เปิดศึกนักร้อง!‘ทนายอั๋น’ยื่นกกต.ฟัน‘เรืองไกร’ปมหุ้นไอทีวี ลั่นฟ้องหมดไม่สนหน้าใคร
5 กุมภาพันธ์ 2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ พร้อมด้วยนายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล หรือ “ลุงศักดิ์” เดินทางยื่นคำร้องต่อ กกต. ทวงถามความคืบหน้ากรณีที่เคยร้องให้ กกต.เอาผิดนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ที่เคยยื่นเรื่องพร้อมหลักฐานให้ตรวจสอบกรณีการถือครองหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยก่อนหน้านี้ยื่นเรื่องต่อ กกต.ตั้งแต่ 29 พ.ค.2566 แต่ก็ยังไม่คืบหน้า
นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการถือครองหุ้นสื่อของนายพิธา โดยศาลวินิจฉัยว่าบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ไม่มีสภาพเป็นสื่อสารมวลชน ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลผูกพันทุกองค์กร ตนจึงมาตามเรื่องต่อ รวมถึงเตือนความทรงจำของนายเรืองไกร และกกต. เนื่องจากในช่วงเดือนพ.ค. 2566 นายเรืองไกร มายื่นต่อกกต.เพื่อขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติของนายพิธา ว่าอาจจะมีความบกพร่องในคุณสมบัติการลงสมัครรับเลือกตั้งการลงรับสมัครสส.เพราะถือครองหุ้นสื่อไอทีวี หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 29 พ.ค.2566 ตนได้มายื่นร้องสวน เนื่องจากคำร้องนายเรืองไกร ขาดเหตุผลไร้น้ำหนัก ขอให้กกต.ปัดตก เพราะเป็นเรื่องที่ไร้สาระ และอาจจะเป็นเกมการเมืองเสียด้วยซ้ำ
ต่อมาในวันที่ 10 มิ.ย.2566 นายเรืองไกร มาให้ถ้อยคำต่อกกต.ในฐานะที่เป็นพยานผู้ร้อง โดยได้นำหลักฐานรายงานการประชุมของบริษัทไอทีวีฯมา หลังจากนั้นมีข้อมูลเผยแพร่ผ่านสื่อสารมวลชนว่า พยานหลักฐานของนายเรืองไกร ที่ยื่นต่อกกต.อาจเป็นเท็จไม่ตรงกับคลิปวีดีโอที่มีการเผยแพร่ในเรื่องที่นายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานบริษัทไอทีวีฯ ถามตอบกับผู้ถือหุ้น ว่าไอทีวีไม่มีสภาพความเป็นสื่อสารมวลชน รวมถึงไม่ได้ประกอบกิจการแต่อย่างใด อีกทั้งระบุว่าไอทีวีอยู่รอวันตาย รอศาลสั่ง ซึ่งขัดกับสิ่งที่นายเรืองไกร เสนอต่อกกต. เป็นเหตุให้ในวันที่ 12 มิ.ย.2566 ตนมาร้องต่อกกต. เพื่อโต้ว่าเอกสารของนายเรืองไกร อาจเป็นเท็จ จึงขอให้กกต.ตรวจสอบว่าพฤติกรรมของนายเรืองไกร ไม่ว่าจะเป็นการให้ถ้อยคำ การนำหลักฐานเข้าสู่ระบบของกกต. 6 ครั้ง เข้าข่ายความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสส.มาตรา 143 มีโทษจำคุก 7-10 ปี
นายภัทรพงศ์ กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 23 ม.ค.2567 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นใจให้กับตน วันนี้ตนมาตามเรื่องที่กกต.ว่าตกลงจะเอาอย่างไรกับนายเรืองไกร ที่มายื่นยุบพรรคก้าวไกล และแม้วันที่ 31 ม.ค.2567 ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีล้มล้างการปกครองของนายพิธา ถัดมาวันที่ 1 ก.พ.2567นายเรืองไกร ก็กระโดดมายื่นร้องยุบพรรคก้าวไกล ตนจะรอดูสิว่าจะกกต.จะเอาอย่างไร ระหว่างเรื่องที่ตนมาร้องของให้ยุบพรรคภูมิใจไทยตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 19 ม.ค.2567 กับเรื่องของนายเรืองไกร ว่ากกต.จะเอาเรื่องไหนยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญก่อน จะลัดคิวให้เขาหมดเลยหรือไม่
“เรื่องหุ้นสื่อของคุณพิธา ผมมองว่าวันที่ 12 มิ.ย.2566 ที่ผมได้มาร้องได้ปักหมุดไว้ที่นี่แล้ว พระแม่ธรณีเป็นพยาน ผมกับเรืองไกร วัดกันให้ตายไปข้างหนึ่ง วัดกันให้ติดคุกไปข้างหนึ่ง ไม่ว่าจะออกหน้าไหนคุณพิธา จะได้เป็นนายกฯหรือไม่ พรรคก้าวไกลจะถูกยุบหรือไม่ ผมไม่สนใจ ผมสนใจแค่หุ้นสื่อไอทีวี พ.ร.ปว่าด้วยการเลือกตั้งสส.มาตรา 143 เรืองไกรต้องติดคุก ขอให้กกต.ถีบ หรือเตะเรืองไกร ออกมา อย่าอุ้มเรืองไกร” นายภัทรพงศ์ กล่าว
นายภัทรพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงปี 2566 ตนได้เคยยื่นต่อคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบ กกต.ชุดนี้ เพราะการทำคดีหุ้นสื่อมีพิรุธมากมายข้ามขั้นตอนลัดวิธีการ ไม่นำระเบียบแบบแผนของกฎระเบียบที่ตัวเองสร้างมา ไม่เรียกนายพิธา เข้ามาในชั้นสอบสวนของกกต. แต่ส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญเลย ซึ่งหลังจากศาลมีคำวินิจฉัยแล้ว นายเรืองไกร ระบุว่าทำตามรัฐธรรมนูญ ในการทำหน้าที่ตรวจสอบ ตนถามว่ารัฐธรรมนูญฉบับไหนมีมาตราไหนที่อนุญาตให้คนไปร้องนำหลักฐานเท็จเข้าสู่ระบบนั้นไม่มี ตนไม่ยอมปล่อยเรืองไกร อย่างไรก็ตามเรืองไกรต้องติดคุก
เมื่อถามว่าจะดำเนินการอย่างไรกับ กกต.ในฐานะผู้รับเรื่องและส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า เรื่องหุ้นสื่อนอกจากนายเรืองไกรแล้ว ตนยังมองว่า กกต.อาจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยตนจะไปตามเรื่องที่เคยยื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการทำหน้าที่ของ กกต.
“ปรากฏว่าหุ้นสื่อไอทีวี ไม่ใช่เฉพาะเรืองไกร มีศรีสุวรรณ จรรยา มีสนธิญา สวัสดี และกลุ่ม สว. เอาเป็นว่าไม่ว่าใครหน้าไหน ไม่ว่าหน่วยงานใด องค์กรไหน ที่บังอาจเอาหลักฐานอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบ กกต.นั้น กกต.ส่งไปศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนในชั้นศาลรัฐธรรมนูญจนกระทั่งนำสู่การวินิจฉัยเป็นคดีหุ้นสื่อ ใครบังอาจทำอย่างนั้น โดนหมดครับ ผมตรวจสอบหมด” นายภัทรพงศ์ กล่าว
นายภัทรพงศ์ ยังกล่าวอีกว่าจากนี้ตนจะเดินทางไปทวงถามความคืบหน้าการยื่นให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบและเอาผิดการทำหน้าที่ของ กกต.ชุดนี้ในการพิจารณาคำร้องการถือครองหุ้นสื่อมวลชน ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 อีกด้วย
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี