่นใจว่าจะสร้างประโยชน์มหาศาลประชาชน ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ภาคอุตสาหกรรมก็ได้ประโยชน์ โรงงานผลิตสินค้าจะผลิตสินค้ามากขึ้น แรงงานก็มีงานทำมากขึ้นตามไปด้วย ตามมาคือรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากเดิม ส่วนนักวิชาการที่ออกมาโจมตีนโยบาย Digital Walletเพราะคนเหล่านี้ อยู่ดีมีกินแล้ว ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ เพราะคนเหล่านี้อยู่สบายแล้วจึงไม่คิดถึงประชาชนที่กำลังลำบาก ดังนั้น รัฐบาลมีหน้าที่ทำให้ ประชาชนมีความสุขนโยบายที่ออกมา จึงเป็นนโยบายที่ยึดประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศเป็นที่ตั้งนโยบายดังกล่าวจะส่งผลต่อประเทศและประชาชน อย่างแน่นอน”นายสมคิด กล่าว
พท.รับฟังข้อเสนอแนะเงินดิจิทัล
ขณะที่พรรคเพื่อไทย น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการ รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยรับทราบถึงข้อคิดเห็นจากหลายฝ่ายเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ซึ่งมีทั้งบวกและลบจากทั้งนักวิชาการบางส่วน จึงขอทำความเข้าใจ ดังนี้1.ที่มาของออกนโยบายดังกล่าว มาจากการที่พรรคเพื่อไทย ได้ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน คนหาเช้ากินค่ำ และพี่น้องเกษตรกร ต่างต้องการความช่วยเหลืออย่างมาก จากปัญหาที่สะสมมาตลอดระยะเวลาหลายปี โดยเฉพาะในช่วงโควิดที่ทำให้ชีวิตของประชาชนสะดุดจนติดลบ จนทำให้หนี้ครัวเรือนปี2563 พุ่งขึ้น 10 เท่าจากปี 53 และในไตรมาส 1 ปี 66 อยู่ที่ 90.6% ซึ่งเป็นปัญหาที่สะสมมาตั้งแต่ช่วงโควิดจนมาถึงปัจจุบัน หนี้ที่เพิ่มขึ้นเพราะประชาชนอ่อนแอเปราะบาง เป็นที่มาของการลดรายจ่าย
ช่วยกระตุ้นพื้นฐานศก.ให้แข็งแรง
น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าวว่าจากการประเมินของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ล่าสุดพบว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้2-3รอบ(fiscal multiplier) คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ1-1.6ล้านล้านบาท และประเมินจีดีพีไทยในปี 67 จะขยายตัวได้ถึง 5-7% แม้ถูกมองว่าเป็นการกระตุ้นระยะสั้น แต่พรรคเพื่อไทย มองว่าเป็นการเริ่มต้นปูพื้นฐานที่แข็งแรงให้กับเศรษฐกิจในปี67เพื่อที่ในปีต่อๆไป การลงทุนจากต่างประเทศจะเข้ามามากขึ้น เป็นที่มาของการเพิ่มรายได้ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ค่าแรง 600 บาทใน 4 ปี และเงินเดือนปริญญา 25,000 บาทที่กำลังจะตามมา
พร้อมลงทุนขนาดใหญ่ดันจีดีพีโต
3.โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่เป็นการลงทุนระยะยาว ยังมีหลากหลายโครงการที่รัฐบาลเตรียมการไว้ด้วยเช่นกัน เช่น โครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน (ชุมพร-ระนอง)หรือโครงการแลนด์บริดจ์,โครงสร้างพื้นฐาน ที่ จ.ภูเก็ต,โครงการอีอีซี และระบบขนส่งมวลชนต่างๆ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น สามารถดำเนินควบคู่กันไปกับโครงการขนาดใหญ่ ที่เป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาว 4.ขณะนี้ประเทศไทย อยู่ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น กนง.ได้ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งล่าสุด 0.25% เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 66 จาก 2.25% เป็น 2.50% ต่อปี และเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยติดกัน 8 ครั้ง นับตั้งแต่ 10 ส.ค. 65 อาจส่งผลให้การลงทุนและการส่งออกของไทยหดตัวลงได้ ดังนั้นการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ควบคู่การลดรายจ่ายให้กับประชาชนระดับฐานรากของสังคม และการลงทุนขนาดใหญ่ เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำ เป็นทางออกที่เหมาะสม และจะช่วยทำให้เศรษฐกิจเติบโตในระยะยาวได้
วอนคนค้านรับฟังเสียงปชช.ด้วย
“พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล มองภาพใหญ่ มองภาพรวมของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ที่สส.พื้นที่เราได้รับฟังเสียงสะท้อนมาตลอด ที่ผ่านมาไม่มีใครบอกว่า ไม่อยากได้เงินดิจิทัล1หมื่นบาท มีเพียงคำถามว่า เมื่อไรจะได้เงินหมื่น ข้อกังวลเรารับทราบ ข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาโครงการเราเปิดรับเสมอ แต่อยากให้คนที่คัดค้าน ฟังเสียงประชาชนร่วมด้วย คนที่เขารอรับ เขาอาจเสียงไม่ดังเหมือนพวกท่านแต่พวกเขาเดือดร้อนและรออยู่”น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว
ปชป.ติงอย่าเอาปชช.เป็นตัวประกัน
ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีมีข้อท้วงติงนโยบาย”ดิจิทัลวอลเล็ต”ที่จะแจกเงิน10,000 บาทว่า เคยท้วงติงตั้งคำถามตั้งแต่ช่วงแรกว่านับแต่วันที่มีการแถลงนโยบายว่ารัฐบาลยังแจงรายละเอียดต่อประชาชนไม่ได้ว่าจะมีหลักการใช้จ่ายงบประมาณอย่างไร งบประมาณจะใช้จากส่วนไหน วิธีการดำเนินการ ยังกลับไปกลับมา ขณะนี้มีแถลงการณ์ของอาจารย์เศรษฐศาสตร์ได้ออกมาให้ความเห็นด้วยเหตุด้วยผลซึ่งรัฐบาลต้องรับฟังความเห็นด้วยความจริงใจ แต่ดูเหมือนนายกรัฐมนตรีไม่ได้ให้ความสนใจ ทั้งๆที่เป็นประเด็นเกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ เพราะงบประมาณที่จะต้องนำไปใช้กับโครงการดังกล่าว มีจำนวนมากถึง560,000ล้านบาท
“คำท้วงติงที่บอกว่า จะได้ไม่คุ้มเสีย นายกรัฐมนตรีต้องละเอียดในการตรึกตรอง การใช้จำนวนเงินมากมายมหาศาล หากนำมาสร้างงานเพื่อให้ประชาชนได้เกิดรายได้ที่ยั่งยืนได้ดังนั้น นายกฯต้องคิดให้ดี หากจะเดินหน้าโดยไม่สนใจใยดี ท้ายที่สุดประชาชนก็ต้องรับผลกระทบ ต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นหรือไม่ ราคาสินค้าจะแพงขึ้นหรือไม่ จะมีผลต่อหนี้สาธารณะหรือไม่ รัฐบาลต้องคิดและอย่าเอาชีวิตประชาชนและประเทศมาเป็นตัวประกัน เพราะหากเกิดความเสียหายรัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไร”
เตือนนายกฯจะพาปท.ไปลงเหว
นายราเมศกล่าวอีกว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯต้องไม่ลืมคำพูดของตนเองที่พูดว่า“บางทีเสียงที่เราไม่อยากได้ยินกลับเป็นเสียงสวรรค์”ดังนั้นก็ควรระลึกถึงคำพูดและปฏิบัติให้เห็นด้วย เพราะคนที่จะเป็นนายกฯที่ดีได้ควรรักษาคำพูด รับฟังความเห็นอย่างจริงใจสำคัญที่สุด อย่าลืมว่า นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ ไม่ใช่ประธานบริษัทจะกระทำสิ่งใดต้องยึดประโยชน์ของประชาชนและประเทศ มีคำเตือนอยู่ว่า ข้างหน้านายกฯกำลังจะพาประชาชนพาประเทศไปลงเหวก็ควรหยุดคิดพิจารณาคำท้วงติง คำเตือน เพื่อไปปรับปรุงแก้ไข การบริหารประเทศไม่อยากให้ทำการเมืองด้วยนโยบายที่ไม่รับผิดชอบ แล้วทิ้งภาระไว้ให้ประชาชนในวันอนาคต
ซัดพท.ทำตัวเหมือนโดนน้ำร้อนลวก
นายราเมศยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ขอนายกฯเตือนคนของพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาแถลงข่าวโต้ตอบด้วยว่าอย่าทำตัวเหมือนโดนน้ำร้อนลวก ควรออกมาชี้แจงด้วยเหตุด้วยผล แต่ที่ออกมาส่วนมากจะเอาประเด็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ไปเลือกหัวหน้าพรรคให้ได้ก่อน ถึงจะวิจารณ์คนอื่นได้นั้น แต่ในทางการเมือง พวกที่พูดเช่นนี้ มีปัญหาทางสภาพจิตใจ ควรมีวุฒิภาวะในทางการเมืองให้มากกว่านี้ เรื่องเลือกหัวหน้าพรรค เป็นเรื่องภายใน เรื่องประชาธิปไตยภายในพรรค ไม่มีใครมาชี้นิ้วสั่งได้ คนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคได้ก็ต้องมีการคัดสรร กลั่นกรองจากสมาชิก พรรคและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยมีใครกระทำการทุจริตแล้วติดคุก หรือต้องถูกยึดทรัพย์ ถ้าจะมาโต้ตอบในทางการเมืองควรออกมาอย่างมีวุฒิภาวะอย่างผู้มีปัญญาด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี