"อนุกมธ.ศึกษาแก้ปัญหาผู้ลี้ภัยฯ"ห่วงสถานการณ์ใน"เมียนมา" ลามยกระดับเทียบ"สงครามกัมพูชา" แนะกางแผนถอดบทเรียนในอดีต เตรียมรับมือคลื่นมนุษย์นับล้านอพยพเข้าไทย เตรียมเชิญ"กต.-มท."แจง-ลงพื้นที่ช่วงม.ค.67
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ที่รัฐสภา นายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยและผู้หนีภัยการสู้รบตามแนวชายแดนไทย - เมียนมา ใน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ได้ประชุมนัดแรกเพื่อกำหนดกรอบการทำงาน โดยหยิบยกข้อห่วงใยต่อสถานการณ์ในเมียนมาขึ้นหารือ
ด้าน พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะที่ปรึกษาอนุ กมธ.กล่าวว่า เชื่อว่า เหตุการณ์ในเมียนมาจะใหญ่เทียบเคียงเหตุสงครามที่เคยเกิดขึ้นในประเทศกัมพูชา แต่ระยะเวลาอาจจะสั้นกว่า และเห็นว่าไทยน่าจะมีแผนรองรับไว้แล้ว อนุ กมธ.ควรประสานเชิญกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย มาชี้แจงถึงแนวทางการดำเนินการหากมีการอพยพเข้ามาในไทย โดยนำแผนเก่าที่เคยใช้ตอนสถานการณ์กัมพูชามาวางเป็นตุ๊กตา เพื่อดำเนินการตามนั้น
ขณะที่ นายมานพ ประธานอนุ กมธ.กล่าวว่า ตนเป็นห่วงว่าหากเกิดสถานการณ์ในเมียนมาจริง จะเกิดคลื่นมนุษย์นับล้านคนอพยพเข้ามาในประเทศไทย จึงเห็นด้วยที่จะมีการเตรียมความพร้อม ว่าจะบริหารจัดการอย่างไร และต้องเตรียมพร้อมทั้งนโยบาย และการประสานต่างประเทศ ซึ่งการถอดบทเรียนที่มีผู้ลี้ภัยจากสงครามเวียดนามเมื่อ 30 ปีก่อน เพื่อให้เห็นว่าหากเกิดขึ้นจะทำอย่างไร จึงต้องกระตุ้นฝ่ายบริหาร โดยอนุ กมธ.จะเชิญนักวิชาการ และตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานด้านความมั่นคง มาชี้แจงเรื่องแผนการดำเนินการ และจะลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ช่วงกลางเดือน ม.ค.67 ด้วย
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี