"เศรษฐา"แจงถึงซาอุฯถกสุดยอดอาเซียน-GCC ช้ากว่า 4 ชม. เหตุเครื่องบินเบรกเสีย ก่อนเข้าเฝ้าฯ เจ้าชายซาอุฯ พร้อมฝากฝังแรงงานไทย 6,000 คน เผยผู้นำเวทีอ่าวอาหรับต่างห่วงสถานการณ์ฮามาส-อิสราเอล เรียกร้องปล่อยตัวประกันโดยเร็ว เป็นห่วงผู้บริสุทธิ์
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 ต.ค.66 (ตามเวลาท้องถิ่นของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ชี้แจงถึงกรณีการเดินทางมายังซาอุดีอาระเบียล่าช้ากว่ากำหนดกว่า 4 ชั่วโมง ว่า เนื่องจากเครื่องบินเบรกเสีย ต้องซ่อม แต่ก็ไม่กระทบต่อการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ ครั้งที่ 1 เพราะเมื่อเดินทางมาถึงก็สามารถเข้าร่วมประชุมได้ทันที
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โดยการประชุมดังกล่าวถือเป็นครั้งแรก ระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียนกับ GCC ภายใต้การนำของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ได้เปิดการประชุม จากนั้นเป็นการกล่าวสุนทรพจน์ของผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อให้ความมั่นใจว่าระหว่างสองทวีปมีความสัมพันธ์ที่ดี มีแนวทางที่ชัดเจน เรื่องศักยภาพยังสามารถไปได้อีกไกล ทั้งการลงทุน การท่องเที่ยว การแพทย์ ที่ยังสามารถทำอะไรได้อีกมาก
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า จากนั้นได้มีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีฟิลิปปินส์ ซึ่งได้เชิญให้ตนในฐานะผู้นำไทยคนใหม่ไปเยือนฟิลิปปินส์ในไตรมาส 2 ของปีหน้า นอกจากนี้ยังได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ และสมเด็จพระราชาธิบดีบูรไนด้วย
ขณะที่ในวันเดียวกันนี้ตนได้เข้าเฝ้ามกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งซาอุดีอาระเบีย ซึ่งตนได้ฝากฝังแรงงานไทย 6,000 คนในซาอุฯ พร้อมขอบคุณที่ดูแลเป็นอย่างดี ขณะที่เจ้าชายฯ เห็นว่าควรทำสนธิสัญญาการค้าระหว่างไทยกับ GCC และได้กำหนดกรอบเวลาการเริ่มต้นในเดือน ม.ค. เพราะการค้าไทยกับ GCC ยังพัฒนาไปได้อีกไกล ซึ่งนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ กับ รมว.ต่างประเทศซาอุฯ มีการพูดคุยถึงแผนดำเนินการในอนาคต ซึ่งมีการพูดคุยเป็นมิตรภาพที่ดีต่อกัน รวมทั้งวันที่ 21 ตุลาคม ตนจะได้พบปะพูดคุยกับบริษัทยักษ์ใหญ่ “อารัมโก” บริษัทน้ำมันแห่งใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย
นอกจากนี้ นายเศรษฐา ยังให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล ว่า ในที่ประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ ผู้นำหลายๆชาติได้พูดถึง เหตุการณ์ที่เราทุกคนไม่อยากให้เกิดคือสถานการณ์ความรุนแรงระหว่างฮามาสกับอิสราเอล ก็มีการเรียกร้องขอให้ปล่อยตัวประกันออกมาโดยเร็วเพราะเป็นบุคคลที่บริสุทธิ์ ก็อยากให้ยุติสถานการณ์ความรุนแรงโดยเร็วด้วยการเจรจาด้วยความสันติ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงการรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันของผู้นำตนได้นั่งข้างกับกษัตริย์โอมาน มีความคุ้นเคยกับประเทศไทยดีมาก ซึ่งประเทศไทยโดยบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ก็เป็นบริษัทที่ลงทุนสูงที่สุดบริษัทหนึ่งในโอมาน การลงทุนในด้านการท่องเที่ยวก็มีมาก สายการบินที่บินสัปดาห์ละ 3-4 วัน ไปประเทศไทย ซึ่งตนบอกว่าอยากให้นักท่องเที่ยวโอมานไปประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งกษัตริย์โอมานก็ตอบรับ เพราะครอบครัวของท่านก็เป็นคนไข้อยู่ที่โรงพยาบาลในประเทศไทย ชื่นชมการรักษาพยาบาลของประเทศไทย พร้อมหารือกันถึงปัญหาอิสราเอล ซึ่งตนได้แจ้งว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นคู่กรณี แต่สูญเสียมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ ท่านตกใจมากและเสียใจมาก และตนได้บอกอีกว่าแค่นั้นยังไม่พอเรายังถูกจับเป็นตัวประกัน 17 คน ท่านยิ่งตกใจใหญ่ ถามว่าทำไมถึงทำเช่นนี้ และหลังจากเสร็จการประชุมครั้งนี้ท่านจะรีบเสด็จไปไคโรเพื่อเข้าร่วมประชุมใหญ่ และจะมีบรรดาผู้นำบินตามไปสมทบซึ่งจะพูดคุยกันเรื่องความไม่สงบในกาซาและอิสราเอล
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งนี้ หลังการรับประทานอาหาร ได้พบกับมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีของซาอุดีอาระเบีย อีกครั้ง และท่านตระหนักดีถึงความสูญเสียของคนไทยทั้ง 30 คนและตัวประกันอีก 17 คน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้พูดคุยกับสมเด็จพระราชาธิบดีของบรูไน ได้แสดงความเป็นห่วงประเทศไทยและตัวประกัน ซึ่งตัวท่านเองก็พยายามพูดคุยกับบรรดาผู้นำต่างๆ เพราะท่านมีความคุ้นเคยและท่านรักประเทศไทย ทุกท่านแสดงความห่วงใยตัวประกัน และตกใจถึงความสูญเสียครั้งใหญ่ของเรา ก็มีการพูดคุยกันดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี