วันอังคาร ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
‘ไพบูลย์’ยื่น‘ผู้ตรวจการแผ่นดิน’ส่งศาลรธน.ชี้ขาด MOU ไทย-กัมพูชาเป็นโมฆะ เหตุไม่ผ่านรัฐสภา

‘ไพบูลย์’ยื่น‘ผู้ตรวจการแผ่นดิน’ส่งศาลรธน.ชี้ขาด MOU ไทย-กัมพูชาเป็นโมฆะ เหตุไม่ผ่านรัฐสภา

วันพุธ ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2567, 15.01 น.
Tag : ผู้ตรวจการแผ่นดิน ไพบูลย์ โมฆะ รัฐสภา ศาลรัฐธรรมนูญ MOUไทย-กัมพูชา
  •  

‘ไพบูลย์’อ้างผู้เสียหายขอใช้สิทธิยื่น‘ผู้ตรวจการแผ่นดิน’ส่งศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ขาด MOU 2544 ไทย-กัมพูชา เป็นโมฆะ เหตุไม่ได้ความเห็นชอบจากรัฐสภาไทย ไม่มีผลผูกพันไทย แนะรัฐชิงส่งศาลกฎหมายทะเลระหว่างประเทศ ชี้ขาดพื้นที่ 16 ล้านไร่ เชื่อได้ข้อยุติโดยเร็วเป็นผลดีกับไทย

10 เมษายน 2567 นายไพบูลย์ นิติตะวัน นักกฎหมาย ยื่นหนังสือขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในหลายทวีปทับซ้อนกัน  หรือ MOU 2544  ให้เหตุผลว่าเป็นการใช้สิทธิในฐานะบุคคลหนึ่งของปวงชนชาวไทยที่มีสิทธิในเขตอธิปไตยของไทยทางทะเลอ่าวไทยและผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติของไทยในทะเลอ่าวไทยตามรัฐธรรมนูญ 2560 หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของคนชนชาวไทย  ซึ่งถูกละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญโดยตรง  และอาจได้รับความเสียหายโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อันเนื่องมาจากการถูกละเมิดสิทธิและเสรีภาพยังคงอยู่จากการกระทำของกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 1 และกระทรวงการต่างประเทศในฐานะผู้ถูกร้องที่ 2  ในการทำ MOU 2544 ซึ่งหน่วยงานทั้งสองใช้เป็นเครื่องมือในการแบ่งเขตอธิปไตยของไทย  ทางทะเลอ่าวไทย บนพื้นที่ 26,000 ตารางกิโลเมตร  หรือ 16 ล้านไร่ และใช้เป็นเครื่องมือเป็นประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติในทะเลอ่าวไทย  ซึ่งมีมูลค่า 20 ล้านล้านบาทให้แก่กัมพูชา


ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตอธิปไตยของไทยทางทะเลและผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติของไทยในทะเลทั้งหมด   ตามแผนที่แนวเขตไหล่ทวีปของไทย  ด้านอ่าวไทยแนบท้ายตามประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของไทยที่กำหนดแนวเขตขึ้นตรงตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล 1982

ส่วนตัวเห็นว่า MOU 2544 มีสถานะเป็นหนังสือสัญญามีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตอำนาจแห่งรัฐ   ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ตามบรรทัดฐานคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 11/2542 คำวินิจฉัยที่ 33/2543 และคำวินิจฉัยที่ 6-7/2551 และปรากฏหลักฐานว่าหน่วยงานของรัฐทั้งสองยอมรับว่า MOU 2540 มีสถานะเป็นหนังสือสัญญาหรือสนธิสัญญาที่เสนอต่อรัฐสภาเพื่อความเห็นชอบ แต่ปรากฏว่า MOU ฉบับดังกล่าว กระทำขึ้นโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาไทย  จึงมีผลให้เป็นบทบัญญัติใดหรือการกระทำใดที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงมีผลบังคับใช้ไม่ได้ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 5 และมีผลให้ MOU 2544 ตกเป็นโมฆะทั้งฉบับตั้งแต่เริ่มแรกและมีผลในทางกฎหมายไม่ผูกพันรัฐภาคีทั้งสองตามหลักการเรื่องความไม่สมบูรณ์แห่งสนธิสัญญา ซึ่งบัญญัติไว้ในอนุสัญญากรุงเวียนนา  ว่าด้วยสนธิสัญญาค.ศ. 1969  

ทั้งนี้ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU ฉบับดังกล่าวเป็นสัญญาที่กระทำโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก็จะส่งผลให้ตกเป็นโมฆะทั้งฉบับ ตั้งแต่เริ่มแรกและไม่มีผลผูกพันไทยจะเป็นประโยชน์ต่อไทย หากมีข้อพิพาทเรื่องอธิปไตยของไทยทางทะเลอ่าวไทยไปสู่ศาลกฎหมายทะเลระหว่างประเทศ   ซึ่งจะทำให้ฝ่ายกัมพูชาไม่อาจกล่าวอ้างว่า MOU 2540 เป็นหลักฐาน ว่าไทยยอมรับว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ทับซ้อนไทยกัมพูชาจะทำให้เขตอธิปไตยของไทยทางทะเลอ่าวไทยพื้นที่ 16 ล้านไร่   และผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติมูลค่า 20 ล้านล้านบาทของไทยในทะเลอ่าวไทย  เป็นของไทยทั้งหมดตามกฎหมายระหว่างประเทศ    และหากฝ่ายกัมพูชาโต้แย้งเป็นข้อพิพาทในเรื่องเขตอธิปไตยทางทะเล   จึงเห็นว่าเพื่อให้ได้ข้อยุติระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีและรวดเร็ว   และจะเป็นประโยชน์กับฝ่ายไทย เห็นว่าฝ่ายไทยควรเป็นฝ่ายดำเนินข้อพิพาทในเขตอธิปไตยทางทะเลฟ้องต่อศาลกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ที่นครฮัมบูร์ก สหพันธรัฐเยอรมนี ซึ่งเป็นกลไกตุลาการอิสระของสหประชาชาติมีอำนาจตัดสินข้อพิพาทเกี่ยวกับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล  ค.ศ. 1982

นายไพบูลย์   ย้ำว่าการมายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 46 วรรค 1 มาตรา 47 และมาตรา 48 ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่า MOU 2544    เป็นหนังสือสัญญาที่กระทำการโดยไม่ได้ขอความเห็นชอบจากรัฐสภา บทบัญญัติ หรือการกระทำที่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญเป็นอันใช้บังคับไม่ได้  ตกเป็นโมฆะทั้งฉบับ ตั้งแต่เริ่มแรก

ขอให้มีคำสั่งให้กรมสนธิสัญญาและกระทรวงการต่างประเทศยกเลิกการกระทำในการนำ MOU ฉบับดังกล่าวมาใช้เป็นเครื่องมือดำเนินการแบ่งเขตอธิปไตยของไทยทางทะเลอ่าวไทยและแบ่งผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติทางทะเลของไทยให้แก่กัมพูชา นอกจากนี้เห็นว่าหากผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญ   ตนจะขอเป็นผู้ร้องที่ 2 ร่วมกับผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อจะมีสิทธิ์ในฐานะคู่ความนำเสนอพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่หากตรวจการแผ่นดินมีมติไม่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 60 วันก็จะใช้สิทธิ์ยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ

นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า อยากให้รัฐบาลเป็นผู้ริเริ่มส่งเรื่องไปยังศาลกฎหมายทะเลระหว่างประเทศ   ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า MOU 2544 ตราขึ้นโดยขัดรัฐธรรมนูญ  และไทยส่งเรื่องไปยังฝ่ายกัมพูชา หากกัมพูชาไม่เห็นด้วย เกิดเป็นข้อพิพาทระหว่าง 2 ประเทศสามารถส่งศาลระหว่างประเทศให้หาข้อยุติ    ซึ่งจะทำให้ได้ข้อยุติรวดเร็วและเป็นวิธีสันติ   เชื่อว่าน่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ปี

ส่วนวันนี้ที่ฝ่ายรัฐบาลยืนยันว่าพื้นที่ทับซ้อนเป็นของไทยนั้น  ส่วนตัวเห็นว่ากรณีนี้ทำให้สังคมเกิดความสับสนเพราะทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายที่คัดค้านให้ข้อมูลตรงกัน ซึ่งพื้นที่ตรงนั้นเป็นเพียงเกาะกูด   ส่วนตัวเห็นว่าไม่ใช่ประเด็นเพราะยังไงก็เป็นของไทย  แต่ต้น   พูดถึงอธิปไตยทางทะเล โดย MOU 2544  แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกอยู่ระหว่างการพูดคุยกันมีปัญหาเรื่องเขตแดน ส่วนที่ 2 และ 3 ยอมรับว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน จึงสงสัยว่าจะแบ่งปันผลประโยชน์กันอย่างไร และการออกมาโต้แย้งกันไม่มีการพูดถึงภาพรวมพื้นที่ทั้ง 16 ล้านไร่ตาม MOU 2544 แบ่งพื้นที่ เว้นเกาะกูด ขณะที่เขตไหล่ทวีปของเกาะกูดไม่ได้นำมาพูดกลับกลายเป็นการยอมรับแผนที่ของฝ่ายกัมพูชา จึงเกิดปัญหาพื้นที่ทับซ้อน 16 ล้านไร่ ซึ่งมีหลักฐานยืนยันว่าทั้ง 16 ล้านไร่เป็นของไทยทั้งหมด จึงไม่ต้องมีปัญหาเรื่องการแบ่งเขตอธิปไตยหรือผลประโยชน์ทางทะเล

อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าสุดท้ายแล้วจะต้องไปที่ศาล แต่หากยังมี MOU 2544 และตกลงกันไม่ได้    เกรงว่าหากกัมพูชานำเรื่องนี้ยื่นต่อศาลก่อนโดยใช้ MOU 2544 เป็นหลักฐาน ไทยจะเสียอธิปไตยและผลประโยชน์ทันที   ดังนั้นฝ่ายไทยจะต้องดำเนินการและยื่นเข้าสู่ศาลก่อนเพื่อไทยจะได้เปรียบ นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาไม่นำเรื่องพื้นที่ 16 ล้านไร่เข้าสู่ศาลทะเลระหว่างประเทศ   เพราะรู้ว่าจะเสียเปรียบ   จึงรอการเจรจาตาม MOU 2544 เพื่อให้มีหลักฐานมัดไทยยื่นฟ้องต่อศาล และเชื่อว่า MOU 2544 ไม่มีวันเจรจาตกลงกันได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจบที่ศาล แต่อยากจะจบที่ศาลโดยฝ่ายกัมพูชาเป็นคนยื่นหรือไทยเป็นผู้นำการยื่นก็ขึ้นอยู่กับจะคิด

“สำหรับผมข้อที่ 1 ไม่มีพื้นที่ทับซ้อน เป็นเขตอธิปไตยทางทะเลของไทยเป็นผลประโยชน์ของไทยทั้งสิ้น มีแค่แจ้งฝ่ายกัมพูชาว่าเป็นของใครและตัดคำว่าพื้นที่ทับซ้อนออกไป   ถ้าฝ่ายกัมพูชาไม่ยอมรับนำไปสู่ศาล  ข้อที่ 2 ประเด็นสำคัญคือไม่อยากให้ประชาชนเข้าใจสับสนระหว่างอธิปไตยเกาะกูดกับ MOU 2544 ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน ใช่เรื่องที่จะต้องไปพยายามบอกว่ารักษาอธิปไตยเกาะกูด ซึ่งเกาะกูดทำให้ประเด็นมันเบี่ยง  เกาะกูดไม่มีวันเป็นของกัมพูชา   แต่ปัญหาคือพอเกาะกูดเป็นของไทย ตามกฎหมายทะเลจะต้องแบ่งเขตไหล่ทวีปเช่นเขตจะเป็นแบบไทย ไม่มีพื้นที่ของกัมพูชาอยู่ในเส้นไหล่ทวีป ดังนั้นจึงถือว่าเป็นปฏิบัติการทางกฎหมายเพื่อที่จะทวงคืน พื้นที่อธิปไตยทางทะเลเนื้อที่ 16 ล้านไร่ของไทยและทวงคืนผลประโยชน์ทรัพยากรธรรม ชาติทางทะเล พลังงานทางทะเลมูลค่า 20 ล้านล้านบาท ที่เป็นของไทยทวงคืนกลับมาทั้งหมดไม่แบ่งให้ใคร” นายไพบูลย์ กล่าว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘ณัฐวุฒิ’ออกโรงค้านคำวินิจฉัยศาลรธน. ซัดแรงอำนาจตุลาการทำลายประชาธิปไตย ‘ณัฐวุฒิ’ออกโรงค้านคำวินิจฉัยศาลรธน. ซัดแรงอำนาจตุลาการทำลายประชาธิปไตย
  • ‘ศาลรัฐธรรมนูญ’ตีกลับ‘ประธานสภา’ตรวจสอบลายมือชื่อก๊วนสส.ร้องสอบ‘พิเชษฐ์’ฝ่าฝืนรธน. ‘ศาลรัฐธรรมนูญ’ตีกลับ‘ประธานสภา’ตรวจสอบลายมือชื่อก๊วนสส.ร้องสอบ‘พิเชษฐ์’ฝ่าฝืนรธน.
  • ‘แก้รธน.’ติดหล่ม!‘ศาลรัฐธรรมนูญ’รอความเห็นผู้เชี่ยวชาญ ก่อนวินิจฉัยปมทำ‘ประชามติ’ ‘แก้รธน.’ติดหล่ม!‘ศาลรัฐธรรมนูญ’รอความเห็นผู้เชี่ยวชาญ ก่อนวินิจฉัยปมทำ‘ประชามติ’
  • \'ชูศักดิ์\'เผย\'สุริยะ\'ขึ้นรักษาการนายกฯ นำ\'แพทองธาร\'ถวายสัตย์ปฏิญาณครม.ใหม่ 'ชูศักดิ์'เผย'สุริยะ'ขึ้นรักษาการนายกฯ นำ'แพทองธาร'ถวายสัตย์ปฏิญาณครม.ใหม่
  • \'ภูมิธรรม-ทวี\'ลุ้นต่อ! ศาล รธน. รอความเห็น-เอกสาร กกต.ปม สว. ฟ้องแทรกแซงสอบฮั้ว 'ภูมิธรรม-ทวี'ลุ้นต่อ! ศาล รธน. รอความเห็น-เอกสาร กกต.ปม สว. ฟ้องแทรกแซงสอบฮั้ว
  • \'อิ๊งค์\'น้อมรับคำสั่งศาล พร้อมพิสูจน์ปมคลิปเสียง ยันทำเพื่อรักษาอธิปไตย 'อิ๊งค์'น้อมรับคำสั่งศาล พร้อมพิสูจน์ปมคลิปเสียง ยันทำเพื่อรักษาอธิปไตย
  •  

Breaking News

(คลิป) ซัดทุกประเด็นร้อน!ไม่รู้ ไม่รู้...ไม่จริง ชาตินักรบไม่คุยเขมร'ทักษิณ'ซื้อยกพรรค'อิ๊งค์'เด็กฝึกงาน

ฝากขัง! ชาย48ฆ่าหนุ่มรุ่นลูก เพื่อนบ้านแค้นแทน บุกด่าหน้าห้องขัง

ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จีนหลอกจีน เช่าบ้านหรูกลางเมืองเชียงใหม่ตั้งฐาน

ยกระดับ!‘รวมพลังแผ่นดิน’นัดชุมนุมใหญ่กลางเดือนส.ค. ฉะ‘พท.’เกลียดแต่นอนกอดเผด็จการ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved