คุก 4 เดือน‘ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ-พิธา’รอลงอาญา 2 ปี คดีแฟลชม็อบปี62

5 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ศาลแขวงปทุมวัน ถนนนครไชยศรี ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีแฟลชม็อบ หมายเลขดำที่ 767/2563ที่ พนักงานอัยการคดีศาลแขวง 6 (ปทุมวัน) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องน.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ , นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ,นายธนวัฒน์ วงค์ไชย ,นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล, อดีตเลขาพรรคอนาคตใหม่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต สส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ , นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล และนาย ไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร อดีตผู้สมัคร สส.นครปฐม พรรคก้าวไกล เป็นจำเลย1-8

ในความผิดตามพ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะฯ,ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง ,ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะในรัศมี 150 เมตร จากพระบรมมหาราชวังฯ,ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะโดยกีดขวางทางเข้าออกหรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานีรถไฟ,ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะฯ,ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะก่อให้เกิดความไม่สะดวกแก่ประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะอันเป็นที่ชุมนุม หรือทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนเกินที่พึงจะคาดหมายได้ฯ ,พ.ร.บ. ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ

จากกรณีเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2562 จำเลยได้ร่วมในการชุมนุม # แฟลชม็อบไม่ถอยไม่ทน โดยนายธนาธร กับพวก ผลัดกันขึ้นปราศรัย วิพากษ์วิจารณ์การทำงานรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอขา นายกรัฐมนตรี พร้อมกับชูสัญลักษณ์ 3 นิ้วบนสกายวอล์คบริเวณสี่แยกปทุมวัน หน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร จนถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดี เป็นการชุมนุมในที่สาธารณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่แจ้งขออนุญาตการชุมนุมสาธารณะก่อน 24 ชั่วโมง ต่อหัวหน้าสถานีตำรวจนครปทุมวัน อันเป็นการฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีฯ

พวกจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว วันนี้จำเลยทั้งหมดเดินทางมาศาลเพื่อฟังคำพิพากษา โดยมีนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางมาให้กำลังใจด้วย

นายชัยธวัช ให้สัมภาษณ์ยืนยันความมั่นใจในคดีว่า ทั้งทีมทนาย และจำเลยมั่นใจว่าจะชนะคดี ส่วนรายละเอียดคือการต่อสู้องค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ ทั้งนี้จำเลยทุกคนไม่ได้มีความกังวลกับคดีแต่อย่างใด เพราะเชื่อว่าผลจะออกมาดี แต่หากสุดท้ายผลออกมาเลวร้ายเนื่องจากจะส่งผลกระทบ นายพิธา เป็น สส.นั้น  ก็ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลได้อีก

นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า สำหรับสาเหตุที่เชื่อว่าจะชนะคดีนั้น เพราะแนวโน้มในคำวินิจฉัยของศาล เกี่ยวกับคดีการแสดงออกทางการเมืองช่วงหลังออกมาค่อนข้างดี

เมื่อถามว่า ในช่วงหลังมีอดีตสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ และสมาชิกพรรคก้าวไกล ถูกฟ้องร้องเป็นคดีบ่อยครั้ง จะกระทบภาพลักษณ์หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่นะ เชื่อว่าประชาชนเห็นด้วยว่า ช่วงเวลานั้นสิทธิเสรีภาพประชาชนถูกละเมิดอยู่แล้ว บรรยากาศภายใต้รัฐบาลที่สืบทอดจากการรัฐประหาร

เมื่อถามว่า ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ทำงานฝ่ายนิติบัญญัติ มองเห็นปัญหาตัวกฎหมายใช้สิทธิเสรีภาพจากการชุมนุม มีแนวทางแก้กฎหมายอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า มีข้อเสนอแก้ไขกฎหมายที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานอยู่แล้ว รวมถึง พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ ด้วย มีการพิจารณาใน กมธ.ในสภาฯ ชุดที่แล้ว ในฐานะ สส.ต้องให้ความสำคัญกับการพิจารณาว่า มีกฎหมายตัวไหนบ้างว่า ไม่ว่าจะเป็นมีเนื้อหา หรือบังคับใช้ที่ไปละเมิดเสรีภาพขั้นพื้นฐาน หรือสิทธิทางการเมือง ตรงนี้เป็นภาระหน้าที่ของ สส.ที่ต้องให้ความสำคัญ

เมื่อถามอีกว่า ในอนาคตหากเราขึ้นสู่อำนาจได้จริง มีการต่อต้านจากมวลชนฝั่งตรงข้าม หากก้าวไกลเป็นรัฐบาลจะดูแลเรื่องคดีลักษณะนี้อย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องยึดหลักว่า สิทธิทางการเมืองของพลเมือง เป็นหลักการขั้นพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรเลือกปฏิบัติ ไม่ว่ามีความคิดความเชื่อแบบใด เป็นหลักการประชาธิปไตย ทำให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้วเห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องโจทก์จริง พิพากษาจำคุกนายธนาธร จำเลยกับพวกทุกคนๆละ  4 เดือน โทษจำคุกให้รอลงอาญากำหนดคนละ 2 ปี ส่วนความผิดฐานอื่นและความผิดฐานไม่แจ้งขออนุญาตชุมนุม และไม่ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตรวมปรับ 11,200 บาท

-005