สัญจร‘สระแก้ว’
นายกฯเคลียร์ชายแดน
เร่งเปิดรับนักท่องเที่ยว
“นายกฯเศรษฐา” ลงสัญจรประเดิมที่สระแก้ว กินข้าวกลางวันร่วมตระกูล “เทียนทอง” ระรื่น พร้อมผลักดันให้นักท่องเที่ยวมาเยือนมากขึ้น ขณะที่ “บิ๊กป้อม” ลุยทอดกฐินนครพนม แฟนคลับต้อนรับแน่น
จากกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง จัดกำหนดภารกิจแน่นตลอดเกือบ 2 สัปดาห์จากนี้ไปเพื่อลงพื้นที่ตรวจราชการในจังหวัดภาคเหนือ ภาคอีสาน และ ภาคใต้ โดยจะเดินสายยาวถึง 9 ธันวาคม โดยวันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการลงพื้นที่ จ.สระแก้ว เป็นจังหวัดแรกเพื่อติดตามงาน และตรวจเยี่ยมงาน 3 จุดที่ อ.อรัญประเทศ
‘เศรษฐา’สัญจรสระแก้ว
เวลา 11.20 น.ที่บ้านวัฒนานคร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลังพร้อมคณะประกอบด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม และนพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเดินทางลงพื้นตรวจราชการจังหวัดสระแก้ว
โดยนายเศรษฐาได้ใช้รถตู้โฟล์คสีดำ ทะเบียน ฮอ 7743 กทม. ในการลงพื้นที่ซึ่งก่อนตรวจราชการ นายกฯได้แวะรับประทานอาหารกลางวัน และ รับฟังบรรยายสรุป ที่บ้านวัฒนานครซึ่งบ้านพักของ นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว เขต 3 ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย
โดยมีนางขวัญเรือน เทียนทอง สส.สระแก้ว เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ นางอุไรวรรณ เทียนทอง อดีต รมว.แรงงาน ภรรยานายเสนาะ เทียนทอง แกนนำพรรคเพื่อไทยรอให้การตอนรับ โดยนางขวัญเรือนและนางอุไรวรรณ ได้นั่งขนาบข้างนายเศรษฐาในการรับประทานอาหารเที่ยง ภายหลังรับประทานอาหารและฟังบรรยายสรุปเสร็จ นายกฯถ่ายภาพร่วมกันกับ สส.ในพื้นที่เป็นที่ระลึก
ผลักดันให้นทท.อยู่นานขึ้น
จากนั้น เวลา 12.00 น.นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ จ.สระแก้วว่า การลงพื้นที่เมืองรองอย่างจ.สระแก้ว วันนี้ก็มี ส.ส.บอกว่า มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะ เราก็อยากสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวมาและอยู่นานขึ้น โดยต้องทำงานควบคู่ในหลายมิติ
เมื่อถามถึงกรณีที่มีสส.ต่างพรรคมารอต้อนรับด้วย นายเศรษฐา กล่าวว่า เราไม่ได้ดูตรงนี้ ทุกท่านเป็นตัวแทนประชาชน ไม่ว่าพรรคไหนเมื่อมีข้อมูลมาเรายินดีพูดคุยเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน และเราต้องการให้ จ.สระแก้วมีการพัฒนาในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเกษตร การท่องเที่ยว การเชื่อมต่อเขตแดนกับกัมพูชา
ลุ้นจีนเที่ยวไทยวันละหมื่น
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลังให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวหลังจากที่รัฐบาลมีมาตรการวีซ่าฟรีหลายประเทศเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยในเวลานี้ว่าเมื่อ 3-4 วันที่ผ่านมา คนจีนเข้ามาเที่ยวไทยเยอะขึ้น เฉลี่ยวันละหมื่นกว่าคน แต่ถือว่ายังต้องทำการบ้านกันต่อและบริหารจัดการเรื่องอะไรที่ไม่ถูกต้องต่อไป
เมื่อถามว่าตอนนี้มีข้อกังวลในมาตรการวีซ่าฟรีถ้าเปิดให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาเยอะอาจมีปัญหาเรื่อง ความไม่ปลอดภัย หรือกลุ่มสีเทาแฝงเข้ามาด้วย นายกฯกล่าวว่าตรงนี้เป็นคำถามที่ดีซึ่งตนเองได้ให้ไปเช็คดูคนที่ทำผิดกฎหมายจริงๆแล้วเข้ามาก่อนวีซ่าฟรีแต่จะเข้ามาก่อน หรือหลัง เราให้ความสนใจตรงนี้
“หากทำผิดกฎหมายเราก็ต้องจัดการและเมื่อวานนี้(24พ.ย.)ตนได้เรียกผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติซึ่งควบคุมดูแลเรื่องการท่องเที่ยวและสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้มาด้วย รวมถึง รัฐมนตรีและผู้ว่าการการท่องเที่ยวโดยมีการประชุมกันอย่างบูรณาการ”นายกฯย้ำ
จัดการเฟคนิวทำลายท่องเที่ยว
เมื่อถามถึงกรณีที่มี Fake New กระทบด้านการท่องเที่ยว นายเศรษฐากล่าวว่า เราได้มีการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร แล้วให้ไปหาต้นตอนในเรื่องดังกล่าว หากเป็นเฟคนิวที่ไม่ถูกต้อง จ้องทำลายความเจริญของประเทศ ตนคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ อันนี้เป็นธรรมดาที่ต้องบริหารจัดการไป
ส่วนเรื่องข่าวปลอมถือเป็นปัจจัยหลักหรือไม่ที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนมาไม่เป็นไปตามเป้า นายกฯกล่าวว่า เป็นหนึ่งในหลายปัจจัย ขณะที่รัฐบาลจีน ก็ได้กระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ หลายๆเรื่อง เป็นเรื่องเศรษฐกิจด้วย การที่มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ตนเคยเรียนแล้วว่าค่าใช้จ่ายที่จะเดินทางมาสูงขึ้นจำนวนเงินที่จะมาใช้จ่ายในประเทศไทยน้อยลงไม่ใช่เฉพาะนักท่องเที่ยวอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของการจับจ่ายใช้สอยต่อคนด้วยที่เราอยากให้มีการจับจ่ายใช้สอยเยอะขึ้น ตรงนี้ก็เป็นประเด็นอยากให้อยู่ในระยะที่ยาวขึ้น ไม่ใช่ให้อยู่แค่เมืองหลักอย่างกรุงเทพฯ – ภูเก็ตเชียงใหม่อย่างเดียวแต่อยากให้เที่ยวเมืองรองด้วย
เร่งสร้างสะพานไทย-กัมพูชา
ต่อมา เวลา 12.45 น.นายกฯและคณะ ลงพื้นที่สะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท) เพื่อติดตามความความคืบหน้าพื้นที่ก่อสร้างอาคาร CIQ ของกรมศุลกากร อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
โดยนายกฯกล่าวถึงการก่อสร้างสะพานข้ามแดน ที่ล่าช้าว่า จากการรายงานของเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรทราบว่า ผู้รับเหมารายเดิมเกิดการผิดสัญญาทำให้ต้องหาผู้รับเหมารายใหม่ จึงได้สั่งให้กรมศุลกากรเร่งรัดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน เนื่องจากสะพานฝั่งกัมพูชาจัดทำแล้วเสร็จ แต่ฝั่งไทยยังไม่มีความคืบหน้า และกำชับให้ฟ้องร้องผู้รับเหมารายเก่าที่ทำผิดสัญญา พร้อมกำชับให้นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เร่งรัดการจัดสร้างสะพานและอาคารจุดผ่านแดนให้แล้วเสร็จพร้อมกันทั้งสองอย่าง เพื่อให้เกิดการใช้งานประสิทธิภาพ
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้รายงานถึงปัญหาการเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางที่มีสัญญาระหว่างประเทศเพื่อนำมาใช้ในการบำรุงรักษาสะพานผ่านแดนที่ทางกัมพูชาไม่เรียกเก็บ แต่ทางไทยจะมีการเรียกนั้นนายกฯกล่าวว่า ตนเกรงว่าจะเกิดปัญหาในอนาคตจึงจะมอบให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคมไปพิจารณาและดูรายละเอียดเรื่องดังกล่าว
แนะ‘วันสต็อป เซอร์วิส”
เวลา 13.25 น. นายกฯและคณะ เดินทางมา ที่ศูนย์ราชการสะดวก บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้วได้รับฟังบรรยายสรุปความคืบหน้าการปฏิบัติงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่โดยนายกฯกล่าวว่านโยบายหลักของรัฐบาลต้องการส่งเสริมการค้าขายระหว่างประเทศ อยากให้ จ.สระแก้ว เป็นศูนย์วันสต็อปเซอร์วิส เพื่ออำนวยความสะดวกทั้งการขนส่ง การค้า แต่ยังขาดอุปกรณ์ซอฟต์ต์แวร์ และอื่นๆ ในการดำเนินงาน โดยการขนส่งและการค้าขายที่นี้ปีละกว่า 100,000 ล้านบาท มีปริมาณสูงมาก ดังนั้น ไม่ใช่แค่การอำนวยความสะดวกเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ถนน แต่เรื่องซอฟต์แวร์ และวันสต็อปเซอร์วิส เป็นเรื่องสำคัญ
ส่วนข้อเสนอของพื้นที่ให้ตั้งกงสุลไทยที่เมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา และการทำพาสปอร์ต ที่บริเวณจุดผ่านแดนนี้ ให้ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ ว่า มีแนวคิดเรื่องนี้อย่างไรสามารถทำได้หรือไม่ อะไรที่ทำได้ ให้ทำก่อนเพราะประชาชนเข้าออกบริเวณนี้ปีละกว่า 10ล้านคน น่าจะมีศูนย์กลางการทำพาสปอร์ตที่นี่ได้ เพื่ออำนวยความสะดวก
เอาใจพี่น้องชาวสระแก้ว
จากนั้นนายเศรษฐา นายสุริยะและน.ส.พิมพ์ภัทราได้เดินเท้าไปบริเวณสะพานมิตรภาพ เพื่อพบกับ นายอุม เรียแตร็ย ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ถ่ายภาพร่วมกัน และได้พูดคุยหารือกันอย่างเป็นกันเอง โดยนายกฯกล่าวว่าถือเป็นความร่วมมือของสองประเทศในความร่วมมือกัน เพราะทั้งสองประเทศถือเป็นที่รักกันดี ดังนั้น เรื่องการค้าขายเป็นเรื่องสำคัญ การประชุมที่ฝ่ายไทยเองได้พยายามที่จะพัฒนาทั้งชายแดนกัมพูชาและไทย ยกระดับเรื่องการค้าขายให้ดีขึ้นอยากจะฝากผู้ว่าราชการจังหวัดเรื่องของการเข้า-ออก และต่างๆ นานาที่เกี่ยวกับศุลกากร การตรวจคนเข้าเมืองก็ขอให้ช่วยกันทำให้ดีขึ้น เพื่อความสะดวกในการค้าขาย
ขณะที่นายอุม กล่าวว่าได้มีการประชุมกับนายฮุนมเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาและมอบนโยบายอย่างหนึ่งมาคือต่อไปให้เร่งดำเนินการ ชาวไทยที่อยู่ใน จ.สระแก้วให้ถือบอร์ดดิ้งพาสไปถึงจังหวัดเสียมเรียบ
‘บิ๊กป้อม’ทอดกฐินนครพนม
เวลา 10.00 น.ที่วัดโฆสมังคลาราม บ้านโคกสว่าง ต.โคกสว่าง อ.ปลาปาก จ.นครพนม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เป็นประธานในพิธีทอดกฐินสามัคคีเพื่อสมทบทุนจัดหาสิ่งของพัฒนาวัด และปรับปรุงพระมหาธาตุเจดีย์ โฆสปัญโญศรีพนม โดยมีน.ส.ตรีนุช เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว อดีต รมว.ศึกษาธิการ,นายวิรัช รัตนเศรษฐ ,พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา,พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ,นางรัชนี พลซื่อ ส.ส.ร้อยเอ็ด, น.ส.กาญจนา จังหวะ ส.ส.ชัยภูมิ พร้อมคณะพลังศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่าทั้งข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน และหัวหน้าส่วนราชการตลอดจนผู้นำชุมชน ท้องถิ่นร่วมทำบุญทอดถวายกฐินสามัคคีประจำปีเป็นจำนวนมากกว่าปีที่ผ่านมา
ชาวบ้านปลื้มต้อนรับอบอุ่น
ภายหลังเสร็จพิธีทอดกฐิน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานเปิดศาลาอเนกประสงค์ บริเวณหน้าพระมหาธาตุเจดีย์โฆสปัญโญศรีพนม พร้อม ทั้งถวายผ้าห่มพระประธานและสักการะพระประธานในพระมหาธาตุเจดีย์ฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล โดย พล.อ.ประวิตรได้เดินทักทายประชาชนที่มาร่วมทำบุญในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ ท่ามกลางบรรยากาศให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเองและอบอุ่น
ในปีนี้นับเป็นปีที่ 9 ที่ได้ทำบุญทอดถวายกฐินมาต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2558 ทั้งนี้พล.อ.ประวิตรได้มีความศรัทธาต่อองค์หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบสายวิปัสสนากรรมฐานและเคยมาปฏิบัติธรรม ณ วัดแห่งนี้ด้วย ในสมัยที่พล.อ.ประวิตรเดินทางมาปฏิบัติราชการเมื่อหลายปีก่อน
แบชื่อ150มหาอุตม์รับเลือกหน.ใหม่
เวลา 10.00น.ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มอบคณะกรรมการสรรหาองค์ประชุมสำรองในการประชุมใหญ่วิสามัญ พรรคประชาธิปัตย์ ครั้งที่3/66 โดยมีนายชนินทร์ รุ่งแสง ประธานฯ นางสาวผ่องศรี ธาราภูมิ นางขนิษฐา นิภาเกษม กรรมการฯ และ นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ ประธานคณะกรรมการจัดการประชุมใหญ่วิสามัญฯ ร่วมสังเกตการณ์ ขั้นตอนการจับฉลาก พร้อมประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเป็นองค์ประชุมสำรองครั้งนี้ด้วย
สืบเนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์มีความประสงค์ให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมในกิจกรรมของพรรค จึงได้ประกาศรับสมัครองค์ประชุมสำรองเพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกพรรคทุกภาคทั่วประเทศ ได้มีส่วนร่วม เข้าเป็นองค์ประชุมสำรอง ในการนี้มีสมาชิกพรรคสนใจสมัครเพื่อเข้าร่วมเป็นองค์ประชุมสำรอง ทั้งผ่านระบบออนไลน์ และ เดินทางเข้ามาสมัครที่สำนักงานใหญ่เป็นจำนวนมาก โดยคณะกรรมการฯ ได้ตรวจสอบคุณสมบัติครบถ้วนแล้ว จึงมีการจับฉลาก จากทุกภาค ภาคละ 30 คน เพื่อคัดเลือกให้เหลือเท่ากับจำนวน 150 คน ตามมติที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคสำหรับ รายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกสามารถตรวจสอบได้ที่เพจDemocrat Party Thailand พรรคประชาธิปัตย์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี