‘หมอมิ้ง’อ้างเศรษฐกิจวิกฤตแล้ว
เปรียบ‘กบโดนต้ม’
เงินเฟ้อ-ดอกเบี้ยสูง-หนี้พุ่ง
ก.ก.จ่อคว่ำพรบ.กู้5แสนล.
ดับฝันโครงการเงินดิจิทัล
“หมอมิ้ง”ชี้สถานการณ์เศรษฐกิจประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤตซึมยาวเหมือน“กบโดนต้ม”อัตราเงินเฟ้อที่ตกลงแต่ดอกเบี้ยยังคงสูงขึ้น หนี้ครัวเรือนพุ่ง คนยากจนยิ่งจนลงอีก ด้าน“เกรียง”เชื่อมือคณะกรรมการนโยบาย เคาะกู้เงิน 5 แสนล้าน ใช้ดิจิทัล วอลเล็ต เชื่อไม่ซ้ำรอยจำนำข้าว “ก้าวไกล”เผยการซักถามปม“วิกฤตเศรษฐกิจ”
ในกมธ.งบฯปี’67ยังไม่ชัดเจน จ่อโหวตคว่ำร่างพ.ร.บ.กู้เงิน5แสนล้านบาท ขวางดิจิทัลวอลเล็ตขณะที่‘จุรินทร์’โดดป้อง‘กฤษฎีกา’เป็นแค่ที่ปรึกษากฎหมาย ไม่ใช่ที่ปรึกษานโยบายรัฐบาล ถามย้ำ ถ้าจำเป็นจริง ทำไมไม่ออกเป็น พ.ร.ก.กู้เงิน มองการออกเป็นพ.ร.บ.เหมือนซื้อเวลา
เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566 ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 โดยได้มีการพิจารณางบประมาณในส่วนของสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี มาชี้แจงด้วยตัวเอง ทั้งนี้ ระหว่างการประชุม นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์กมธ.ฯ ได้อภิปรายสอบถามสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยว่าอยู่ในภาวะวิกฤตหรือไม่ หลังเลขาธิการนายกฯ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนหลายครั้งว่า เศรษฐกิจประเทศอยู่ในช่วงของการเจริญเติบโตช้า โดย นพ.พรหมินทร์ ชี้แจงว่า เศรษฐกิจขณะนี้อยู่ในภาวะวิกฤติอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับกบที่ถูกต้ม หมายความว่า จะค่อยๆซึมยาวจนไม่รู้สึก แต่พอเมื่อรู้สึกตัวแล้วก็จะมีปัญหา
ชี้ประเทศอยู่ในวิกฤตซึมยาว
สถานการณ์ตอนนี้ขอแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่ 1.ตั้งแต่ปี 2550 ก่อนมาถึงเหตุการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด จะพบว่าตัวเลขการส่งออกของประเทศเริ่มมีปัญหาแล้ว 2.ช่วงโควิด เศรษฐกิจของไทยตกลึกที่สุดในภูมิภาคนี้และเติบโตช้าที่สุด 3.ปัจจุบันสะท้อนให้เห็นชัดจากอัตราเงินเฟ้อที่ตกลง แต่ดอกเบี้ยยังสูงขึ้น ประเทศไทยโตแบบไม่เท่ากัน จำนวนหนี้ครัวเรือนมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในรอบ10ปี จาก70% ต่อจีดีพี เป็น 91.6 %ต่อจีดีพี แสดงว่าคนจนกำลังยากจนลงเรื่อยๆ“เวลาเอาตัวเลขภาพรวม อาจจะดูไม่ชัด แต่คนที่เดือดร้อน ถ้าลองถามประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศแล้ว เดือดร้อนแล้วเขาถือว่าวิกฤติ เพราะฉะนั้นอัตราการเกิดการกระทำที่ผิดกฎหมายจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จึงขอตอบว่าภาวะของประเทศอยู่ในวิกฤติซึมยาว จำเป็นต้องมีมาตรการในการแก้ไข” นพ.พรหมินทร์ กล่าว
‘เกรียง’ชี้เปิดอภิปรายเป็นเรื่องดี
นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย และ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 153 ของวุฒิสภา ว่า ก็เป็นเรื่องดี จะได้มาแชร์ความคิดกัน และหากมีการอภิปรายเรื่อง ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงิน 500,000 แสนล้านบาท ใครที่ไม่เห็นด้วย ก็ไปทักท้วงกันตรงนั้น
เมื่อถามว่าการอภิปรายของวุฒิสภา จะเป็นหัวเชื้อให้ฝ่ายค้านหยิบไปอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายเกรียง กล่าวว่า “เขาเรียกฝ่ายค้าน เขาก็เล่นทุกเรื่อง มีอะไรที่เอามาเล่นได้ก็เล่นหมด” ถามว่า หลายคนมองว่าการกู้เงินมีความเสี่ยง นายเกรียง กล่าวว่า สำหรับตน มองว่าไม่มีความเสี่ยงอะไร มันจะมีอะไรเสี่ยง
เชื่อกู้5แสนล้านไม่ซ้ำรอยจำนำข้าว
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ในช่วงโครงการรับจำนำข้าวก็มีองค์กรเตือนแบบนี้ นายเกรียง กล่าวว่า ทุกคนสามารถแสดงความเห็นได้ และคณะกรรมการชุดใหญ่ก็มีอยู่ ใครไม่เห็นด้วย ใครทักท้วงก็แสดงความเห็น มันถึงต้องมีบทสรุป เมื่อถามว่า กังวลจะซ้ำรอยจำนำข้าวหรือไม่ นายเกรียง กล่าวว่า ไม่ เพราะเราได้ตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่ ที่ทุกฝ่ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน ใครมีความเห็นที่แต่ต่าง ก็เอามาพูดคุยกัน
เมื่อถามว่า เป็นหนึ่งใน ครม.ตอนลงมติให้กู้เงินได้ มีความกังวลหรือไม่ เพราะโครงการรับจำนำข้าว ก็ทำให้รัฐมนตรีติดคุกหลายคน นายเกรียง กล่าวว่า คณะกรรมการชุดใหญ่มีครบทุกฝ่าย ซึ่งต้องได้ข้อสรุปจากคณะกรรมการชุดนี้ก่อน จึงเข้าที่ประชุม ครม. ดังนั้น ครม.ก็จะวางใจที่จะลงมติ
ถามว่า หากด่านแรกผ่าน ด่านต่อไปก็ไม่น่าเป็นห่วงใช่หรือไม่ นายเกรียง กล่าวว่า ถ้าข้อสรุปดี ก็ผ่านทุกเรื่อง บ้านเมืองไม่ใช่ของคนๆ เดียว เมื่อเอาหัวของทุกฝ่ายมาชนกันแล้ว ทุกอย่างก็จบ
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะขยายเวลา เพื่อความรอบคอบและให้ทุกฝ่ายเห็นชอบ นายเกรียง กล่าวว่า การทำงานเป็นไปได้ทุกอย่าง ถ้าจำเป็นต้องใช้เวลาก็ต้องใช้เวลา ถ้าทำได้ก็อยากให้เร็ว เพราะรัฐบาลมีงานอีกเยอะ
‘ศิริกัญญา’เผยซักวิกฤตศก.ยังไม่ชัด
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ บรรยากาศการประชุมกมธ.เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่พรรคก้าวไกลมีการจี้ถามธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจ ว่า เมื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจของประเทศมา เราจึงได้สอบถามว่าวิกฤตเศรษฐกิจมีหน้าตาเป็นอย่างไรและตัวชี้วัดเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งแต่ละหน่วยงานก็ตอบคำถามเรา ยกเว้นสำนักงบประมาณ โดยมีการเล่าให้ฟังว่าวิกฤตจะมีอะไรบ้าง ทั้งวิกฤตทางด้านสถาบันทางการเงิน ที่มีเอ็นพีแอลสูง ซึ่งอาจนำไปสู่เหตุการณ์ที่มีคนแห่ไปถอนเงิน หรือวิกฤตภายนอกที่มีวิกฤตมาจากต่างประเทศ เช่น ปัญหาเรื่องการส่งออก-นำเข้า ที่นำไปสู่การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดทำให้ค่าเงินบาทอ่อน หรือแม้กระทั่งวิกฤตแรงงานที่คนตกงานเป็นจำนวน หรือวิกฤตทางด้านการคลัง คือเงินคงคลังลดต่ำ
ทั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้แลกเปลี่ยนกับหน่วยงานทางด้านเศรษฐกิจ ที่อยู่ในกลุ่มคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตด้วย โดยจะต้องให้ความเห็นกับนายกรัฐมนตรีว่าประเทศไทยกำลังอยู่ในวิกฤตหรือไม่
เมื่อถามว่า หน่วยงานได้มีการสะท้อนวิกฤตตามที่รัฐบาล คาดการณ์ไว้หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ไม่ได้พูดตรงๆเช่นนั้น เพียงแค่เล่าให้ฟังว่าหากวิกฤตมีหน้าตาเช่นไร ซึ่งเราก็สามารถที่จะอนุมานได้ว่า เท่าที่ไล่มา 5-6 วิกฤตนั้น ยังไม่มีอันไหนที่สามารถอธิบายเหตุการณ์ปัจจุบันได้
เห็นด้วยศก.แย่แต่ไม่ต้องรอกู้มาแจก
เมื่อถามต่อว่า มองว่าในคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต ที่รัฐบาลดำเนินการจะผ่านด่านแรกไปใช่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า “ก็หินอยู่ และไม่รู้ว่า เขาจำเป็นจะต้องไปคิดค้นวิกฤตใหม่ขึ้นมาหรือไม่ เพื่อทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นจริงๆ แต่ก็ต้องเข้าใจว่าเศรษฐกิจไทยไม่สู้ดีจริงๆ โตต่ำจริงๆ และต้องการการที่จะเข้าไปเพื่อทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นจริงๆ แต่ด้วยข้อจำกัดทางด้านกฎหมายที่ต้องตีความว่าหากเกิดวิกฤตจึงจะสามารถทำได้ ทำให้เป็นอุปสรรคไม่ใช่ว่าตอนนี้เศรษฐกิจดี และที่สำคัญ จะเป็นการเซ็ตบรรทัดฐานด้วย หากร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทผ่านได้ ต่อจากนี้รัฐบาลก็ไม่จำเป็นต้องแคร์งบประมาณรายจ่ายประจำปีแล้ว ตอนนี้เราก็บอกแค่ว่าต้องการการกู้เงินและสามารถกู้ได้เลย ซึ่งจะเป็นบรรทัดฐานที่ไม่ดีในอนาคต”
เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาลแนะนำว่าให้กลับไปดูที่ตลาดว่ามีวิกฤตเศรษฐกิจประชาชนเดือดร้อนจริงหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ตนเห็นด้วยว่าเศรษฐกิจไม่ดี การจับจ่ายใช้สอยก็ฝืด และต้องการการเข้าไปแก้ปัญหาของรัฐบาลโดยเร่งด่วนที่ไม่ต้องรอจนถึงเดือนพ.ค. หากวันนี้ตลาดเงียบ ค้าขายลำบาก ก็ให้รัฐบาลเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ไม่ต้องรอจนถึงเดือนพ.ค. ไม่ต้องรอให้มีการกู้เงินก่อนสามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้เลย
เลือกโหวตไม่รับร่างไปก่อน
เมื่อถามถึงจุดยืนของพรรคร่วมฝ่ายค้านหากร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เข้ามาในสภาฯ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ต้องดูรายละเอียดก่อนว่ารายละเอียดที่รัฐบาลส่งมาหน้าตาเป็นอย่างไร มีรายละเอียดครบถ้วนหรือไม่อย่างไร แต่ในเชิงหลักการเราก็ต้องตีความตามกฎหมายก่อนว่าเป็นไปตามกฏหมายหรือไม่ ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้แนะนำไว้ว่าหากเป็นไปตามเงื่อนไขก็สามารถที่จะทำตามได้ หากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขก็ถือว่าผิดกฎหมาย แต่ ณ ตอนนี้เรายังไม่เห็นหน้าตาของความจำเป็นเร่งด่วนวิกฤตเศรษฐกิจที่ต้องการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง โดยที่งบประมาณไม่สามารถตั้งไว้ได้ทัน และเราคงต้องโหวตไม่รับร่างไปก่อน แต่ทั้งนี้ก็จะขอดูร่างพ.ร.บ.กู้เงินก่อน
ต้องลุ้นเงินดิจิทัลทันพ.ค.หรือไม่
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่ารัฐบาลจะดำเนินการนโยบายดังกล่าวทันกรอบเดือนพ.ค. น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เราคงต้องช่วยกันลุ้น ซึ่งวันนี้วันที่ 11 ม.ค. แล้วแต่ ก็ยังไม่ได้มีการนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ นอกจากนี้ยังต้องไปร่างตัวร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว มาให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบ ก่อนที่จะเข้ามาสภา ซึ่งหากผ่านสภาได้ก็คงจะผ่านเพราะเขาคุมเสียงข้างมากไว้ แต่ก็ยังมีด่านสว.อีก ซึ่งก็ยังสามารถดีเลย์ได้อีกหากสว.โหวตไม่รับหลักการ และต้องมีการตีกลับมายังสภาผู้แทนราษฎรว่า จะยังคงเห็นชอบชอบร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวหรือไม่ แต่ยังไม่ต้องพูดถึงว่ายังมีอีกหลายหน่วยงานรวมถึงนักร้องขาประจำที่จ้องจะไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ฉะนั้น เราก็ช่วยลุ้น ว่าจะทำทันเดือนพ.ค. 2567 หรือไม่
‘จุรินทร์’ชี้‘กฤษฎีกา’เป็นที่ปรึกษาก.ม.
นายจุรินทร์ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้ความเห็น เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต หลังคณะกรรมการกฤษฎีกาให้คำตอบกับรัฐบาล ว่า ตนเห็นว่ากฤษฎีกาได้ตอบคำถามรัฐบาลตรงไปตรงมาแล้ว ซึ่งตนมีความเห็น 3 ข้อ คือ 1.กฤษฎีกาเป็นแค่ที่ปรึกษากฎหมาย ไม่ใช่ที่ปรึกษาด้านนโยบายของรัฐบาล เพราะฉะนั้นถ้าฟังคำตอบจากเลขากฤษฎีกาก็จะเห็นว่ากฤษฎีกาได้ตอบข้อกฎหมายชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลสามารถออกพระราชบัญญัติ (พรบ.) กู้เงินมาทำ ดิจิทัลวอลเล็ตได้ ทั้งในรูป พระราชกำหนด (พรก.)และพรบ.และตอบว่ามีกฎหมายฉบับใดและมาตราใด ที่ต้องคำนึงถึงบ้างการที่จะให้กฤษฎีกาตอบว่าควรทำหรือไม่ควรทำ เป็นเรื่องของนโยบาย ซึ่งไม่ใช่หน้าที่กฤษฎีกา จึงเป็นเรื่องของรัฐบาลที่เป็นฝ่ายนโยบายต้องตัดสินใจเอง
ถามถ้าจำเป็นจริงทำไมไม่ออกเป็น พรก.
2.ถ้ารัฐบาลเห็นว่าการกู้เงิน 5แสนล้านบาทมาแจก เป็นเรื่องจำเป็น เร่งด่วน และเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังวิกฤต ตนก็ขอถามอีกครั้ง ซึ่งเคยถามมาแล้วว่าถ้าวิกฤตจำเป็น และเร่งด่วนจริงอย่างที่รัฐบาลพูด ทำไมไม่เสนอเป็น พ.ร.ก.เพราะจะมีผลให้กู้เงินได้ทันที แต่ทำไมจึงเลี่ยงไปเสนอในรูป พ.ร.บ.ซึ่งจะทำให้ล่าช้า ยืดเยื้อ เหมือนซื้อเวลาออกไปอีกและ 3.ส่วนเรื่องการถกเถียงว่า เศรษฐกิจไทยกำลังวิกฤตหรือไม่ ตนเห็นว่าข้อแนะนำของ นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ สว.ที่ให้รัฐบาลเชิญหน่วยงาน หรือสถาบันทางเศรษฐกิจที่เชื่อถือได้มาร่วมนิยามคำว่า “วิกฤต” คืออะไรเสียให้ชัด เป็นเรื่องที่รัฐบาลควรรับฟัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี