ชื่นมื่นเคียงข้าง‘ไบเดน’

‘เศรษฐา’ลุยถก

ทวิภาคีหลายชาติเอเปก

เชิญชวนลงทุนในไทย

ทำ‘FTA’กับแคนาดา

กระชับสัมพันธ์ออสซี่

นายกฯ “เศรษฐา” หารือทวิภาคีหลายชาติในการประชุมเอเปก เชิญชวนให้มาลงทุนในไทย เห็นพ้องนายกฯแคนาดา ทำความตกลง FTA รุดกระชับสัมพันธ์ออสซี่ และเข้าร่วมประชุมหารือไม่เป็นทางการแขกพิเศษของโจ ไบเดน ปธ.เอเปก ขณะที่ “เศรษฐา” ชื่นมื่น นั่งเคียงข้าง “ไบเดน” เลี้ยงอาหารมื้อค่ำ

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่นครซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา (ช่วงสายวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่า กทม.15 ชั่วโมง) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุม สุดยอดผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation) หรือ APEC 2023 ครั้งที่ 30 ในเมืองโดยรอบสถานที่ประชุม บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก บรรดารถขบวนผู้นำประเทศต่างๆ ได้วิ่งกันขวักไขว่ ขณะที่การรักษาความปลอดภัยสถานที่พักของผู้นำแต่ละประเทศ เป็นไปอย่างเข้มงวด และตามถนนที่เป็นเส้นทางผ่านของขบวนรถ ได้มีการปิดเส้นทางเป็นระยะ

ฮือฮาขบวนรถ ‘ไบเดน’กว่า40คัน

ทั้งนี้ สิ่งที่เป็นที่น่าสนใจของชาวซานฟรานซิสโก รวมถึงสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ คือขบวนรถของเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ขบวนยาวกว่า 40 คัน เพื่อเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ที่ศูนย์ประชุมมอสโคนีเซ็นเตอร์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนประจำจุดตลอดเส้นทาง เพื่อคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรล่วงหน้าประมาณ 40 นาที

‘เศรษฐา’หารือนายกฯแคนาดา

ที่ศูนย์ประชุมมอสโคนีเซ็นเตอร์ ฝั่งทิศใต้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง พบหารือทวิภาคีกับนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา โดยผู้นำทั้งสองประเทศต่างหวังที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือในระดับทวิภาคีอย่างรอบด้านมากยิ่งขึ้น โดยมีความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ระหว่างประเทศ เชื่อว่าความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ถือเป็นกรอบความร่วมมือที่สำคัญที่จะทำให้เกิดโอกาสมากมาย และการประชุมในครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีที่ผู้นำเขตเศรษฐกิจจากทั่วโลกจะได้พบกัน

ชี้ประเทศไทยพร้อมรับการลงทุน

นายเศรษฐา กล่าวว่า การเข้าร่วมประชุมครั้งนี้เพื่อประกาศให้ทราบว่า ประเทศไทยเปิดแล้ว และพร้อมรับการลงทุน การเกิดสถานการณ์ระหว่างประเทศทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิตมาภูมิภาคอาเซียน อาทิ ไทย และเวียดนาม มากขึ้น โดยมีภาคเอกชนชั้นนำต่างประเทศเข้ามาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทยมากขึ้น มีโอกาสได้พบหารือกับภาคเอกชนชั้นนำหลายราย ที่กำลังพิจารณาใช้ไทยเป็นฐานการผลิต โดยให้สิทธิประโยชน์และมาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับภาคเอกชนจำนวนมาก

ขณะที่นายกฯ แคนาดา กล่าวว่า พร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาลไทย ทั้งในระดับทวิภาคี และภูมิภาค เพื่อสานต่อพลวัตความสัมพันธ์ และความร่วมมือสาขาต่างๆ ทั้งนี้ แคนาดามียุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก ที่หวังจะร่วมมือกับไทย ซึ่งด้วยสถานการณ์ระหว่างประเทศทำให้ภาคเอกชนจะต้องเพิ่มศักยภาพความยืดหยุ่นในภาคการผลิตมากขึ้น รวมทั้งกระชับความร่วมมือระหว่างประเทศให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นด้วย ไทยถือเป็นประเทศคู่ค้ารายสำคัญของแคนาดา อย่างไรก็ดี ไทยและแคนาดายังไม่มี FTA ระหว่างกัน

เห็นพ้องร่วมทำความตกลงFTA

ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่าย เห็นพ้องหากดำเนินการได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อไทยและแคนาดามาก โดยทั้งสองฝ่ายเห็นว่าความตกลง FTA ระหว่าง ASEAN-Canada ซึ่งกำลังเจรจากันอยู่น่าจะเป็นโอกาสที่ดีให้ทั้งสองฝ่ายใช้ประโยชน์จาก FTA ดังกล่าว

นายกฯกระชับสัมพันธ์ออสซี่

เวลา 11.35 น.(ตามเวลาท้องถิ่นนครซานฟรานซิสโก) นายเศรษฐา ได้หารือทวิภาคีกับนายแอนโทนี แอลบาเนซี นายกรัฐมนตรีเครือรัฐออสเตรเลีย ที่ห้องหารือทวิภาคี 1 ศูนย์ประชุมมอสโคนีเซ็นเตอร์ ฝั่งทิศใต้ โดย น.สพ.ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้ นายกฯ ยืนยันความพร้อมที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดสมัยพิเศษ เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-ออสเตรเลีย ในปีหน้า พร้อมพาภาคเอกชนร่วมคณะ โดยไทยและออสเตรเลีย มี FTA ที่มีความก้าวหน้ามาก มีการแลกเปลี่ยนและความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนที่ใกล้ชิด การท่องเที่ยวเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล และเป็นส่วนสำคัญสำหรับเศรษฐกิจไทย โดยคนออสเตรเลียนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยจำนวนมาก ในขณะที่คนไทยก็นิยมท่องเที่ยวออสเตรเลีย เนื่องจากมีความปลอดภัย อีกทั้ง มีบริษัทชั้นนำย้ายฐานการผลิตมาไทยเป็นจำนวนมาก อาทิ ด้านรถยนต์ไฟฟ้า การตั้งศูนย์ Data Center เป็นต้น รวมถึงจะมาลงทุนในไทยด้วย

ออสเตรเลียชี้ไทยหุ้นส่วนสำคัญ

ส่วนนายกฯ ออสเตรเลีย แสดงความยินดีและเชื่อมั่นในการเข้ารับตำแหน่งของนายเศรษฐา ซึ่งทั้งสองประเทศ เป็นมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และไทยถือเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญของออสเตรเลีย ทั้งทวิภาคี และในกรอบอาเซียน ยินดีที่ไทยตอบรับเข้าร่วมการประชุมสุดยอดสมัยพิเศษ เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-ออสเตรเลีย ในเดือนมีนาคม 2567 ทั้งนี้ ออสเตรเลียมีคนไทยอาศัยอยู่จำนวนมากในภาคส่วนต่างๆ มีความร่วมมือสถาบันการศึกษาระหว่างกันอย่างดี

นายกฯ ออสเตรเลีย กล่าวอีกว่า ได้ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์อาเซียน-ออสเตรเลีย อย่างมาก โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ การประชุมสุดยอดสมัยพิเศษ เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์อาเซียน-ออสเตรเลีย และยินดีที่ผู้นำอาเซียนทุกท่าน ตอบรับเข้าร่วมการประชุมแล้ว โดยเศรษฐกิจระหว่างออสเตรเลีย-อาเซียน มีความเกื้อหนุนกันอย่างดี พร้อมกล่าวชื่นชมการจัดการประชุมเอเปก 2022 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพว่าประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง

นายกฯหารือทวิภาคีผู้นำหลายชาติ

นอกจากนี้ นายเชษฐพันธ์ มากสัมพันธ์ อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ เปิดเผยถึงการหารือในระดับทวิภาคี ระหว่างนายกฯ กับผู้นำของหลายประเทศ ทั้งญี่ปุ่น แคนาดา ออสเตรเลีย และรัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐอเมริกา ว่าในส่วนของแคนาดา แม้ยังมาลงทุนในไทยไม่มากนัก แต่แคนาดามีความชำนาญในธุรกิจพลังงานสะอาด นายกฯ จึงเชิญชวนมาผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดในไทย และร่วมมือกันในระดับประชาชนโดยเฉพาะด้านการศึกษา ที่แต่ละปีมีคนไทยไปเรียนในแคนาดาเป็นจำนวนมาก ส่วนการหารือกับทางสหรัฐฯ นายเศรษฐา พูดคุยเรื่องความสำคัญของเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สหรัฐฯ มีความเชี่ยวชาญ ขณะนี้ประเทศไทยพร้อมจะเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปตามภูมิภาคต่างๆ พร้อมย้ำจุดยืนทางการเมืองให้ทางสหรัฐฯ มั่นใจว่ายึดมั่นในกฎบัตรของสหประชาชาติ

เศรษฐาหารือแขกพิเศษปธ.เอเปค

ต่อมา นายเศรษฐา เข้าร่วมหารือระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน และการหารืออย่างไม่เป็นทางการ ระหว่างผู้นำเศรษฐกิจเอเปคกับแขกพิเศษของประธาน APEC Economic Leader’s Informal Dialogue and Working Lunch with Guests (Session 1) ที่ศูนย์ประชุมมอสโคนีเซ็นเตอร์ ฝั่งทิศใต้

จากนั้นในช่วงค่ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมฯ วันแรก นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจ ที่โถงเดอะคอรต์ ออฟออเนอร์ พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์แห่งซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ โดยมีบรรดาผู้นำประเทศต่างๆ รวมถึงนายเศรษฐา ที่เข้าร่วมงานเคียงข้างนายไบเดน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น

เคียงข้าง ‘ไบเดน’เลี้ยงอาหารค่ำ

นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ระบุว่า การที่สหรัฐฯ ในฐานะเจ้าภาพจัดให้นายกฯ นั่งรับประทานอาหารค่ำติดกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ถือเป็นการให้เกียรติประเทศไทยอย่างมาก เพราะเป็นชั่วโมงสำคัญที่ผู้นำสหรัฐฯ และไทย จะได้พูดคุยกันอย่างใกล้ชิดหลังจากที่ได้ถ่ายภาพหมู่ของผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกร่วมกัน อีกทั้งเชื่อว่าการประชุมในครั้งนี้ จะทำให้ทุกประเทศได้เห็นความชัดเจนในการขับเคลื่อนของรัฐบาลชุดใหม่ของไทยอย่างชัดเจน นอกเหนือจากการที่ผู้นำเขตเศรษฐกิจจะมาร่วมปรับทัศนคติระหว่างกัน เพื่อสร้างเสถียรภาพในความร่วมมือทางการค้า ปรับตัวให้เข้ากับพลวัตของธุรกิจโลก ทั้งเรื่องของการผลักดันการใช้พลังงานสะอาด และประเทศไทยเองน่าจะได้รับข่าวดีในการลงทุนและรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ตามมา