ศาลอาญายกฟ้อง ปิดฉากคดีก่อการร้ายฯ กลุ่มพันธมิตรฯ บุกสนามบิน 2 แห่ง เมื่อปี 2551 ชี้พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักพอสั่งปรับจำเลย 13 คน คนละ 2 หมื่นบาท ฐานบุกรุก-ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
เมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาครั้งที่ 2 คดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บุกท่าอากาศยานดอนเมือง กทม.และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ และพวก รวม 32 คน เป็นจำเลยในความผิดฐาน ร่วมกันเป็นกบฏก่อการร้ายฯ
จากกรณีระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน–3 ธันวาคม 2551 จำเลยได้ร่วมกันโฆษณาชักชวนให้ประชาชนมาร่วมกันชุมนุมใหญ่ กระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ และปิดล้อมอาคารวีไอพี ท่าอากาศยานดอนเมือง นำจานรับสัญญาณของพวกจำเลย ไปติดตั้งใกล้เครื่องรับสัญญาณเรดาร์ของบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และปิดกั้นสะพานกลับรถของกรมทางหลวง และชุมนุมปิดล้อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ เพื่อกดดันนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี (ในขณะนั้น)
คดีนี้จำเลยให้การปฏิเสธ โดยศาลอาญาได้นัดฟังคำพิพากษาครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2566
โดยวันเดียวกันนี้ จำเลยเดินทางมาศาล เช่น นายสนธิ ลิ้มทองกุล , นายสุริยะใส กตะศิลา , นายสมศักดิ์ โกศัยสุข , นายพิภพ ธงไชย , นายรัชต์ชยุตม์ หรืออมร ศิริโยธิน , นายพิชิต ไชยมงคล , น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก , นายสันธนะ ประยูรรัตน์ และจำเลยคนอื่นๆ เดินทางมาศาล ส่วน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายเทิดภูมิ หรือเทิดภูมิไท ใจดี ยังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล แต่ใช้การวิดีโอคอนเฟอเรนต์ ฟังคำพิพากษา โดยมีมวลชนกลุ่มพันธมิตรฯ จำนวนมาก เดินทางมาให้กำลังใจจำเลย
ทั้งนี้ ศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษาประมาณ 1 ชั่งโมง โดยพิเคราะห์แล้วพยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1-5 จำเลย 7-13 และจำเลยที่ 31 ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง จำเลยที่ 1 นายสนธิ ลิ้มทองกุล จำเลยที่ 2 นายพิภพ ธงไชย จำเลยที่ 3 นายสมศักดิ์ โกศัยสุข จำเลยที่ 4 นายสุริยะใส กตะศิลา จำเลยที่ 5 นายศิริชัย ไม้งาม จำเลยที่ 7 นายสำราญ รอดเพชร จำเลยที่ 8 นางมาลีรัตน์ แก้วก่า จำเลยที่ 9 นายสาวิทย์ แก้วหวาน จำเลยที่ 10 นายสันธนะ ประยูรรัตน์ จำเลยที่ 11 นายชนะ ผาสุกสกุล จำเลยที่ 12 นายรัชต์ชยุตม์ หรืออมรเทพ หรืออมร ศิริโยธินภักดี หรืออมรรัตนานนท์ จำเลยที่ 13 และ บริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด จำเลยที่ 31 กระทำความผิดฐานบุกรุกและฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 2548 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษบทหนักสุด คือตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 2548 พิพากษาให้ลงโทษปรับคนละ 20,000 บาท ส่วนข้อหาอื่น พยานและหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิด ยกฟ้อง ส่วนจำเลยที่เหลือ ศาลได้ยกฟ้องทั้งหมด
ขณะที่นายประพันธ์ คูณมี กล่าวภายหลังฟังคำพิพากษา ว่าน้อมรับในคำพิพากษาของศาลและยืนยันว่าการชุมนุมครั้งนั้นเป็นการชุมนุมโดยสันติ สงบ ปราศจากอาวุธ ซึ่งคดีนี้อัยการยื่นฟ้องหลายข้อหา เช่น ข้อหาบุกรุก ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ข้อหาก่อการร้ายชุมนุมโดยก่อการวุ่นวาย ข้อหาทำร้ายเจ้าพนักงาน ต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว เป็นต้น ตนมองว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ และชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งศาลเห็นว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ สืบเนื่องมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2551 มีจุดมุ่งหมายคือคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะทำให้การตรวจสอบการคอร์รัปชั่นของนักการเมืองหายไป
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า การชุมนุมครั้งนั้นแม้จะเป็นพื้นที่สนามบินดอนเมือง แต่เป็นการชุมนุมในพื้นที่สาธารณะไม่เกี่ยวข้องกับการบิน ไม่กระทบกับประชาชน และไม่มีการทำร้ายผู้โดยสาร รวมถึงพนักงาน โดยการชุมนุมดังกล่าวไม่มีการพกอาวุธและก่อจลาจล วุ่นวาย แม้จะเกิดความไม่สะดวกแก่ประชาชนบ้างก็เป็นเรื่องปกติของการชุมนุม ศาลจึงมองว่าการชุมนุมโดยรวมเป็นไปด้วยความสงบปราศจากอาวุธ อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ จึงไม่เป็นความผิดในฐานก่อการร้ายฯ รวมถึงข้อหาอื่นๆ ยกเว้นฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และข้อหาบุกรุก ส่วนข้อหาก่อการร้ายฯ ที่ยกฟ้อง เนื่องจากไม่มีการใช้อาวุธทำลายระบบคมนาคมขนส่ง หรืออากาศยาน จึงถือว่าไม่เข้าข่ายความผิด
ส่วนข้อหาบุกรุก ซึ่งสถานที่ดังกล่าวมีการใช้เป็นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นการชั่วคราวของรัฐบาลขณะนั้น ช่วงที่ผ่านมา กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนขบวนเข้าไป มีการเข้าไปในห้องประชุมที่ใช้ในการประชุม ครม.จริง ศาลมองว่าเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ เข้าข่ายความผิดฐานบุกรุก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ศาลเลื่อนการอ่านคำพิพากษาจากนัดแรกวันที่ 18 ธันวาคม 2566 เนื่องจาก พล.ต.จำลอง , นายพิภพ , พล.ต.อ.ประทิน , นายเทิดภูมิ เจ็บป่วย และนายประพันธ์ ไปรับเครื่องราชฯ
สำหรับรายชื่อจำเลยทั้ง 32 ราย ประกอบด้วย 1.พล.ต.จำลอง ศรีเมือง 2.นายสนธิ ลิ้มทองกุล 3.นายพิภพ ธงไชย 4.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 5.นายสุริยะใส กตะศิลา 6.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ (เสียชีวิต) 7.นายศิริชัย ไม้งาม 8.นายสำราญ รอดเพชร 9.นางมาลีรัตน์ แก้วก่า 10.นายสาวิทย์ แก้วหวาน 11.นายสันธนะ ประยูรรัตน์ 12.นายชนะ ผาสุกสกุล 13.นายรัชต์ชยุตม์ หรืออมรเทพ หรืออมร ศิริโยธินภักดี หรืออมรรัตนานนท์ 14.นายประพันธุ์ คูณมี (วุฒิสมาชิก) 15.นายเทิดภูมิ หรือเทิดภูมิไท ใจดี 16.น.ส.อัญชะลี หรือปอง ไพรีรัก 17.นายพิชิต ไชยมงคล 18.นายบรรจง นะแส 19.นายสุมิตร นวลมณี 20.นายพิเชฏฐ พัฒนโชติ 21.นายสมบูรณ์ ทองบุราณ 22.นายอธิวัฒน์ บุญชาติ 23.นายจำรูญ ณ ระนอง 24.นายแสงธรรม หรืออาร์ท ชุนชฎาธาร 25.นายไทกร พลสุวรรณ 26.นายสุชาติ ศรีสังข์ 27.นายอำนาจ พละมี 28.พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ
29.นายกิตติชัย หรือจอร์ส ใสสะอาด 30.นายเกรียงศักดิ์ หลิวจันทร์พัฒนา 31.บริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย)จำกัด และ 32.ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ (ร.น.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี