"โรม"ไม่รอช้า!!! ขยี้ซ้ำ"เศรษฐา"เอามีดจี้คอตัวเอง โพล่งผุด"ตั๋วเพื่อไทย"กลางวงส.ส. วิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง"ผู้กำกับ" ชัดผิด 3 กระทงใหญ่ เล็งรวบรวมข้อมูลฟันเอาผิด
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวในที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) วานนี้ (21 พ.ย.) ถึงการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ที่จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างตำรวจ และนายอำเภอ วันที่ 28 พ.ย.นี้ ตอนหนึ่งระบุถึง "ผู้กำกับใหม่ คงจะมีผู้ผิดหวัง มากกว่าผู้สมหวังในห้องนี้ ที่ขอตำแหน่งไป เพราะรู้สึกว่าเยอะเหลือเกิน แต่ก็มีไม่น้อยที่ได้สมหวัง" ว่า ตนขอให้คำว่าตั๋ว ที่ยังชัดเจนว่าวันนี้ยังมีอยู่ ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง โดยปกติแล้ว ระบบตั๋วมักไม่มีหลักฐานที่เป็นใบเสร็จเพื่อที่จะนำไปยืนยันชัดเจน เพราะใช้วิธีโทรฝากกัน โชคดีหน่อยก็อาจมีการอัดเสียง แต่คนที่เป็นระดับนายกฯ พูดประโยคแบบนี้ท่ามกลางที่ประชุม ส.ส.แล้วมันทำให้เข้าใจเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่า มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยมาขอนายกฯ ตนขอเดาว่าคงพูดว่าฝากคนนี้ในพื้นที่นี้ได้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้ผิดกฎหมายแน่นอน มันสะท้อนถึงระบบอุปถัมภ์ เส้นสาย ระบบตั๋วที่ไม่เคยหมดไป ภายใต้รัฐบาลชุดนี้ ทั้งๆ ที่นายเศรษฐา ตอนหาเสียงก็บอกว่าไม่ยอมรับระบบเส้นสายพวกนี้ จะจัดการปัญหา แต่สุดท้ายวันนี้พูดออกมาได้อย่างหน้าชื่นตาบาน ว่ามีผู้กำกับอาจผิดหวัง ไม่สมหวัง บางคนอาจสมหวัง ซึ่งฟังได้ว่า มี ส.ส.ฝากมา สิ่งเหล่านี้เลวร้าย ทำลายน้ำใจของตำรวจชั้นผู้น้อย ที่ต่อให้ทำผลงานดีแค่ไหนถ้าไม่มีเส้นสายสุดท้ายก็ไม่สามารถเติบโตได้
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ในแง่ของกฎหมาย มันมีความสุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมายคือ 1.รัฐธรรมนูญ มาตรา 185 เกี่ยวกับการแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ 2.ตาม พ.ร.บ.ตำรวจฯ นายกฯ มีอำนาจเฉพาะเสนอชื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อพิจารณาในที่ประชุม ก.ตร.เท่านั้น ไม่ได้มีอำนาจลึกลงไปถึงการแต่งตั้งตำรวจในระดับผู้กำกับ และ 3.อาจยังเข้าข่ายผิดจริยธรรมนักการเมืองอีกด้วย ส่วนที่นายกฯ อ้างว่าเกี่ยวกับปัญหายาเสพติดในพื้นที่ เต็มที่ก็อาจหารือกับ ผบ.ตร.เกี่ยวกับนโยบายยาเสพติด หรืออาจฟังเสียงสะท้อนจาก ส.ส.แต่การไปลงรายละเอียดเรื่องตัวบุคคล มันชัดเจนว่า สุดท้ายแล้วมันคือ "ตั๋วเพื่อไทย" ปัญหาความร้ายแรงนี้ไม่ใช่แค่การส่งสัญญาณการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจเพียงอย่างเดียว แต่พลเรือนอื่นๆ จะต้องมีระบบตั๋วหรือไม่ วันนี้ประเทศไทยอยู่ที่เดิม ระบบอุปถัมภ์แบบเดิมไม่ไปไหน ตนกังวลว่ามันจะไปไกลถึงขนาดซื้อขายตำแหน่งกัน
"จากการฟังคำพูดของนายกฯ ฟังเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ดังนั้น คำสัญญาที่นายตำรวจพูดกับผมตอนที่ไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งยืนยันว่าไม่มีตั๋ว แต่สิ่งที่นายกฯ พูดนั้นชัดเจน ไม่ต้องบิดเป็นคำพูดอื่น เพราะชัดเจนว่านายเศรษฐา เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายจริง บางคนอาจถามว่า มีหลักฐานเพื่อเอาผิดนายกฯ ผมขอบอกว่า การฝากแต่งตั้งนายตำรวจไม่สามารถหาเอกสารทางราชการได้ เพราะใช้การสนทนาทางโทรศัพท์ต่อสายเพื่อฝากได้ ดังนั้น คำพูดของนายกฯ ที่ผมเชื่อว่าเป็นการแฉตัวเอง หรือการหลุด ชัดเจนว่าจะฟังได้ว่าการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจมีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้นในขณะนี้" นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่า มองหรือไม่ว่าการพูดของนายกฯ ไม่ได้มีเจตนา แต่เป็นการพูดดักทางไว้ก่อน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนไม่มองเช่นนั้น เพราะท่าทีของนายกฯ ไม่ต้องการห้ามปราม และจากที่ตนฟังคำพูดของนายกฯ หลายรอบ ว่ามีการขอมาเยอะ ชัดเจนอย่างยิ่งว่าคือการขอมาโดย ส.ส.เพื่อไทย เพราะพูดต่อที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณว่าต้องมีตั๋วเพื่อไทย หรือไม่ เพื่อได้เป็นตำรวจในระดับที่สูงขึ้น ได้ตำแหน่งการงานที่ดีขึ้น
"ผมฟังคำชี้แจงของนายกฯ ที่อธิบายในวันที่ 22 พ.ย.แล้ว แต่ไม่ได้ตอบตรงประเด็น และผมฟังแล้วเหมือนกับเป็นนายกฯ คนละคน เพราะหักล้างในสิ่งที่พูดไว้เมื่อ 21 พ.ย.ทั้งนี้ ความจริงของนายกฯ ชัดเจนว่ามีเรื่องตั๋วจริง และนายกฯ เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อีกทั้งผมมองว่าสิ่งที่นายกฯ พูดนั้น ทำลายศรัทธาของระบบราชการ และไม่คิดว่าจะเป็นการพูดที่ปกติหรือเป็นธรรมชาติ" นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะมีการตรวจสอบเพื่อยื่นเอาผิดทางกฎหมายใดหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบในเชิงข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงประกอบด้วย เบื้องต้นพบว่าคำพูดของนายกฯ นั้นเข้าข่ายผิดจริยธรรม , พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ และรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 ซึ่งขณะนี้พยายามรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยมีผู้เชี่ยวชาญทุกส่วนช่วยตรวจสอบ และพยายามให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำข้อมูลความจริง เพื่อนำไปสู่การตรวจสอบต่อไป ทั้งนี้ ตนมองว่าเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับนายกฯ คนเดียว เพราะนายกฯ พูดเองว่าขอเยอะ ดังนั้น ตามกระบวนการเชื่อว่ามี ส.ส.เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดี กรณีดังกล่าวยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะนำไปสู่ประเด็นที่จะนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่
เมื่อถามถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย จะร่วมเข้าไปตรวจสอบด้วยหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องหารือในที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ อีกครั้งในวันที่ 23 พ.ย.นี้ เพราะการตรวจสอบใดๆ จะต้องเป็นเรื่องที่ กมธ.พิจารณาร่วมกัน
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี