เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 ที่รัฐสภา นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน จะออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อแจกในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต คนละ 1 หมื่นบาท ว่า การกู้เงินมาทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะทำได้หรือไม่ ผิดรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง รวมถึง พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ และกฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ยังไม่ทราบ เพราะต้องรอผู้ชี้ขาดคือศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลคดีอาญา
สำหรับตนมีข้อเสนอแนะนายเศรษฐา ว่า ถ้าต้องการหาเงิน 5 แสนล้านบาท มาทำโครงการนี้ ยังมีเงินอยู่ 2 ก้อน คือ 1.ให้นายกฯ และรมว.คลัง ตรวจสอบหรือสอบถามไปยัง ป.ป.ช.และ ปปง.รวมถึงคณะกรรมการธุรกรรมของ ปปง.ว่ามีคดีทุจริตและการใช้อำนาจหน้าที่มิชอบใดบ้างที่ศาลได้ตัดสินคดีถือเป็นที่สิ้นสุดแล้วในรอบ 20 ปี ว่ามีทั้งหมดกี่คดี ซึ่งความผิดดังกล่าวเข้ามูลฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ปปง.ปี 2542 มาตรา 3 (5) ที่ระบุว่า "ความผิดมูลฐานคือ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น"
นายชาญชัย กล่าวต่อว่า ตนเคยศึกษาและทำคดีตัวอย่างให้รัฐบาลอายัดยึดทรัพย์ในคดีโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จ.สมุทรปราการ ที่มีมูลค่า 9,058 ล้านบาท ว่า เข้าข่ายความผิดฐานทุจริตในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ และมี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็น รมว.ยุติธรรม ขณะนั้น ที่คุมหน่วยงาน ปปง.โดยคณะอนุกรรมาธิการการปฏิรูปกฎหมายเพื่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่มี พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป เป็นประธาน ได้ศึกษาคดีที่ศาลฎีกาตัดสินแล้วว่า มีความผิด ก่อให้เกิดความเสียหายแต่ กลับไม่มีการบังคับคดีตามกฎหมายให้เกิดการอายัดยึดทรัพย์ตามมูลฐานความผิด ม.3 (5) ของ พ.ร.บ.ปปง.จึงนำคดีนี้เข้าสู่กฎหมาย ปปง.ตามมูลฐานความผิดการฟอกเงินโดยคณะกรรมการธุรกรรมของ ปปง.ส่งเรื่องฟ้องศาล ต่อมาศาลฏีกา (แพ่ง) ได้มีคำพิพากษาให้อายัดยึดทรัพย์ผู้ทำความผิด แม้ว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงิน 9,058 ล้านบาท ให้ก็ตาม
"โดยคำพิพากษาของศาลฎีกา (แพ่ง) (คำพิพากษาย่อ) เมื่อวันที่ 10 ส.ค.2564 หน้าที่ 12 ระบุชัดว่า "แสดงว่าคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ไม่ได้วินิจฉัยในเนื้อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่เกี่ยวข้องกับเอกชนที่เกี่ยวกับคดีนี้ว่า ได้กระทำความผิดมูลฐานที่จะริบเงินได้ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน" ศาลฎีกา (แพ่ง) จึงมีคำพิพากษาให้อายัดยึดทรัพย์ในคดีดังกล่าว และถือเป็นบรรทัดฐานที่จะใช้การยึดอายัดทรัพย์ตามมูลฐานความผิด ม.3 (5) ที่ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต หรือการทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่นๆ" นายชาญชัย กล่าวและว่า ถ้านำคดีการทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอาญาและกฎหมายอื่นๆ ในรอบ 20 ปี นับแต่ปี 2540 ตั้งแต่มีกฎหมาย ป.ป.ช.บังคับใช้ มีเงินทุจริตจากมูลฐานความผิดสามารถอายัดยึดทรัพย์เข้ารัฐได้ มีจำนวนมากกว่า 1 ล้านล้านบาท หากรวมทุกคดี ถ้านายกฯ อยากได้เงินมาทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ตามที่ได้หาเสียงเป็นสัญญาประชาคม โดยไม่ต้องกู้เงิน ก็ให้นายกฯ และรมว.คลัง บังคับใช้กฎหมายป้องกันการฟอกเงินสั่งอายัดยึดทรัพย์ โดยเฉพาะคดีทุจริตที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว หรือที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดแล้ว รวมทั้งมูลฐานความผิดอื่นตามกฎหมาย ปปง.ตนจะรวบรวมตัวเลขการทุจริตของคดีต่างๆ ส่งให้นานกฯ และรมว.คลัง ไปดำเนินการสั่งอายัดและยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งเป็นเงินภาษีแผ่นดินให้กลับคืนมาใช้ทำประโยชน์ต่อประเทศชาติได้
"ผมเคยให้สัมภาษณ์สื่อไว้ว่า มีการทุจริตที่เคยตรวจสอบในรอบ 10 กว่าปีที่ผ่านมาว่า คดีทุจริตต่างๆ สร้างความเสียหายให้ประเทศชาติมีมูลค่าเสียหายมากกว่า 4.5 แสนล้านบาท จึงอยากให้นายกฯ ไปเอาเงินที่โจรปล้นเงินแผ่นดินมาตลอด 20 ปี ให้นายกฯ ไปตามเอาเงินส่วนนี้ ท่านจะไม่ถูกครหาว่าเข้ามาทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนี้เพื่ออะไร อีกทั้งการแก้ปัญหาความยากจนของประชาชน ต้นเหตุมาจากการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง ทั้งข้าราชการระดับสูงและนักการเมืองทุกระดับเป็นผู้กระทำทั้งสิ้น" นายชาญชัย กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี