เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2566 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวในรายการ “แนวหน้าTalk” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ซึ่งมี นายปรเมษฐ์ ภู่โต เป็นพิธีกร ในประเด็นการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 9 ธ.ค. 2566 กับความคาดหวังในการกอบกู้พรรคจากที่กำลังอยู่ในสภาพตกต่ำอย่างมาก ว่า หัวหน้าพรรคมีส่วนสำคัญ

อย่างกรณีของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคคนล่าสุด ตนพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าบุคลิกของนายจุรินทร์ไม่ใช่บุคลิกของหัวหน้าพรรค และไม่ใช่บุคลิกของคนภาคใต้ เพราะคนใต้เวลาพูดอะไรไม่ต้องพูดหวานพูดหล่อ แต่พูดตรงไปตรงมา อย่างตนจะมีคะแนนหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ลองให้ตนไปแข่งกับนายจุรินทร์ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ก็ได้ ลองโหวตกันดู ตนบอกเลยว่ากล้าสู้ คือพูดสั้นๆ พูดง่ายๆ ชัดๆ ไม่ต้องหล่อ ตรงไปตรงมา อุดมคติเราเป็นอย่างไรเราพูดเลย ชอบหรือไม่ชอบไม่รู้แต่ตนเดินแบบนี้ นำพรรคแบบนี้

“ที่ผมเน้นปักษ์ใต้เพราะว่าประชาธิปัตย์มีฐานอยู่ที่ภาคใต้ แล้วผมก็เคยพูดมาตลอดว่าถ้าปักษ์ใต้ไม่ฟื้น คุณอย่าอาจหาญไปฟื้นประชาธิปัตย์เลย คุณไม่ต้องไปบอกว่าคุณจะฟื้นประชาธิปัตย์ในอีสาน ในเหนือ ในกลาง ในกรุงเทพฯ คุณเลิกพูดเลย ถามว่าคุณจะฟื้นประชาธิปัตย์ในปักษ์ได้อย่างไร ถ้าคุณฟื้นประชาธิปัตย์ในปักษ์ได้ไม่ได้ ไม่มีทางที่ประชาธิปัตย์จะฟื้น” นายนิพิฏฐ์ กล่าว

นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อไปว่า ในช่วงท้ายๆ ของการอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ตนได้ยินจากคนใต้ด้วยกัน บอกว่า นายจุรินทร์ จะเป็นหัวหน้าพรรคต่อไปไม่ได้ โดยเวลานั้น นายจุรินทร์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งก็ให้ดำรงตำแหน่งไป แต่สำหรับคนที่จะเป็นหัวหน้าพรรคซึ่งต้องทำภารกิจฟื้นฟูพรรคอาจต้องใช้บุคคลอื่น เพราะนายจุรินทร์นำพรรคไม่ได้แล้ว หลังจากพูดคุยกันก็มีคนจำนวนไม่น้อยเห็นด้วยกับตน

ซึ่งการจะทำแบบนี้ได้ก็ต้องให้กรรมการบริหารพรรคลาออก และตนก็เป็นคนเดินสายล่ารายชื่อ ใช้เวลา 2 เดือน ขาดเพียงเสียงเดียว แต่อีกฝ่ายเขาก็รู้ว่าเสียงฝ่ายตนไม่ครบ ดังนั้น ตนก็ทำอะไรต่อไม่ได้ ความรู้สึกของตนเวลานั้นก็เหมือนกับเป็นกบฎ คือสู้แล้วไม่ชนะก็ต้องออกตามมารยาท ก็ให้ฝ่ายนั้นบริหารต่อไปส่วนตนก็ลาออกมา ส่วนคำถามที่ว่าในอนาคตมีสิทธิ์จะกลับไปพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ สำหรับตนยังไม่ถึงขั้นปิดประตู เพราะตนก็ยังรักพรรคประชาธิปัตย์อยู่ ก็พยายามเอาใจช่วยให้พรรคและคนในพรรคประชาธิปัตย์ฟันฝ่าอุปสรรคไปได้

“เพียงแต่ ส.ส.ในยุคนี้ผมรู้จักน้อย ผมรู้จักบางคน แล้วก็ไม่รู้ว่าความคิดของเรากับของเขามันยังไปกันได้ไหม แต่ถ้ามีอะไรที่แนะนำได้ผมก็ยินดีที่จะแนะนำ และผมก็ยินดีที่จะช่วยให้พรรคประชาธิปัตย์ได้กลับฟื้นขึ้นมา” นายนิพิฏฐ์ กล่าว

- 006