ล้มเหลวแก้เศรษฐกิจ-ปากท้อง
รมถล่ม‘เศรษฐา’
‘ครป.’เปิดเวทียำครบ3เดือนรบ.
‘จุรินทร์’ยํ้าขอตรวจสอบในสภา
‘หญิงหน่อย’ชี้ปี67การเมืองเปลี่ยน
อาสานำ‘ทสท.’ป้องประโยชน์ชาติ
ครป.เปิดเวที ประเมิน 3 เดือน รัฐบาลบริหารล้มเหลวแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจขาดประสิทธิภาพ/รมต.ไร้วิสัยทัศน์ เตือนถ้าแก้ไขไม่ได้ อาจทำให้ชะตานายกฯเศรษฐาอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกิน 6 เดือน ด้านสุดารัตน์ ฉายภาพชัดๆ นายกฯจะต้องเผชิญ 2 ความท้าทาย ทั้ง “ด่านหินทางกฎหมาย-ผลสำเร็จนโยบายที่หาเสียง”จับตาปี’67 อาจมีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน “จุรินทร์” ลั่นเปิดประชุมสภาสมัยหน้า เตรียมลุยตรวจสอบเรื่องสำคัญ
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2566 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ถ.ราชดำเนินร่วมแถลงโดย นายบุญแทน ตันสุเทพวีรวงศ์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ ภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย และประธานกรรมการบริหารสถาบันปรีดี พนมยงค์ รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) แถลงข่าว ครบรอบ 3 เดือนรัฐบาลเศรษฐา ภาคประชาชนขอตรวจการบ้าน ประเมินผลงานรัฐบาล 3 เดือน!
ครป.ซัด3เดือนรบ.บริหารล้มเหลว
โดยระบุว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีบริหารราชการแผ่นดินมาครบ 3 เดือนในวันนี้ ครป.ได้ติดตามการทำงานของรัฐบาลมาโดยตลอด3เดือน เพื่อให้โอกาสรัฐบาลใหม่ได้ทำงาน ด้วยความหวังว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและวิกฤตการเมืองที่สั่งสมมาในอดีตได้ แต่ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา หลังจากได้ตรวจการบ้านและประเมินผลงานรัฐบาลพบว่า ยังไม่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองมากนัก เนื่องจากระบบการทำงานยังขาดประสิทธิภาพ รัฐมนตรีบางส่วนยังขาดวิสัยทัศน์และภาวะผู้นำในการแก้ปัญหา โดยสรุปเบื้องต้น 10 ประการ
ยังไม่สามารถแก้ไขวิกฤตศก.
ทั้งนี้ เห็นว่าการที่รัฐบาลนายกฯเศรษฐารับปากประชาชนอาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโดยประกาศเป็นวาระเร่งด่วนเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น โดยมีนโยบายแจกเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท แก้ปัญหาหนี้สินทั้งในภาคเกษตร ภาคธุรกิจและภาคประชาชน การลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว งานแสดงสินค้าและงานเทศกาลระดับโลก และแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นและปราบปรามการเอาเปรียบนักท่องเที่ยว แต่ตลอด3เดือนที่ผ่านมานั้น รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจและทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้ตามที่รับปากกับประชาชนมากนัก
เย้ยแจกเงินส่อแววทำไม่ได้แล้ว
แม้ว่าจะลดค่ารถไฟฟ้า20 บาทตลอดสาย ประเดิม 2 เส้นทาง ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2566 ลดราคาน้ำมันดีเซลลง 2 บาท/ลิตรถึงสิ้นปี และลดค่าไฟฟ้าลงเหลือ3.99 บาทต่อหน่วยเป็นเวลา 4 เดือน แต่ปัญหาทางโครงสร้างยังไม่ถูกแก้ไข และรัฐบาลถูกครหาว่าอยู่ภายใต้การกำกับของกลุ่มทุนผูกขาดและกลุ่มการเมืองเก่า
“การแจกเงิน ก็ดูแนวโน้มทำไม่ได้แล้ว อีกทั้ง ภาวะหนี้ครัวเรือนสูงกว่าปกติ ค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้น ในทุกกลุ่มอาชีพ การทุจริตในระบบราชการ ความขัดแย้งทางการเมืองในรัฐบาลเอง อีกทั้ง รัฐบาลละเลยในเรื่องความมั่นคงของประเทศฯลฯ”
แก้ได้‘เศรษฐา’อาจพังใน6เดือน
นอกจากนี้ ยังได้เตือนอีกว่า หากรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ไม่สามารถแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองได้ตามที่รับปากกับประชาชนและดำเนินการแก้ไขตามรายงานการส่งการบ้านประเมินผลงานรัฐบาลในรอบ 3 เดือนนี้อย่างจริงจัง อาจจะทำให้นายกรัฐมนตรีไม่สามารถได้รับความไว้วางใจจากประชาชนต่อไปเพื่อแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศซึ่งอาจทำให้ชะตาของนายกรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกิน6 เดือน
‘ทสท.’จัดทัพรับการเมืองปี67
ที่สุบรรณฮอลล์ เขตดอนเมือง พรรคไทยสร้างไทย(ทสท.) จัดอบรมสัมมนา หัวข้อก้าวต่อไปของพรรคไทยสร้างไทย “We’re Violet เวิร์คช็อประดมสมองชาวไทยสร้างไทย” ซึ่งมีคณะผู้บริหารพรรค นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผู้นำพรรคไทยสร้างไทย นายอุดมเดช รัตนเสถียร นายประวัฒน์ อุตตะโมช น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรค นายชวลิต วิชยสุทธิ์ กรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย สส.พรรคไทยสร้างไทย อดีตผู้สมัครสส.พรรคไทยสร้างไทยและทีมไทยสร้างไทย ร่วมประชุมอย่างคึกคัก
สำหรับการประชุมในวันนี้ พรรคไทยสร้างไทยนัดพบปะพูดคุยเพื่อเตรียมการทำงานและเตรียมความพร้อมทางการเมือง ในปี2567 พร้อมระดมสมองเตรียมรับมือการเปลี่ยนแปลงเดินหน้าสู่อนาคต รวมถึงยังจัดการเวิร์คช็อปสร้างความรู้ความเข้าใจ โดยเฉพาะการเมืองในปัจจุบันจะต้องเน้นสร้างความรู้สึกด้านอุดมการณ์ให้มากขึ้น ทั้งเรื่องความไม่เท่าเทียม การเข้าถึงโอกาสการ ลดความเหลื่อมล้ำ และความซื่อสัตย์ต่ออุดมการณ์ทางการเมืองที่ได้ประกาศไว้กับประชาชน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ เป็นแนวโน้มทางการเมืองของยุคสมัย ที่จะได้รับความไว้วางใจและคะแนนเสียงจากประชาชนมากที่สุด
‘หญิงหน่อย’ชี้นายกฯเจอ2ด่านหิน
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า การเมืองไทยปี 2567 อาจมีการเปลี่ยนแปลง ในฐานะฝ่ายค้านจะต้องทำงานอย่างเต็มที่ และจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะรัฐบาลอาจมีการปรับเปลี่ยนภายใน หรือเกิดความไม่แน่นอนในการดำรงตำแหน่งทางการเมืองของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องเผชิญความท้าทาย จากการเดินหน้าผลักดันนโยบาย ที่ได้หาเสียงไว้ต่อประชาชน ทั้งในมิติทางกฎหมาย ที่นโยบายเรือธง อย่าง เงินดิจิทัล10,000 บาท อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับวินัยการเงินการคลัง หรือ หากผ่านด่านทางกฎหมายได้ ก็ยังมีด่านของความสำเร็จที่พี่น้องประชาชนและทุกภาคส่วน คอยจับจ้องอยู่ว่า จะสามารถแก้ไขปัญหาของประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้ตามเป้าหมายหรือไม่
ปี67ดันนโยบาย แซ่บ พาวเวอร์’
ด้านนายอุดมเดช กล่าวว่า การเลือกตั้ง ในอนาคต จะเลือกด้วยอุดมการณ์มากขึ้นซึ่งเป็นไปตามจริตของการเมืองไทยยุคใหม่ ดังนั้นพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์และมีบทบาทในเรื่องดังกล่าวชัดเจน จะได้รับการตอบรับจากประชาชน รวมถึงการสร้างความน่าเชื่อถือของตัวเองให้กับประชาชน เพื่อให้พี่น้องประชาชนลงคะแนนให้
สำหรับการทำงานในปี 2567ของพรรค จะขับเคลื่อนใน 4 ด้านสำคัญ ประกอบด้วย เรื่องการผลักดัน นโยบาย “แซ่บ พาวเวอร์” ด้านการช่วยเหลือคนตัวเล็ก ด้านการติดตามตรวจสอบงบประมาณ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งพรรคไทยสร้างไทย มีจุดยืนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่สำคัญคือ การแก้ไขต้องมาจากสสร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน 100% โดยไม่แก้ไขหมวด 1 และหมวด 2
เติมเครดิทให้ประชาชน
ต่อมาในหัวข้อ “ปรับ เปลี่ยน สร้างอนาคตประเทศไทย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงอุดมการณ์ของพรรคว่า ขอให้สส. อดีตผู้สมัคร สส. สมาชิกของพรรคทุกคน ยืนหยัดทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ร่วมกันรักษาประชาธิปไตย และรักษาสถาบันหลักของบ้านเมือง ประกอบด้วย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยพรรคไทยสร้างไทย เป็นพรรคการเมืองแรกที่ ได้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย เข้าสู่สภาเรียบร้อยแล้ว มีหลักการที่สำคัญคือการคืนอำนาจในการเขียน รัฐธรรมนูญ ให้กับประชาชนโดยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. 100% และระบุให้คนทำรัฐประหารต้องได้รับโทษสูงสุด เพราะรัฐธรรมนูญต้องมาจากปลายปากกาประชาชนไม่ใช่ปลายกระบอกปืนของเผด็จการ รวมทั้งไม่แก้หมวดที่ 1 และ 2
เพราะอาจเป็นช่องทางที่นำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองอีกครั้งได้
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า ตนได้เน้นย้ำกับสมาชิกพรรค ว่าสมาชิกพรรคไทยสร้างไทยทุกคน จะต้องทำงานด้วยความซื่อสัตย์ต่อประชาชน รักษาอุดมการประชาธิปไตย ไม่ทรยศหักหลังประชาชน และรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน โดยให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นลำดับที่หนึ่ง ผลประโยชน์ของพรรคเป็นที่ 2 และผลประโยชน์ของตนเองเป็นลำดับสุดท้าย ขอให้ให้กำลังใจสมาชิกทุกคนทำงานให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ เพื่อให้พรรคไทยสร้างไทยเป็นอนาคตและความหวังของคนไทย และอีกพันธกิจหลักของพรรคไทยสร้างไทย คือการ“ทำสงครามกับความยากจน” และ“ลดความเหลื่อมล้ำ”ให้ประชาชน เช่นการผลักดัน“กองทุนเครดิตประชาชน” สำหรับผู้มีรายได้น้อย ที่เข้าไม่ถึงแหล่งทุน ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุน ได้อย่างเท่าเทียมทั่วถึง
อย่ามุ่งแต่แจกเงินอย่างเดียว
“รัฐบาลไม่ควรจะตั้งหน้าแจกแต่เงินดิจิตอลวอลเล็ต แต่สิ่งที่ถูกคือต้องแจกเครดิตให้ประชาชนเอาไว้ตั้งตัว เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้คนตัวเล็ก คนค้าขาย นักศึกษาจบใหม่ หรือเกษตรกร ที่จะมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน ดอกเบี้ยต่ำ เงื่อนไขผ่อนปรน โดยการแจกเครดิตให้ประชาชนไปใช้ตั้งตัว สามารถกู้ได้ตั้ง10,000บาท ภายในระยะเวลา 6 เดือนหากรักษาเครดิตได้ดี จะสามารถกู้ได้เพิ่มเป็น 50,000บาท หรือ 100,000บาท เพื่อนำไปใช้ทำทุน สร้างเนื้อสร้างตัว สร้างงานสร้างรายได้ ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสามารถแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบได้อย่างยั่งยืน ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดใจหยิบนโยบาย”กองทุนเครดิตประชาชน”ของพรรคไทยสร้างไทยไปใช้ เพราะได้คิดไว้แล้วอย่างครบวงจร เพื่อให้โอกาสประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้เข้าถึงแหล่งทุน มีโอกาสได้ตั้งตัวสร้างรายได้ จึงจะเป็นการแก้ไขปัญหาความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำ ได้อย่างยั่งยืน” หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าว
‘จุรินทร์’ยำ‘รบ.เศรษฐา’ซ้ำ
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส. บัญชีรายชื่ออดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์กรณีการเตรียมปรับขึ้นราคาค่าไฟฟ้าเป็น 4.68บาทต่อหน่วยของคณะกรรมการกำกับพลังงาน(กกพ).จนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯถึงกับร้องโอ๊ย ว่า ร้องโอ๊ยอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องทำให้ค่าไฟปรับลดลงมาตามที่เคยสัญญาไว้กับประชาชนให้ได้ด้วย เพราะหลังจากปรับลดลงมาเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วยแล้ว แนวโน้มก็ดูเหมือนจะปรับขึ้นไปเกิน 4 บาทอีกแล้วในปีหน้า ซึ่งจะมีผลกระทบทั้งในเรื่องค่าครองชีพของประชาชน ต้นทุนอุตสาหกรรมและต้นทุนการเกษตร ซึ่งรัฐบาลต้องเข้ามาดูแลเพราะถือว่าเป็นนโยบายสำคัญและสัญญาที่ประกาศตอนหาเสียงไว้ ที่สำคัญหัวใจคือการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน จะไม่ทำไม่ได้ แม้จนถึงวันนี้จะยังไม่มีรูปธรรมอะไรปรากฏให้เห็นก็ตาม
ลั่นเปิดสภามีเรื่องรอตรวจสอบอื้อ
นายจุรินทร์ยังกล่าวถึงในการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสมัยประชุมหน้าที่จะมาถึงช่วงกลางเดือนธันวาคมว่า โดยจะมีวาระสำคัญหลายวาระ ในการตรวจสอบรัฐบาล เช่น1.พระราชบัญญัติกู้เงิน 500,000ล้านบาท ของรัฐบาลหากเข้าสภามาได้ 2.พระราชบัญญัติงบประมาณ ปี 67 3.เรื่องการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญหากรัฐบาลเสนอเข้ามาจริงและ 4.ในเรื่องของการอภิปรายตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งจะเป็นในรูปของการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติหรือเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น จะต้องมีการหารือกันในระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านต่อไป ทั้งนี้ ขึ้นกับพฤติกรรมการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลเองเป็นสำคัญ และต้องถือว่ารัฐบาลนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่รัฐบาลที่มีเรื่องให้ต้องตรวจสอบ ติดตามมากมายภายในเวลาไม่นานที่เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน
‘พีระพันธุ์’ค่าไฟไม่แพงตามมติ กกพ.
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและรมว.พลังงานโพสต์เฟซบุ๊กว่า”ขอให้มั่นใจค่าไฟจะไม่สูงอย่างที่เป็นข่าวครับ ผมเข้าใจถึงความกังวลใจของพี่น้องประชาชนที่ถามกันมามากเรื่องราคาค่าไฟฟ้าภายหลังจากสิ้นสุดระยะเวลามาตรการลดค่าไฟฟ้าในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ว่าราคาอาจกระโดดสูงขึ้นถึงหน่วยละ 4.68 บาท หรือ17%จากราคาปัจจุบันหน่วยละ 3.99 บาทตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)ได้เปิดให้มีการสอบถามและมีมติไป ผมเองก็รับไม่ได้ ถ้าราคาค่าไฟจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดอย่างนั้นเพราะถึง กกพ.จะมีมติแบบนั้น แต่เราก็ต้องบริหารจัดการเอาราคาค่าไฟลงมาให้ได้ ซึ่งผมได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆเร่งประสานทุกจุดล่วงหน้าด้วยวิธีการใหม่ๆหลายรูปแบบแล้ว เพื่อไม่ให้ประชาชนไม่แบกรับค่าไฟฟ้าที่มากเกินไป จะพยายามทำให้ใกล้เคียงกับที่จ่ายอยู่ในปัจจุบันให้มากที่สุด
ให้ความมั่นใจค่าไฟ-เร่งทำเร็วสุด
ผมขอให้ความมั่นใจว่ากระทรวงพลังงานยุคนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจและทำงานล่วงหน้ามาระยะหนึ่งแล้ว เพื่อให้ราคาค่าไฟอยู่ในระดับที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก ซึ่งต้องใช้หลายกลไกพร้อมๆกันภายใต้โครงสร้างในปัจจุบันที่ไม่ได้ให้อำนาจกับฝ่ายนโยบายมากนัก แต่จะพยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ การที่ กกพ.ประกาศให้ประชาชนเห็นชอบแนวทางในการปรับอัตราค่าไฟฟ้าก่อนหน้านี้ เป็นเงื่อนไขตามกฎหมายที่จะต้องมีการประกาศเพื่อให้ประชาชนแสดงความคิดก่อนที่จะมีมติ แต่ทั้งนี้ไม่ได้เป็นที่สุด จะต้องมีการบริหารจัดการเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดต่อไป ทั้งหมดนี้จะเตรียมการให้เสร็จสิ้นและประกาศโดยเร็วที่สุด
“วันชัย”ทำนายปี67เศรษฐาโล่ง
นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ว่า “ดวงดาวปีหน้ากับรัฐบาลเศรษฐา” ใครจะมองหรือวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อย่างไรก็ช่าง แต่ตนมองและวิเคราะห์ด้วยดวงดาวตามหลักโหราพยากรณ์ ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.266 ดาวเกตุจะเข้ามาทับดวงเมือง และวันที่ 20 ม.ค.2567 ดาวศุกร์จะย้ายเข้าสู่ราศีธนู ทั้งดาวพุธและดาวอังคารเข้ามาอยู่ในตำแหน่งศุภะของดวงเมือง อาจมีการกล่าวหาโจมตีใส่ร้ายป้ายสี และมีความขัดแย้งกันอยู่บ้าง แต่รัฐบาลยังจะประคองตัวไปได้ ไม่มีปัญหาใดที่จะทำให้เพลี่ยงพล้ำ และเมื่อถึงวันที่ 27 ก.พ.2567 รัฐบาลของนายเศรษฐาจะยืนปักหลักได้อย่างมั่นคงลงตัว ส่วนฝ่ายตรงข้ามไม่มีกำลังใดเพียงพอที่จะต่อกร ดาวอริก็อ่อนแรง ไม่สามารถจะทะลุทะลวงกับรัฐบาลได้ ต้องยอมรับว่ารัฐบาลเศรษฐาเขามากับดวงจริงๆ ทั้งดวงดาวที่ยิ่งใหญ่และเป็นดาวสำคัญๆ มาชุมนุมเกื้อหนุนกันโดยมิได้นัดหมาย
“ดาวอาทิตย์ ดาวพุธ ดาวพฤหัส ดาวศุกร์ และดาวมฤตยู มาชุมนุมกันที่ราศีพฤษภ ซึ่งเป็นเรือนกดุมภะของดวงเมือง เป็นปฐมบทให้บ้านเมืองเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ จะมีมือที่มองไม่เห็นประดุจว่าเทพอุ้มสม ทำให้เศรษฐกิจสังคมและการเมืองเดินไปได้ด้วยดี อุปสรรคขวากหนามต่าง ๆ จะถูกพังทลายไปด้วย”นายวันชัย ระบุ
นายวันชัย ระบุอีกว่า อิทธิพลแห่งดวงดาวเหล่านั้น วันที่ 26 พ.ค.2567 เป็นต้นไป อาจมีการกระชับอำนาจของพรรคเพื่อไทย ทั้งการควบรวมของพันธมิตรทางการเมืองให้เข้มแข็งมีพลังแรงยิ่งกว่าเดิม และในระหว่างนั้น สว.ชุดเก่าหมดวาระ อำนาจโหวตนายกฯ ก็เป็นของสส.เพียว ๆ ตามดวงดาวบ่งชี้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยจะปรับครม. ปรับคน ปรับพรรคการเมืองให้เข้าที่เข้าทาง ศูนย์รวมอำนาจจะอยู่กับเพื่อไทยเต็ม ๆ
นายวันชัย ระบุอีกว่า การชุมนุมการประท้วง การปฏิวัติรัฐประหารหรือเหตุแห่งความรุนแรงทางการเมือง ไม่ปรากฏให้เห็น แม้จะมีก็เป็นเรื่องของกลุ่มอาชีพผู้เดือดร้อน ไม่ใช่การชุมนุมทางการเมือง สรุปได้ว่าปี 2567 รัฐบาลเศรษฐาโล่งโปร่งสบายไปได้ด้วยดี ส่วนปีท้ายๆ ของรัฐบาลก็มีดวงดาวบางอย่างที่ลึกลับซับซ้อนจะมาแทนนายกหรือไม่ค่อยว่ากันอีกที แต่ปีนี้ไปไหว้หลวงพ่อสัมฤทธิ์ประสิทธิโชค วัดไก่เตี้ย เอาเป็นพลังตั้งหลักไว้ก่อนดีกว่า
‘หนองบัวลำภู’คึกคักรับครม.สัญจร1
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พร้อมคณะมีกำหนดเดินทางตรวจราชการและการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจรครั้งที่ 1/2566 ในพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู ระหว่างวันที่3-4 ธ.ค.66นี้ โดยบรรยากาศทั่วไปในจ.หนองบัวลำภูมีความคึกคักอย่างมาก มีการขึ้นป้ายต้อนรับและการตกแต่งหน้าร้าน ตามแนวเส้นทางและสถานที่ ครม.สัญจรจะเดินทางผ่าน ดูแล้วมีสีสัน แสดงความพร้อมเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ปลุกชีพจังหวัดเล็กๆมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนโดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ขาย ต่างยิ้มได้เพราะเชื่อว่าครม.สัญจรครั้งนี้ การจับจ่ายใช้สอยจะคึกคักมากขึ้นและกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ในส่วนของทางจังหวัดหนองบัวลำภูได้จัดเตรียม เสื้อครม.และผ้าพันคอ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นอัตลักษณ์ของเมืองหนองบัวลำภู เอาไว้ต้อนรับนายกรัฐมนตรีและคณะด้วย
‘ไชยา’ปลื้มโมเดลจว./“Soft power”
โดยนายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์กล่าวว่ากำหนดการ ครม.สัญจรครั้งที่1ในวันที่ 3-4 ธ.ค. 2566 จัดทำเป็นรูปโมเดล 3 ก.แก้จน แก้ปัญหายาเสพติด แก้ปัญหาสารเคมีทางเกษตร ลงพื้นที่ตรวจติดตามประเด็นการแก้ไขปัญหายาเสพติด กลไกการบำบัดฟื้นฟูโดยชุมชนเป็นฐาน ตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด“หนองบัวลำภู โมเดล”จากนั้นจะไปชมแปลงผักเกษตรผสมผสาน เยี่ยมชมตลาดชุมชน ยลวิถีชาวบ้าน รับฟังแนวทางการขับเคลื่อนเพื่อลดการใช้สารเคมีในพื้นที่ แนวทางการแก้จนภาคการเกษตร การขับเคลื่อนเกษตรแปลงใหญ่ young smart famer, และรับฟังแนวทางการยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพกลุ่มแปรรูปปลาบ้านห้วยบง ตรา ๑ เดียว,ชมการจักสานจากคล้าของผู้สูงอายุ,
ส่วนไฮไลต์ คือ กิจกรรมทางด้านกีฬาที่ท่านนายกฯชื่นชอบจะมีการแข่งขันฟุตบอลกับทีมเยาวชนฮีโร่สุวรรณคูหา รวมไปถึง การผลักดันผ้าไหม ผ้าขิดสลับหมี่ ลายบัวลุ่มภู ผ้าฝ้ายแกมไหมทอมือลายอัตลักษณ์ประจำจังหวัดซึ่งเป็น “Soft power”ตามนโยบายรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน
‘อนุสรณ์’สวนกลับ‘ศิริกัญญา’
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.)กล่าวถึงกรณีน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลระบุงบฯปี’67 กระทรวงมหาดไทยได้มากสุด ยอดพุ่งแซงกระทรวงศึกษาธิการว่าการตั้งข้อสังเกตวิพากษ์วิจารณ์การจัดทำงบประมาณถือเป็นสิทธิ แต่ไม่ควรสร้างความสับสนหรือทำให้เกิดความเข้าใจผิด สารัตถะ สำคัญของการจัดทำงบประมาณ ไม่ได้อยู่ที่ว่างบประมาณกระทรวงใด แซงกระทรวงใด จะได้รับจัดสรรงบประมาณมากหรือน้อย หากมีกระบวนการจัดทำออกแบบงบประมาณที่เข้มแข็ง มีการกระจายเม็ดเงินที่ให้น้ำหนักตามภารกิจเป้าหมายประเทศแต่ละด้านได้อย่างเหมาะสม ทำให้เกิดความเชื่อมั่นได้ว่างบประมาณเหล่านั้นจะถูกใช้ด้วยความคุ้มค่าอย่างแท้จริง ประเทศชาติและประชาชนก็จะได้รับประโยชน์ การจัดทำงบประมาณปี 67มีการจัดทำเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างหลายส่วนด้วยกัน
ไม่ต้องรีบวิจารณ์-สร้างความสับสน
“ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย มีการจัดความสัมพันธ์ท้องถิ่น-ส่วนกลางใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาการถ่ายโอนอำนาจ ที่ผ่านมามีการถ่ายโอนภารกิจ ถ่ายโอนบุคลากร แต่ไม่ยอมถ่ายโอนงบประมาณ รวมถึงการถ่ายโอน รพ.สต.หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ที่เป็นการกระจายอำนาจด้านสาธารณสุขครั้งใหญ่ ก็ต้องพิจารณาในส่วนของงบประมาณให้สอดรับกัน ทราบว่าคุณศิริกัญญาเป็นฝ่ายค้าน แต่ต้องไม่รีบร้อนลนลานค้านไปหมดทุกเรื่อง ตอนจะตั้งรัฐบาลบอกว่า 10 เดือนรอได้ รัฐบาลเพิ่งทำงาน 2 เดือนกว่า จะรีบไปไหน ลองไปศึกษารายละเอียดงบประมาณ 67 ให้ครบถ้วนแล้วค่อยวิจารณ์ก็ไม่สาย” นายอนุสรณ์ ย้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี