"รณกาจ"ไทยสร้างไทย ห่วงจีดีพีไตรมาส 3 โตแค่ 1.5% หลังติดลบติดต่อ 2 ไตรมาส แนะรัฐบาลเร่งลงทุนการศึกษา-โครงสร้างพื้นฐาน ให้เกิดการจ้างงาน

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 นายรณกาจ ชินสำราญ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึง กรณีที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยผ่านผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2566 ขยายตัว 1.5% ต่ำกว่าคาดการณ์ไว้คือ 2.2% ซึ่งตามหลักแล้ว สภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค (Technical Recession) สามารถดูเร็วๆ ได้จาก GDP ติดลบติดต่อกันอย่างน้อย 2 ไตรมาส ทั้งนี้อาจไม่ได้สะท้อนวัฏจักรเศรษฐกิจโดยรวม แต่เป็นสัญญาบ่งชี้ว่า ต่อไปจากนี้ การทำงานด้านเศรษฐกิจจะยากขึ้นอีกมาก

นายรณกาจ ย้ำว่า ในปีหน้ายังมีภาวะเงินเฟ้อที่แท้จริงรออยู่ โดยกระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2566 อยู่ที่ไม่เกิน 1.7% แต่ในความเป็นจริง เงินเฟ้อในประเทศยังไม่ได้สะท้อนถึงค่าพลังงานที่แท้จริง อย่างค่าน้ำมันและค่าไฟฟ้า ที่ปัจจุบัน รัฐบาลกดค่าต้นทุนเหล่านี้ลงอยู่ จนทำให้เป็นตัวเลขหลอก ไม่ได้สะท้อนถึงเงินเฟ้อที่แท้จริง ซึ่งเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่มากที่รออยู่ ซึ่งเป็นห่วงว่าจากพายุหมุนทางเศรษฐกิจ จะกลายเป็นพายุไฟท่วมเศรษฐกิจในปีหน้าถ้าดูแลเรื่องเหล่านี้ไม่ดี

คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ยังชี้ว่า หากในปีหน้าที่รัฐบาลยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมถึงแนวโน้มต้นทุนพลังงานโลกยังผันผวน มีโอกาสทำให้ค่าน้ำมันดีเซล เบนซิน รวมถึงค่าไฟฟ้าจะพุ่งสูงขึ้น และกระทบอย่างรุนแรงต่อต้นทุนการผลิตในประเทศและค่าครองชีพของคนไทย เมื่อประกอบกับตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่สูงทะลุปรอทถึง 90% ต่อ GDP และส่วนมากเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และอาจเป็นหนี้เสีย ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจไทยเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งน่าเป็นห่วงอย่างมาก

ไทยสร้างไทยขอเสนอให้รัฐบาลโฟกัสที่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา และลงทุนให้เกิดการสร้างงาน เพื่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบอย่างแท้จริง ซึ่งเรื่องเหล่านี้ จะทำให้ประเทศมีความสามารถในการดูแลตัวเองและเพิ่มการแข่งขันในโลกได้ดีขึ้น มากกว่าการสร้างนโยบายประชานิยม หรือสร้างคะแนนให้กับตัวเอง

- 006