ผู้ตรวจการฯเร่งสอบเงินดิจิทัล
ขีดเส้น30วัน
จี้รบ.แจงข้อมูลภายในม.ค.67
หากขัดก.ม.ส่งศาลรธน.ชี้ขาด
‘ชัยธวัช’พร้อมคืนเก้าอี้หน.
หาก‘พิธา’รอดคดีถือหุ้นสื่อ
ผู้ตรวจการแผ่นดินเผยกำลังตรวจสอบนโยบายแจกเงินดิจิทัลให้ประชาชนคนละ 1 หมื่น โดยรอให้รบ.ส่งข้อเท็จจริง-ข้อคิดเห็นมาให้ภายใน 30 วัน ซึ่งจะครบกำหนดมกราคม 2567 ถ้าขั้นตอนดำเนินการขัดก.ม.จะส่งศาล รธน.วินิจฉัยด้าน “สุวัจน์”ชมรัฐบาลแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี แต่ปี 67 ต้องเร่งหาเงินเข้าประเทศ ส่วนดิจิทัลวอลเล็ตหาเสียงไว้ก็ต้องทำ ขณะที่นายกฯให้สัมภาษณ์สื่อนอก โปรแลนด์บริดจ์ ดึงนักลงทุนตปท.มาไทย มั่นใจกระตุ้นศก.จีดีพีโต
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินเปิดเผยความคืบหน้าการยื่นคำร้องให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน พิจารณาส่งเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีดำเนินการตามโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท และกรณีรัฐบาลตราพ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 140 ประกอบพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ. 2560 มาตรา 53 หรือไม่ว่า ผู้ตรวจการฯอยู่ระหว่างสอบถามความชัดเจนของรัฐบาลในการดำเนินนโยบาย และสอบถามความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวนโยบายดังกล่าวเพื่อนำมาประมวลเข้ากับข้อกฎหมายว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่อย่างไร หลังได้รับข้อมูลการชี้แจงของรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆเรียบร้อยแล้ว จะประชุมเพื่อหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวิเคราะห์และดูข้อกฎหมายว่านโยบายนี้เป็นอย่างไร
ให้เวลารบ.แจงเงินดิจิทัลภายใน30วัน
นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า ได้แจ้งขอรายละเอียดไปแล้วรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดนโยบาย การปฏิบัติตามนโยบาย อยู่ระหว่างรอรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆให้ข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น เพื่อนำมาประมวลและวิเคราะห์ร่วมกัน ซึ่งตามระเบียบปฏิบัติให้เวลาชี้แจงประมาณ 30 วัน ซึ่งจะครบ 30 วันประมาณเดือนมกราคม 2567 ถ้าข้อเท็จจริงครบถ้วน การพิจารณาดูข้อกฎหมายคงใช้เวลาไม่นาน ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและความเห็นของหน่วยงานที่กำกับดูแลเรื่องนี้ จะพยายามให้ได้ผลการพิจารณาออกมาโดยเร็ว เพราะเป็นเรื่องสำคัญ และมีผลกระทบต่อประชาชน
ถ้าพบขัดกม.รธน.ยื่นศาลรธน.วินิจฉัย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่าขัดกับกฎหมายจะดำเนินการอย่างไรต่อ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า มีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการ ถ้าไม่ขัดกับกฎหมายก็ต้องยุติเรื่อง ถ้าขัดกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญ ต้องส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
เมื่อถามว่า จำเป็นต้องเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงเพิ่มเติมหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าต้องการความคิดเห็นเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความรอบคอบ เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญก็อาจเชิญหน่วยงานมาพิจารณาและวิเคราะห์ข้อมูลและข้อกฎหมายร่วมกันได้
นายกฯโปรฯแลนด์บริดจ์กระตุ้นศก.
วันเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวนิเคอิย้ำถึงโครงการแลนด์บริดจ์ว่า เป็นโครงการการส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ สร้างการเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อ มีเครือข่ายท่อส่งน้ำมันและก๊าซ ครอบคลุมการสร้างท่าเรือน้ำลึก ที่จ.ระนอง และชุมพร ซึ่งท่าเรือทั้ง 2 แห่งเชื่อมต่อกับทางด่วน และทางรถไฟทางคู่ แต่ละท่าเรือมีขีดความสามารถรองรับตู้คอนเทนเนอร์มาตรฐานได้มากถึง 20 ล้านตู้ต่อปี เพิ่มโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคได้ระยะยาว และสอดคล้องกับนโยบายการทูตทางเศรษฐกิจเชิงรุกของรัฐบาล ที่อำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสินค้า และผู้คนที่เพิ่มขึ้น ระหว่างตะวันออก และตะวันตก, มหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย โดยจะเป็นเส้นทางการค้าทางทะเลที่มีศักยภาพ เพิ่มเติมจากช่องแคบมะละกา
นายเศรษฐากล่าวต่อว่า เมื่อสร้างเสร็จ จะช่วยลดระยะเวลาเดินทางระหว่างมหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิกประมาณ 4 วัน ช่วยลดต้นทุนการขนส่งลงได้ประมาณร้อยละ 15 พร้อมยืนยันว่า ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ต้องได้รับการพิจารณา และแก้ไข ผ่านกระบวนการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ทั้ง EIA และ EHIA อย่างรอบคอบก่อน
ก่อสร้างเฟสแรกกันยา68
ส่วนร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องนั้น ต้องควบคุมการจัดเตรียมการให้บริการ สิทธิประโยชน์ทางภาษี และสิทธิในที่ดินภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่วางแผนไว้ที่ท่าเรือใหม่ รวมถึงหลักเกณฑ์สำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ และสิ่งจูงใจด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง การพำนัก และใบอนุญาตทำงาน เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศได้ดียิ่งขึ้น โดยจะมีหน่วยงานหลักหน่วยงานเดียวที่รับผิดชอบโครงการโดยรวม เพื่อให้มั่นใจว่า การดำเนินงานจะบูรณาการร่วมกัน
นายกฯย้ำด้วยว่า แผนการก่อสร้างระยะแรก จะเริ่มเดือนกันยายน 2568 และดำเนินการจนถึงเดือนตุลาคม 2573 สามารถประมูลโครงการได้ระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน 2568 คาดว่า โครงการแลนด์บริดจ์ จะสร้างเม็ดเงินให้ประเทศไทย และเพิ่มอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ สร้างการจ้างงาน รวมถึงสร้างโอกาสการพัฒนาใหม่ๆ ในจังหวัดอื่นในภาคใต้ของประเทศด้วย
‘ชัยธวัช’โว’ก้าวไกล’ต้องแข่งกับตัวเอง
นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความนิยมของพรรคก้าวไกลได้ชนะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แต่ก็พลิกผันจนไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ มองการรักษาความนิยมในปีหน้าและต่อไปอย่างไรนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นความท้าทายที่สำคัญที่สุดของพรรคก้าวไกล ภายในพรรคมีการพูดคุยกันหลายครั้ง โดยสรุปพวกเราเห็นว่าในอนาคตข้างหน้า คู่แข่งหรือความท้าทายที่สำคัญสำหรับพรรคก้าวไกล ไม่ใช่พรรคการเมืองคู่แข่ง แต่เป็นตัวเราเอง หมายความว่า อนาคตความสำเร็จในทางการเมืองของพรรคก้าวไกล ขึ้นอยู่กับเราจะชนะตัวเองได้หรือไม่ เราจะทำงานให้เป็นพรรคการเมืองในแบบที่เราพูดได้หรือไม่ เราสามารถทำงานให้เป็นอย่างที่ประชาชนคาดหวังได้หรือไม่ เป็นคู่แข่งที่สำคัญที่สุด คือแข่งกับตัวเอง หากสามารถบรรลุได้ เชื่อว่าความสำเร็จทางการเมือง และการยอมรับจากประชาชนจะมีมากขึ้น
“ผมบอกลูกพรรคว่าอย่าเสียเวลาไปทะเลาะกับพรรคการเมืองคู่แข่ง ให้ทำงานให้หนัก แล้วสร้างผลงานตัวเอง พิสูจน์ตัวเองว่า พรรคก้าวไกล ส.ส.ของพรรคก้าวไกล ทีมงานของพรรคก้าวไกล มีความพร้อม มีความเหมาะสมบริหารประเทศจริงๆ นี่เป็นเป้าหมาย” นายชัยธวัชกล่าว
ไม่กัวงวลจะเกิดปัญหา’สส.งูเห่า’
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ หากเกิดแผ่นดินไหวทางการเมือง จะเกิดการดึงตัว ส.ส.ที่ส่วนมากเป็นหน้าใหม่ ย้ายไปซบพรรคอื่น นายชัยธวัชยืนยันว่า ไม่กังวล สำหรับงูเห่าได้พิสูจน์ไปแล้วว่างูเห่าทุกตัวจากพรรคก้าวไกล สอบตกหมด แต่สิ่งที่ให้ความสำคัญสำหรับ ส.ส.ใหม่และ ส.ส.สมัยที่สองคือการพัฒนาศักยภาพตัวเองให้มากกว่านี้ เพื่อให้พร้อมกับการทำงาน เพราะต้องยอมรับว่าในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงตั้งไข่ของหลายคน หลายคนอาจเพิ่งเรียนรู้ว่าการทำงาน ส.ส. เขตที่ดีควรเป็นอย่างไร ได้เจอโจทย์ของจริงการทำงานในกลไกต่างๆ ของสภาเป็นอย่างไร การทำงานในกรรมาธิการอย่างมีประสิทธิภาพให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมายังอยู่ในช่วงตั้งไข่ของ ส.ส.ใหม่หลายคน แต่สำหรับ ปีหน้าคงหมดเวลาฮันนีมูนแล้ว ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายรัฐบาล แต่ฝ่ายค้านก็หมดเวลาฮันนีมูนแล้วเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ทุกคนต้องพิสูจน์ผลงาน
เชื่อม.ค.67’พิธา’กลับมาเป็นสส.อีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันที่ 24 มกราคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยกรณีคุณสมบัติ ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แล้วหาก นายพิธา สามารถกลับมาทำหน้าที่ได้ต่อจะวางบทบาทไว้ตรงไหน นายชัยธวัชกล่าวว่า แน่นอนตามที่ตนได้เคยแถลงครั้งประชุมสมัยวิสามัญ พรรคก้าวไกล ที่มีการเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารพรรคและหัวหน้าพรรค ตนได้แถลงอย่างชัดเจนแล้วว่าเป็นการปรับคณะกรรมการบริหารพรรคชั่วคราวเท่านั้น เพื่อรอการประชุมใหญ่สามัญของพรรคจริงๆ ในเดือนเมษายน 2567 ดังนั้นหากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้กลับมาทำหน้าที่ ส.ส.อีกครั้ง ตนเชื่อว่าสมาชิกพรรคจะสนับสนุนให้นายพิธา มาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่อีกครั้ง
เมื่อถามว่ามีความสุขดีหรือไม่ ที่ต้องมาเป็นหัวหน้าพรรคเฉพาะกิจแทนนายพิธา นายชัยธวัชกล่าวว่า ตนมีความสุขกับการทำงานทุกวัน ทุกบทบาท เพราะสิ่งที่อยากเห็นสำหรับประเทศนี้ยังไปไม่ถึง ตนยังมีความหวัง ยังมีความฝัน มีเป้าหมายที่อยากจะทำ และคิดว่าสังคมแบบที่เราอยากเห็นไม่ได้ใช้เวลาเพียงช่วงข้ามคืน แต่ต้องสะสมการเปลี่ยนแปลงทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ แต่การผลักดันด้วยการทำงานของเรา เชื่อว่าจะเร่งการเปลี่ยนแปลงได้ และบทบาทของพรรคอนาคตใหม่มาถึงพรรคก้าวไกล คือเป็นตัวเร่งในการเปลี่ยนแปลง เช่น การที่สภารับหลักการ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เรามีความภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการทำงานผลักดันทางความคิดแก่คนในสังคมมาไม่ต่ำกว่า 4 ปี จนกระทั่งทุกภาคส่วน หลายพรรคการเมือง พร้อมสนับสนุนสิ่งนี้ ซึ่งหากนึกภาพการเมืองในสภาก่อนมีพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล คงนึกไม่ถึงว่าเราจะมีการพิจารณาเรื่องแบบนี้ในรัฐสภาไทย วันนี้ถือเป็นความสำเร็จของสังคมไทยร่วมกัน
“สุวัจน์”ชมรบ.แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
มีความเห็นจากนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า(ชพก.) อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประเมินผลการทำงานของรัฐบาล 3 เดือนว่า รัฐบาลพยายามทำงานในสิ่งที่สัญญากับประชาชนไว้ตอนเลือกตั้ง โดยเฉพาะปัญหาเฉพาะหน้า เช่น เศรษฐกิจระยะสั้น การตรึงราคาค่าไฟ ค่าน้ำมัน หนี้นอกและในระบบ เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนให้ดี มองว่ารัฐบาลทำได้ดี แต่สำหรับปีหน้าคงต้องโฟกัสเรื่องของรายได้ประเทศและรายได้ประชาชน รัฐบาลไปเชิญชวนการลงทุนไว้มาก แต่เราจะได้เงินได้งานเพิ่มขึ้นมาจากการลงทุนที่ไปเชิญชวนอย่างไร หรือการส่งออกที่ติดลบ ปีหน้าจะหาตลาดเพื่อการส่งออก นำรายได้เข้าประเทศ หรือการท่องเที่ยวปีนี้มีนักท่องเที่ยว 27 ล้านคน ปีหน้าทำอย่างไรให้ได้ 40 ล้านคน ถ้าทำได้เราก็กลับมาอยู่จุดเดิมก่อนเกิดโควิด-19
แนะดันนโยบายหารายได้เข้าปท.
นายสุวัจน์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังควรทำอะไรที่ถาวรให้ประเทศ เช่น การปรับโครงสร้างต่างๆ ได้แก่ พลังงาน ตอนนี้รัฐบาลแก้ปัญหาค่าไฟเฉพาะหน้า แต่ถ้าปรับโครงสร้างทั้งการผลิตและการใช้พลังงานหมุนเวียน การหาแหล่งก๊าซเป็นของตัวเองจะเป็นเรื่องที่ถาวรและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน การปรับโครงสร้างภาคการเกษตร อุตสาหกรรมรถยนต์ที่กำลังเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้า และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น EEC แลนด์บริดจ์ รถไฟฟ้าความเร็วสูง มอเตอร์เวย์ จะต่อยอดอย่างไร แต่รัฐบาลต้องระวังเรื่องตัวเลขหนี้สาธารณะในขณะนี้ 62% แม้ยังไม่ทราบว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเกิดขึ้นเมื่อไร แต่ถ้าเกิดขึ้นก็อาจทำให้ตัวเลขหนี้สาธารณะสูงขึ้นถึง 65-66% หนี้ภาคประชาชนตอนนี้กว่า 90% รัฐบาลต้องระมัดระวังและสร้างเสถียรภาพทางการคลังเพื่อให้เกิดความมั่นใจ หากนโยบายการผลักดันนโยบายการหารายได้ชัดเจน จีดีพีก็จะโต หนี้ต่างๆจะลดลง ตลาดหุ้นก็จะกลับมาคึกคัก
หนุนดิจิทัลวอลเล็ตช่วยกระตุ้นศก.
นายสุวัจน์ ยังกล่าวถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตว่า เป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจ และน่าจะเพิ่มจีดีพีได้อีกประมาณครึ่งเปอร์เซ็นต์ ปีหน้าจีดีพีอาจจะอยู่ที่ประมาณ 3% แต่ถ้ามีนโยบายนี้ก็อาจเพิ่มเป็น 3.5% และขอย้ำว่าสิ่งที่ต้องควบคุมหนี้สาธารณะตอนนี้ห้าแสนล้านบาท หากกู้เงินเพิ่มอีกจะทำให้สูงกว่า 62% แม้ไม่เกิน 70% แต่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ก็จะมอง ดังนั้น รัฐบาลต้องหามาตรการหารายได้เพิ่มให้ประเทศในระยะยาวควบคู่กันไป การท่องเที่ยวดีขึ้น ส่งออกดีขึ้น การปรับโครงสร้างต่างๆ เพื่อให้บาลานซ์ตัวเลขที่ทำให้เกิดความมั่นใจเสถียรภาพการคลังของประเทศ แต่มองว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเงินถึงห้าแสนล้านบาทย่อมมีความรุนแรงที่ทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นได้ และถ้าติดข้อกฎหมายคิดว่ารัฐบาลต้องมีมาตรการสำรองที่เทียบเคียงได้กับดิจิทัลวอลเล็ต
ย้ำหาเสียงไว้ก็ต้องทำแต่ต้องรอบคอบ
“ดิจิทัลวอลเล็ตบอกประชาชนไว้ก็ต้องทำและก็เป็นนโยบายของรัฐบาล เพียงแต่ต้องมีความรอบคอบในเรื่องของความถูกต้องของขั้นตอนต่างๆ คือ การตีความทางกฎหมายของกฤษฎีกา แต่โดยภาพรวมก็มีผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ เพียงแต่ว่าระมัดระวังที่มาและหนี้สาธารณะที่เกิดขึ้นให้อยู่ในเกณฑ์ที่ยังมีเสถียรภาพในด้านการคลังอยู่” นายสุวัจน์กล่าว และย้ำว่า เวลาไม่รอท่า ขณะนี้นายกฯต้องโฟกัสในการหารายได้ ใช้ประสบการณ์ธุรกิจ ความได้เปรียบและเสถียรภาพทางการเมือง ผลักดันให้งานเรียบร้อย เพราะปี 2567 เป็นปีที่ท้าทายในเรื่องเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามปัจจัยต่างๆก็เป็นใจ เพราะส่งออกปีนี้ติดลบ แต่ปีหน้าเศรษฐกิจโลกจะดีขึ้น ดอกเบี้ยขาลง เงินเฟ้อลดลง เศรษฐกิจไทยโดยพื้นฐานย่อมต้องดีขึ้น ตัวเลขการส่งออกที่ติดลบปีหน้าก็ต้องเป็นบวก นักท่องเที่ยวก็ต้องเพิ่มขึ้นและถ้ามีการลงทุนเพิ่มก็ยิ่งขับเคลื่อนจีดีพี หนี้ต่างๆจะเบาลง ส่วนเรื่องการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีของพรรคแกนนำ นายสุวัจน์เชื่อว่า น่าจะยังไม่มีอะไร เพราะสว.ยังอยู่ การเปลี่ยนตัวจึงไม่ใช่เรื่องง่าย อะไรยากๆคงไม่ทำในช่วงนี้และไม่ใช่การเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่น
‘เทพไท’ยัน’อภิสิทธิ์’สักวันอาจกลับปชป.
ในส่วนนายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า คนหัวอกเดียวกัน 29 ธันวาคมที่ผ่านมา ตนนัดทานข้าวเที่ยงกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และถือโอกาสกินข้าวด้วยกันครั้งแรก นับตั้งแต่ตนได้รับการพักโทษ จากการถูกคุมขังในเรือนจำ ยังไม่มีโอกาสได้พบปะพูดคุยกันเลย จึงนัดทานข้าวคุยการเมืองกัน ในฐานะคนหัวอกเดียวกัน คือเป็นนักการเมืองอิสระ ปลอดจากพรรคการเมือง ไม่สังกัดพรรคการเมืองแล้ว สามารถวิพากษ์วิจารณ์การเมืองได้อย่างอิสระ ไม่ต้องเกรงใจใคร
นายเทพไทกล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ ได้ยืนยันกับตนว่า แม้ช่วงนี้จะมีข่าวทางสื่อโซเชียลระบุเรื่องที่นายอภิสิทธิจะตั้งพรรคใหม่ จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นบ้าง ซึ่งเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงกระแสข่าวไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด ตอนนี้ยังเป็นอิสระทางการเมือง 100% ไม่สังกัดพรรคการเมืองใดเด็ดขาด ยังผูกพันกับพรรคประชาธิปัตย์ทางใจ เพราะเป็นพรรคการเมืองในอุดมคติ ที่ตัวเองชื่นชอบมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ และเป็นพรรคการเมืองที่สนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี และได้เป็นหัวหน้าพรรคมายาวนานถึง 5 สมัย ไม่มีทางเป็นไปอื่นได้ ยังรักและห่วงใยพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่าสักวันหนึ่งอาจจะได้กลับพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี