"ชัยชนะ"เตรียมอภิปรายทวงสัญญา"นโยบายรัฐบาล" หลังรายได้ อปท.ถูกแช่แข็ง ปูดบาง อปท.จัดซื้อเสาไฟฟ้าแพงเกินจริง โผล่กลายเป็นงบประมาณเพื่อส่งเสริมนวัตกรรม-การใช้พลังงานทดแทน
เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2567 นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้มีการเตรียมบุคคลและเนื้อหาที่อภิปรายร่างงบประมาณฯ ไว้แล้ว โดยจะชี้ให้เห็นว่า งบประมาณที่จะใช้จ่ายเพื่อสนองนโยบายของรัฐบาล ตั้งแต่ประกาศหาเสียงเลือกตั้ง จนกระทั่งบรรจุในคำแถลงนโยบายรัฐบาลนั้น กลับขาดการให้ความสำคัญจากรัฐบาลในการใช้งบประมาณ เพื่อเป็นเครื่องมือเพื่อขับเคลื่อนนโยบายให้เกิผลสัมฤทธิ์ จนกลายเป็นว่า สิ่งที่รัฐบาลหาเสียงไว้กับประชาชนนั้น เหมือนกับเป็นการตีเช็คเปล่า โดยหวังอาศัยชื่อเสียงเก่าๆ เพื่อจะรักษาแบรนด์ของพรรคเพื่อไทย (พท.) เอาไว้ว่าเป็นพรรคต้นตำหรับด้านประชานิยม เช่น นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ปริญญาตรี 25,000 บาท ปรากฏไม่พบงบประมาณรายการใด ที่ใช้ผลักดันการขึ้นคาแรงงานของภาคเอกชน ซึ่งต่างจากท่าทีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ระบุว่า ไม่มีความสุข เพราะค่าแรงขึ้นน้อยเกินไป
ส่วนของค่าแรงภาคราชการ มีหมวดเงินเดือนข้าราชการที่เพิ่มขึ้นมา แต่ก็ยังไม่ถึงตามจำนวนที่ได้หาเสียงไว้ นโยบายส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ในทุกมติ กลับกลายเป็นว่า นอกจากจะเป็นเวทีให้ชื่อของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ติดหูติดตาประชาชนแล้ว ก็ไม่ปรากฏว่าจะมีการวางแผนและงบประมาณไว้อย่างไร ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากว่า ขณะนี้ใครที่หยิบจับอะไรได้ก็มาประโคมว่าเป็นซอฟต์พาวเวอร์ โดยหวังแค่กระแสครั้งคราวและเงียบหายไป โดยไม่ได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์และงบประมาณที่จะใช้ส่งเสริมสนับสนุนอย่างเป็นระบบ นโยบายรถไฟฟ้า กทม.20 บาท ตลอดสาย ก็ไม่ปรากฏรายการแผนงาน และโครงการที่เกี่ยวข้องใน รฟม. , รฟท.แต่อาจแฝงอยู่ในหมวดงบชดเชยรายได้ของ รฟม.และ รฟท.ซึ่งไม่ได้จำแนกรายการออกมาให้ปรากฏชัดเจน รวมทั้งนโยบายที่ประชาชนคาดหวังว่า รัฐบาลจะต้องทำให้สำเร็จนั่นก็คือ โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ปรากฏว่า ไม่มีในรายการของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณแต่อย่างใด ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่า รัฐบาลเมื่อได้ทราบถึงสถานการณ์การเงินการคลัง รวมทั้งข้อจำกัดต่างๆ แล้ว ก็จะล้มเลิกความคิด หรือเปลี่ยนแปลงวิธีการในการดำเนินนโยบายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในเมื่อมีการบรรจุอยู่ในคำแถลงนโยบายของรัฐบาลแล้ว ก็ต้องขอให้รัฐบาลตอบคำถามให้ได้ว่า โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จะเริ่มดำเนินการอย่างไร
นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า สำหรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) นั้น ตนอยากจะให้ประชาชนติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะถือว่าเป็นงบประมาณที่ใกล้ชิดกับประชาชน ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้สุทธิของรัฐบาลคงที่อยู่ที่ร้อยละ 29 มา 7 ปีติดต่อกันแล้ว ซึ่งยังคงน้อยกว่าเป้าหมายตาม พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 ที่ร้อยละ 35 ทำให้การจัดการบริการสาธารณะขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นยังไม่สามารถพัฒนาคุณภาพบริการสาธารณะได้ตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งไม่มีความชัดเจน การเพิ่มสัดส่วนงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายกำหนด อีกทั้งยังปรากฏว่า งบประมาณในส่วนของท้องถิ่นที่จะดำเนินการในการจัดทำบริการสาธารณะนั้น กลับกระจุกกับหน่วยงานส่วนกลางที่กำกับดูแล โดยปรากฏในงบประมาณว่า เป็นงบประมาณเพื่อส่งเสริมนวัตกรรม และการใช้พลังงานทดแทน แต่เมื่อไปดูพบว่า มีบาง อปท.ใช้วิธีตั้งงบประมาณจัดซื้อจัดจ้างเสาไฟฟ้าในราคาที่แพงเกินจริง จึงเกรงว่าอาจจะเป็นช่องทางในการทุจริตคอร์รัปชั่น หรือฮั้วกันระหว่างเจ้าหน้าที่ส่วนกลางกับส่วนท้องถิ่น รวมทั้งมีการยักย้ายถ่ายเทงบประมาณ กลายเป็นงบเพื่อสนองความต้องการทางการเมือง ดังนั้น ตนและพรรคประชาธิปัตย์ จะดำเนินการอภิปรายเพื่อให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณลงในท้องถิ่นเพื่อให้ท้องถิ่นต่างๆ สามารถใช้งบประมาณเพื่อประโยชน์ของประชาชนได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี