สื่อทำเนียบฯตั้งฉายารบ.ปี’66  แกงส้ม‘ผลักรวม’  นายกฯ‘เซลส์แมนสแตนด์ชิน’

สื่อทำเนียบฯตั้งฉายารบ.ปี’66 แกงส้ม‘ผลักรวม’ นายกฯ‘เซลส์แมนสแตนด์ชิน’

วันพุธ ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2566, 06.00 น.

สื่อทำเนียบฯตั้งฉายารบ.ปี’66

แกงส้ม‘ผลักรวม’

นายกฯ‘เซลส์แมนสแตนด์ชิน’

‘ทวี’ได้ฉายา‘ทวี สอดไส้’

‘สุทิน’ยิ้มรับ‘พลิกทินสู่ดาว’

‘ชาดา’ปลื้ม‘มาเฟีย ละเหี่ยใจ’

สื่อทำเนียบฯตั้งฉายารัฐบาลปี 2566 “แกงส้มผลักรวม” เศรษฐาได้ “เซลส์แมนสแตนด์..ชิน” เจ้าตัวเข้าใจชี้เป็นสีสัน ส่วนวาทะแห่งปี“ผมจะทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย”นอกจากนี้ ยังมีรมต.ที่สื่อตั้งฉายาให้ อย่าง “ทวี สอดส่อง”ไม่ติดใจฉายา “ทวี สอดไส้” สุทินยิ้มร่ารับ “พลิกทิน สู่ดาว” ด้านชาดาครวญเพลงน้าไข่ มาลีฮวนนา ไม่ถือสาฉายา“มาเฟียละเหี่ยใจ” ส่วนอ้วน-ภูมิธรรม:รองกอง

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลมีมติตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปีของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ที่ปฏิบัติเป็นประจำทุกปี เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติ นอกจากนี้ ยังมีการประกาศ วาทะแห่งปี ประจำปี 2566 ด้วย


ฉายารัฐบาลแกงส้มผลักรวม

สำหรับ ฉายารัฐบาล: แกงส้ม”ผลัก”รวม โดยคำว่า “แกง”คือ คำสแลงที่ใช้แทนความหมายว่า แกล้ง “ส้ม” คือ สีของพรรคก้าวไกล ส่วนคำว่า “ผลักรวม” ล้อมาจากคำว่า “ผักรวม” เมนูแกงส้มยอดนิยมประเภทหนึ่ง เมื่อรวมกันแล้ว นิยามความหมายทางการเมือง สะท้อนกระแสสังคม มองพรรคก้าวไกลถูกกลั่นแกล้ง MOU ถูกฉีก ถูกผลักออกจากการร่วมรัฐบาล ด้วยเงื่อนไขทางกฎหมาย และข้ออ้างทางการเมือง ส้มจึงหล่นใส่พรรคอันดับรอง กลืนน้ำลายจัดตั้งรัฐบาล “มีลุง” ก็ไม่เป็นไร โดยให้เหตุผลเพื่อความสมานฉันท์ ทำเอาแฟนคลับผู้รักประชาธิปไตยถึงกับหัวใจสลาย ก่อเกิดวาทกรรม “ตระบัดสัตย์” ดังนั้น แกงส้ม”ผลัก”รวม จึงใช้อธิบายปรากฏการณ์ทางการเมืองของการตั้งรัฐบาลที่ว่า “ชนะเลือกตั้ง แต่แพ้จัดตั้ง” ได้เป็นอย่างดี

เศรษฐา:เซลล์แมนสแตนด์“ชิน”

ส่วนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง : เซลล์แมนสแตนด์ “ชิน”นับแต่เศรษฐีที่ชื่อ“เศรษฐา” เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็เดินหน้าทำงานทันที โดยเฉพาะการหารายได้เข้าประเทศ ต้องยอมรับในความมุ่งมั่นตั้งใจ คิดเร็วทำไว เดินสายพกประเทศไทยใส่กระเป๋า ไปโรดโชว์จีบนักลงทุนทั่วโลก ประกาศตัวเป็นเซลล์แมนเต็มรูปแบบ แต่ทางการเมืองยังถูกมองว่า ไม่ใช่นายกฯ ตัวจริง เงาของคนในตระกูล“ชินวัตร” ยังปกคลุม เปรียบเสมือนตัวแสดงแทนหรือสแตนด์อิน เพราะเคยหลุดปากขณะออกงานพร้อมน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวสุดที่รักของนายใหญ่ หนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยเช่นกัน ว่า “นายกฯคนไหน มีนายกฯ 2 คน” อีกทั้ง หลายนโยบาย ก็ถูกวิจารณ์ว่า ต่อยอดมาจากนโยบายเดิม ของรัฐบาลนายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

“ภูมิธรรม”รองนายกฯ:รองกอง

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ : รองกอง รองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 คนที่นายกฯต้องเชื่อใจและปล่อยให้ดูแลทุกอย่าง เมื่อต้องออกไปเดินสายขายของในต่างประเทศต้องรับเละทุกงานในมิติการเมือง และถูกโยนให้รับผิดชอบเป็นเจ้าภาพหลักหลายเรื่อง ที่นายกฯหลายยุคหลายสมัยต้องนั่งหัวโต๊ะ กลับกลายเป็นการประชุมครั้งแรกของรัฐบาลนี้ รองนายกฯชื่อ “ภูมิธรรม” ต้องทำหน้าที่แทน นับตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาล การแก้รัฐธรรมนูญ ปัญหาประมง กลุ่มพีมูฟ สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ EEC หรือแม้แต่ช่วงวิกฤตนาทีชีวิตแรงงานไทยในอิสราเอล ประชุมนัดแรกก็ยังเป็น “ท่านรองฯภูมิธรรม” ไหนจะงานหลักในกระทรวง ปัญหาของแพง ราคาอ้อย น้ำตาล อีรุงตุงนัง กองสุมอยู่รอบตัว เหมือนลองกอง ผลดก พวงยาว กิ่งใหญ่

“สุทิน”รมว.กลาโหม:พลิกทินสู่ดาว

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม : พลิกทินสู่ดาว ได้ยินแทบไม่เชื่อหูใครเห็นเป็นต้องขยี้ตา เมื่อพลเมืองเต็มขั้นเคยรับเงินเดือนครู หลงใหลดนตรีหมอลำ ผันตัวเข้าแวดวงการเมือง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับกองทัพ นอกจากนามสกุล“คลังแสง” ขนาดเจ้าตัวยังไม่เคยนึกฝันว่าชีวิตนี้จะได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่ด้วยบุคลิกสุภาพ ใจเย็น มืออ่อนและลีลาร้องรำน่าเอ็นดู จึงเข้าได้กับทหารทุกกรมกอง พลิกชีวิตลูกอีสาน สู่ดาวเจิดจรัสเฉิดฉาย ท่ามกลางเหล่าทัพได้อย่างแนบเนียน

“ทวี”รับฉายา“ทวี สอดไส้”

พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม : ทวี สอดไส้ ยิ่งกว่านอนมา สำหรับตำแหน่งเจ้ากระทรวงยุติธรรม เต็งหนึ่งชื่อเดียว แบบไร้คู่แข่งมาตั้งแต่ต้น สะท้อนความไว้วางใจจากนายใหญ่แค่ไหนคงไม่ต้องพูดถึง แม้จะไม่โดดเด่นในการบริหารราชการช่วง 3 เดือนแรก แต่กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะประเด็นเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หลังเดินทางกลับมารับโทษ ถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลตำรวจ ทำให้ไม่ต้องนอนคุกแม้แต่คืนเดียว เผือกร้อนแค่ไหนคงไม่ต้องถาม มือพองแค่ไหนก็ต้องถือ กว่านายทักษิณจะออกจากคุก ต้องถูกจ้องถล่มอีกมากแค่ไหน คงไม่ต้องเดา

“ชาดา”กับฉายา “มาเฟียละเหี่ยใจ”

นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย : มาเฟียละเหี่ยใจ นักการเมืองชื่อดังแห่งจ.อุทัยธานี ประวัติโลดโผน ภาพจำพัวพันวงการนักเลง ถูกประทับตรามาเฟีย ผู้คนยกสถานะให้เป็นผู้ทรงอิทธิพล แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธมาตลอด พร้อมให้คำจำกัดความตัวเองไว้ว่า “ความดีพอสมควร ความชั่วพอประมาณ สันดานพอคบได้” หน้าที่การงานในตำแหน่งรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญ เป็นโต้โผปราบปราม “ผู้มีอิทธิพล” จนฮือฮากันทั้งประเทศ แต่ยังไม่ทันได้สร้างผลงาน “ลูกเขย”ก็สร้างเรื่องก่อน ถูกเจ้าหน้าที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.)จับกุม ข้อหาเรียกรับสินบนจากผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการระบบประปาหมู่บ้านแบบบาดาล 2 โครงการ งานนี้เก้าอี้รัฐมนตรีร้อนระอุเปิดแถลงข่าวภายใน 24 ชั่วโมง สั่ง“ลูกเขย”ยื่นใบลาออกทันที ไม่ต้องรอสอบสวน ลั่นเป็นลูกเขยชาดา สปิริตต้องมากกว่าคนอื่น

วาทะแห่งปี“ผมจะทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย”

สำหรับวาทะแห่งปี ‘ผมจะทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย’ มาจากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีประกาศเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม หลังพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีที่ทำการพรรคเพื่อไทย โดยขอทำหน้าที่นายกฯที่ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย เป็นรัฐบาลที่จะทุ่มเท ทำงานหนัก รับฟังเสียงประชาชน นำความสามัคคีกลับคืนสู่คนในชาติ แต่ทำงานยังไม่ถึง 4 เดือน กลับขอลาพักผ่อนกับครอบครัวเป็นเวลา 4 วัน จนชาวโซเชียลอดแซวไม่ได้

หากถามนักข่าวหลายคนที่คุ้นเคย และตามติดภารกิจนายเศรษฐา รู้ซึ้งเป็นอย่างดี ถึงคำว่า “ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย” แทบทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ตามนายกฯ 3 เดือนเหมือน 3 ปี ให้สัมภาษณ์ทุกที่ ที่มีโอกาส ถึงไม่เห็นหน้าก็มาทางโซเชียล ค่ำคืนไม่พักไม่ผ่อน โพสต์ประเด็นร้อนทันใจ “ภูเก็ตก็แค่ปากซอย”นักข่าวพิสูจน์แล้ว นายกฯทำได้จริง พร้อมสะท้อนปัญหาหลักของนายกฯ ที่มักบอกว่าเป็นคนพูดตรง คือ การสื่อสารหลายครั้งนำภัยมาสู่ตน

นายกฯเข้าใจสื่อตั้งฉายาสีสัน

ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสื่อทำเนียบฯตั้งฉายา เซลส์แมนสแตนด์ “ชิน”ให้ว่า เข้าใจ ทุกปีก็มีการตั้งฉายา เป็นเรื่องของสีสัน ฉายาของนายกฯที่ตั้งเป็นเซลส์แมนสแตนด์ “ชิน คำว่าเซลส์แมนตนทราบอยู่แล้ว เพราะประกาศตัวอยู่แล้ว ส่วนสแตนด์ “ชิน” เป็นคำควบกล้ำระหว่างภาษาไทยกับภาษาอังกฤษหรือไม่ สื่อต้องอธิบายให้ฟัง ตนจึงจะตอบได้ ตนก็เข้าใจหลวมๆ ขอให้ถามได้เลย ไม่เป็นไร จะได้ตอบได้ถูกต้อง

ผู้สื่อข่าวถามว่า คำว่าสแตนด์“ชิน” ในคำบรรยายหมายความว่าอาจเป็นเงาของน.ส.แพทองธาร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่รอขึ้นมาเป็นนายกฯ นายเศรษฐากล่าวว่า โอเค แต่วันนี้ตนเป็นนายกฯอยู่และทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และพยายามตั้งใจเอาให้ครบ 4 ปีให้ได้ แต่สำคัญมากกว่านั้นไม่ใช่อยู่ไปให้ครบ 4 ปีแล้ว ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนไม่ดีขึ้น ส่วนสแตนด์ “ชิน”คือ คอยสำหรับให้ครอบครัวไหนเข้ามา อันนี้พี่น้องประชาชนเป็นคนตัดสินมากกว่า ตรงนี้ต้องคอยการเลือกตั้งครั้งต่อไป ก็เข้าใจไม่ได้คิดอะไร

ฉายาแกงส้มผลักรวมชี้รบ.ครบเครื่อง

ถามว่ามองอย่างไรกับฉายารัฐบาลแกงส้ม “ผลัก” รวม นายกฯกล่าวว่า ตนไม่ค่อยเข้าใจคำว่าผลักสักเท่าไหร่ แต่หลักแกงส้มเป็นแกงที่มีรสชาติดี ตนก็รู้ว่าเรารวมกันหลายพรรคอยู่แล้ว และรสชาติแกงส้มก็มีทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด คิดว่ารัฐมนตรีทุกคนก็ครบเครื่อง พร้อมทำงานให้ประชาชน ตนมองเป็นลักษณะนั้นมากกว่า

เมื่อถามย้ำว่าคำว่า “แกง” หมายถึงการแกล้ง ที่เป็นพรรคก้าวไกลช่วงต้น นายเศรษฐากล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่พรรคเพื่อไทยเราก็โหวตให้ตอนนั้น แต่ไม่สามารถรวบรวมเสียงได้ และเราก็ไม่สามารถคอยได้ 9-10 เดือนตามที่เขาบอก ก็ต้องทำหน้าที่กันไป ประเทศคอยไม่ได้ ไม่ได้แกล้งแน่นอน ยืนยันตามที่ตนพูดมาตลอดตั้งแต่ก่อนรับตำแหน่งก็บอกอยู่แล้วว่า พร้อมสนับสนุนตรงนั้นหากทำได้

ย้ำยังไม่คิดปรับครม.314ทำงานได้ดีอยู่

ถามต่อว่านายกฯจะรักษาบรรยากาศพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อให้อยู่ครบ 4 ปีใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า อยู่ที่ผลงานมากกว่า และดูความตั้งใจของรัฐมนตรีทุกคน ไม่ได้มองแยกว่าเป็นรัฐมนตรีจากพรรคไหน ผู้สื่อข่าวถามว่า 314 เสียงแปลว่าจะไม่มีการปรับพรรคไหนมา หรือปรับออกใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน วันนี้เรามีความสุขอยู่แล้ว เชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคนจากทุกพรรคทำงานเต็มที่ ตนก็ตระหนักดี มีปัญหาตรงไหนต้องแก้ตรงไหนต้องปรับปรุงอย่างไร ซึ่งเป็นแรงกระตุ้นให้รัฐมนตรีทุกคนทุกพรรคช่วยกันทำงานอยู่แล้ว ตอนนี้ไม่ได้คิดจะเอาพรรคใหม่มาร่วมรัฐบาล เชื่อว่าวันนี้ 314 เสียงยังทำงานกันได้ดีอยู่ มีเรื่องหรือมีปัญหาก็คุยตรงไปตรงมา เอาผลงานเป็นที่ตั้ง

“วันนี้แฮปปี้ มีความสุขอยู่แล้ว 314 เสียงจาก 500 เสียงเพียงพอบริหารราชการแผ่นดิน รัฐมนตรีทำงานเต็มที่ก็ต้องปรับกันไป แม้ไม่เห็นด้วยกันหมดแต่ก็คุยกันอย่างผู้ใหญ่”นายกฯระบุและตอบคำถามผู้สื่อข่าวถามถึง 25 เสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ถ้าดึงมาเพิ่มจะทำให้ดีขึ้นว่า มองด้านตัวเลขก็อาจดีขึ้น แต่ในการเกลี่ยแบ่งกระทรวงใหม่ลำบากขึ้น ไม่มีอะไรดีหมด ขอให้ยึดคำที่ตนพูดไว้ วันนี้ 314 เสียงพอแล้ว แ

“ทวี”ไม่ติดใจฉายาให้ดูผลงาน

ด้านพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมกล่าวถึงฉายา “ทวี สอดไส้”ว่า เป็นมุมมองที่ต้องเคารพสื่อ ตนเป็นคนสาธารณะก็แล้วแต่มุมมอง และมองว่าไม่ได้เสียหาย ขอให้สังคมต้องดูเรื่องผลงานมากกว่า ฉายาสื่อเราต้องเคารพ และแต่ละครั้งที่สื่อตั้งอาจมาจากมุมมองและประสบการณ์ ยืนยันว่าตนไม่ได้ติดใจ

บิ๊กทินยิ้มรับ“พลิกทิน สู่ดาว”

เช่นเดียวกับ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์กรณีได้ฉายาว่า “พลิกทิน สู่ดาว”ว่า ตั้งอะไรให้ก็ดีทั้งนั้น เพราะเคารพในวิจารณญาณของสื่ออยู่แล้ว ขอบคุณสื่อตั้งอย่างไรก็รับ ส่วนการทำงานก็ต้องทำให้ไปสู่ดาวจริงๆ หวังว่าปีหน้าปีต่อไปจะไม่ใช่ดาวดับ ต้องทำงานให้เป็นดาวเด่น

ถามว่าชินกับการเป็นดาวแล้วหรือยัง นายสุทินกล่าวว่า เป็นดาวไม่แน่ใจนะ แต่เป็นรัฐมนตรีชินแล้ว ผมมั่นใจทำได้ แต่ตอนนี้ยังไม่หลงว่าเป็นดาว เอาเป็นว่าไม่เป็นรัฐมนตรีที่แย่กว่าคนก่อนๆ เอาแค่นั้นเอามาตรฐานไม่ตกจากคนก่อนๆ ถามต่อไปว่า จะสร้างภาพจำการเป็นรัฐมนตรีกลาโหมพลเรือนอย่างไร นายสุทินตอบว่า ตนคิดว่าตอนนี้ก็น่าจะจำแล้ว เท่าที่สัมผัสได้มีอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไประหว่างรัฐมนตรีที่เป็นพลเรือนกับรัฐมนตรีที่ไม่ได้เป็นพลเรือน บรรยากาศเปลี่ยน ถ้าเราทำให้ประชาธิปไตยเดินหน้าได้ ทำให้บรรยากาศมีการพัฒนาบ้านเมืองได้ ตนถือว่าเป็นความสำเร็จแล้ว

เสี่ยหนูดีใจสื่อไม่ได้ตั้งฉายาให้

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทยในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการตั้งฉายารัฐบาล “ แกงส้ม ผลักรวม”ว่า ยังไม่ไดดูเลย พร้อมกับถามฉายารัฐมนตรีออกหรือยัง และถามว่าตนได้รับฉายาอะไร เมื่อสื่อฯบอกว่าไม่ได้ตั้งให้ นายอนุทินทำท่าแปลกใจพร้อมพูดว่า “อุ๊ยจริงป่าว ดีใจ” จากนั้นยกมือไหว้สื่อ ก่อนหันหลังเข้าตึกเพื่อร่วมประชุม ครม.ทันที.

“ชาดา”ไม่ถือสาแค่หยอกล้อกัน

นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทยกล่าวถึงฉายาที่ได้รับ“มาเฟียละเหี่ยใจ” โดยนายชาดาได้ครวญเพลง “หัวใจละเหี่ย”ของไข่ มาลีฮวนน่า ท่อนที่ว่า “บางครั้งหัวใจละเหี่ย เหนื่อยท้อแท้นั่งเศร้าคนเดียว หนทางยาวไกลๆ”ก่อนกล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา ที่ทำกันทุกปี ทุกรัฐบาลก็ทำเป็นเรื่องการหยอกล้อกันธรรมดา ไม่ถือสาอะไร สนุกสนานดี แต่บังเอิญตนไม่ใช่น้าไข่ แต่เพลงนี้เพลงชอบ หัวใจละเหี่ย ก่อนจะร้องเพลงในท่อนดังกล่าวอีกครั้ง

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top