‘ทะลุวัง’เหิมทำโพลล์ขบวนเสด็จฯ
ปะทะเดือด‘ศปปส.’
ทั้ง2ฝ่ายบาดเจ็บกลางกรุง
‘พิธา’ปัดหนุนหลัง‘ตะวัน’
ยันไม่ได้เป็นนายประกัน
‘วิโรจน์’ซัดเด็กทำไม่เหมาะ
กลุ่มทะลุวัง ยังเหิมเกริมจัดกิจกรรมทำโพลล์ขบวนเสด็จฯ กลางสยาม ขณะที่กลุ่ม ศปปส.ไม่เห็นด้วย ลงเอยปะทะกันเดือดเจ็บระนาวทั้งสองฝ่าย “ก้าวไกล” โพสต์แจง
“พิธา” ไม่ได้เป็นนายประกัน “ทานตะวัน” แล้ว อ้าง เหตุเจ้าตัวยื่นคำร้อง ขอถอนประกันตัวเอง ต้นปี’66 “วิโรจน์” ซัดเด็กทำไม่ถูก จี้รัฐต้องมีมาตรการอารักขาบุคคลสำคัญ นายกฯ ขอไม่ใช้ความรุนแรง
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 12.36 น.ที่บริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าสยาม ภายหลังกลุ่มทะลุวัง และนักกิจกรรมอิสระ นำโดย น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ จัดกิจกรรมโพลขบวนเสด็จฯ
ขณะที่กลุ่มศูนย์รวมประชาชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส.ได้นัดรวมกลุ่มแสดงความไม่พอใจกับกิจกรรมดังกล่าว โดย น.ส.ทานตะวัน ได้กล่าวผ่านสื่อมวลชนถึงกรณีขบวนเสด็จฯโดยระบุว่าต้องขอโทษที่ขับรถเร็ว และไม่ระมัดระวังซึ่งเป็นเหตุที่อาจเกิดอันตรายต่อประชาชนผู้อื่นที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกันในส่วนนี้ตนต้องขอโทษและขอน้อมรับผิด
ทะลุวัง-ศปปส.ปะทะกลางสยาม
ระหว่างที่น.ส.ทานตะวัน ได้ชี้แจงผ่านสื่อมวลชนอยู่นั้น ทางกลุ่มศปปส.ก็เข้ามาตะโกนต่อว่าด่าทอจนเกิดเหตุปะทะกันของทั้ง2กลุ่ม จน น.ส.ทานตะวันไม่สามารถแถลงข่าวต่อไปได้ จนมีการตะโกนต่อว่าด่าทอกันจนเกิดการเหตุปะทะกันของทั้ง 2 กลุ่มอย่างชุลนุม นานกว่า 20 นาที
โดย ตำรวจสน.ปทุมวันและตำรวจนอกเครื่องแบบพยายามเข้าไประงับเหตุ ห้ามปรามและแยกทั้งสองกลุ่มออกออกจากกัน แต่ไม่เป็นผล ทำให้ เจ้าหน้าของสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ตัดสินใจปิดประตูบานกั้นทางเข้าประตู 4 และประตู 3 ที่เชื่อมเข้ากับห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน
ทั้งนี้ มีรายงานว่าน.ส.ทานตะวัน และกลุ่มทะลุวัง ได้เดินทางเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับกลุ่ม ศปปส.ที่ สน.ปทุมวัน แต่เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก ทำให้เกิดการชุลมุนอย่างมาก ขณะที่ตัวแทนกลุ่ม ศปปส. ได้ชี้แจงกับสื่อว่า ตนไม่เห็นด้วยกับกลุ่มนี้และถูกทำร้ายร่างกายก่อน เบื้องมีรายงานว่าทั้งสองฝ่ายต่างมีผู้ได้รับบาดเจ็บกันระนาว
ตะวันยันฝ่ายตรงข้ามเริ่มก่อน
ต่อมา น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ กับพวกเปิดเผยภายหลังเข้าแจ้งความพร้อมกล่าวคำขอโทษ สำหรับเหตุการณ์ในคลิปที่ปรากฎในโซเชียล ที่ขับรถด้วยความเร็ว ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนคนอื่น แต่ก็ขอยืนยันว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถามและแสดงออก แต่การที่ตนเองจัดทำโพลในครั้งก่อน กลับถูกดำเนินคดี ม.112 และยังถูกตอบโต้ด้วยความรุนแรงในวันนี้
ซึ่งเหตุการณ์ในวันนี้ ยืนยันว่านายอานนท์ เข้ามาล็อคคอเพื่อนทำให้เพื่อนที่เหลือต้องไปช่วยเหลือ และป้องกันตัว แต่กลับถูกกลุ่มคู่กรณีเข้ามาทำร้าย ทั้งที่เจตนาในวันนี้ไม่ต้องการสร้างความรุนแรง แต่ตนเองกลับถูกต่อยที่บริเวณโหนกแก้มซ้าย และถูกกระชากผม ส่วนเพื่อนอีก 12 คน มีบาดแผลที่ใบหู เบ้าตา และแขนซ้น บางรายถูกตบแว่นหัก ซึ่งคลิปจากสื่อหลายๆช่องเป็นหลักฐานยืนยันได้ และหากกลุ่มของตนเองเป็นฝ่ายเริ่มก่อนจริง เหตุใดสื่ออิสระฝั่งตนเอง 2 คน ที่มาทำข่าวยังถูกทำร้ายไปด้วย ทั้งที่ไม่เป็นคู่ขัดแย้ง
ที่อีกฝ่ายอ้างว่า ตนเองเลือกจัดกิจกรรมในวันนี้ เพราะมีเจตนาแอบแฝง รู้กำหนดการขบวนเสด็จนั้น นางสาวทานตะวันยืนยันว่าตนเองไม่ทราบกำหนดการใดๆ แต่วางแผนตามกำหนดการของตนเอง และกิจกรรมที่จัดขึ้นก็เป็นอิสระมาตั้งแต่ต้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกล และ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล อีกทั้งนายพิธาก็ไม่ได้เป็นนายประกันของตนเองมานานแล้ว เพราะตนเองถูกถอนประกันปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตามนอกจากมวลชนทั้ง 2 กลุ่ม ที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว ยังมีรายงานว่า ส.ต.ท.วิภพ ทองประเทือง ผู้บังคับหมู่กลุ่มงานสืบสวน กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 ก็ได้รับบาดเจ็บบริเวณคิ้วขวาแตกด้วย
ก.ก.แจง’พิธา’ไม่ได้เป็นนายประกัน
ช่วงเช้าวันเดียวกัน ทางพรรคก้าวไกล (ก.ก.)ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่มีการสอบถามถึงสถานะของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในฐานะนายประกันของทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ว่าขอชี้แจงว่าแม้ปัจจุบัน ในแง่กฎหมาย พิธาไม่ได้เป็นนายประกันของคุณทานตะวัน เนื่องจากคุณทานตะวันยื่นคำร้องขอถอนประกันตัวเองเมื่อต้นปี 2566 แต่พรรคก้าวไกลและพิธาในฐานะนักการเมืองและในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ที่มีความห่วงใยบ้านเมืองและอนาคตของคนรุ่นใหม่ รู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โยนภาพใหญ่ ความขัดแย้งการเมือง
พรรคก้าวไกลทราบว่าการแสดงออกของคุณทานตะวัน อาจสร้างความไม่สบายใจต่อประชาชนจำนวนไม่น้อยรวมถึงทำให้เกิดข้อถกเถียงเกี่ยวกับขอบเขตของการแสดงออกและเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวิธีการต่างๆในการเพิ่มแนวร่วมในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามเราจำเป็นต้องมองเรื่องนี้โดยไม่แยกขาดจากภาพใหญ่ด้วยเช่นกัน นั่นคือความขัดแย้งทางการเมืองและความจริงอันน่ากระอักกระอ่วนที่ยังคงดำเนินอยู่ซึ่งต้องอาศัยการพิจารณาร่วมกันของทุกภาคส่วนในสังคมถึงต้นตอของปัญหาและการสร้างพื้นที่สำหรับทุกฝ่ายเพื่อหาทางออกอย่างมีวุฒิภาวะและคลี่คลายความขัดแย้งในปัจจุบัน ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศไทยให้เท่าทันโลก
‘วิโรจน์’ซัดเด็กๆทำไม่ถูกต้อง
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลได้โพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ความคิดเห็นของผมต่อกรณีการบีบแตรใส่ขบวนเสด็จ กรณีการบีบแตรใส่และการกระทำในลักษณะรบกวน#ขบวนเสด็จตนขออนุญาตให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความปรารถนาดี ดังนี้ ยังไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงว่าการเดินทางดังกล่าวเป็นขบวนเสด็จหรือไม่ก็ได้ แต่โดยปกติแล้ว ทุกประเทศย่อมต้องมีมาตรการในการอารักขาบุคคลสำคัญระหว่างการเดินทางทั้งสิ้น บุคคลสำคัญอาจจะเป็นผู้แทนจากต่างประเทศ หรือพระราชอาคันตุกะก็ได้ซึ่งรัฐจะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ระหว่างเดินทางมิได้ จำเป็นต้องมีมาตรการมาตรฐานในการอารักขา ดังนั้น การที่มีบุคคลใดเข้าไปรบกวนกระบวนการในการอารักขาบุคคลสำคัญที่ดำเนินการตามมาตรฐานของรัฐ ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
จี้รัฐต้องมีมาตรการอารักขาบุคคลสำคัญ
“ผมเข้าใจดีว่าความคิดเห็นของตนในครั้งนี้ บางคนอาจจะไม่เห็นด้วยซึ่งก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์ตนได้เช่นเดียวกัน แต่ในฐานะที่ผมมีความปรารถนาดีจริงๆ ผมจึงตระหนักอยู่เสมอว่า หากจำเป็นต้องสะท้อนถึงสิ่งที่ผมคิดว่ามันไม่ถูกต้อง ผมก็ต้องกล้าที่จะสะท้อนความคิดเห็นนั้นอย่างตรงไปตรงมา แม้ว่าจะทราบดีว่าอาจจะเป็นความเห็นที่บางท่านไม่อยากฟังก็ตาม ผมเชื่อว่าหลายท่านจะรับรู้ความปรารถนาดีของผมได้ ความปรารถนาดีไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับทุกเรื่อง ในบางเรื่องที่เห็นต่าง ก็ควรจะต้องบอกกันตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อม ถึงจะเป็นความปรารถนาดีที่แท้จริง”นายวิโรจน์ ระบุ
‘พิธา’ ชวนสังคมตั้งสติ
เวลา 13.35น.ที่ซุ้มประตูวัฒนธรรมไทย-จีน ถนนเยาวราช นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกลให้สัมภาษณ์ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่เป็นนายประกันให้น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน นักกิจกรรมทางการเมืองว่าตนคิดว่าไม่สำคัญ ในฐานะที่เป็นนักการเมืองและคนไทยคนหนึ่งก็กังวลถึงสถานการณ์บ้านเมือง และอนาคตของคนรุ่นใหม่ด้วย จึงอยากเชิญชวนทุกคนตั้งสติ เข้าใจว่ามีหลายฝ่ายไม่สบายใจ กังวลใจและต้องการความเข้าใจ
“ผมก็อยากให้ทุกฝ่ายคลี่คลายสถานการณ์ ไม่ให้แตกร้าวไปมากกว่านี้ การผลักเยาวชนคนรุ่นใหม่ออกไป ไม่น่าจะเป็นผลดีต่อภาพรวม อยากจะให้ร่วมมือกันหาทางออกและยํ้าว่าไม่อยากให้เกิดความรุนแรงไปมากกว่านี้”
ปัดหนุนหลัง‘ตะวัน’
เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลโดยเฉพาะนายพิธาสนับสนุนพฤติกรรมของเยาวชนกรณีขบวนเสด็จหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่าคงไม่ใช่สนับสนุน ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับนายประกัน เป็นเรื่องสิทธิการประกันตัว ต้องแยกเป็นกรณี ควรใช้ความละมุนละม่อม หาทางออกร่วมกันเพื่อทำให้สถานการณ์คลี่คลาย
เมื่อถามย้ำว่าจุดยืนของนายพิธาต่อการกระทำของน.ส.ทานตะวันเป็นอย่างไร นายพิธากล่าวว่า “กังวลใจ แต่เข้าใจ”เมื่อถามว่าวันนี้กลุ่มเยาวชนมีการทำกิจกรรมและเกิดการปะทะกันเกิดขึ้นนายพิธากล่าวว่ารู้สึกกังวลทุกฝ่ายควรตั้งสติ และทุกภาคส่วนของสังคมต้องช่วยกันหาทางออกจากความขัดแย้งในเรื่องนี้
เมื่อถามว่าจะมีการยื่นประกันตัวกลุ่มเยาวชนคดีมาตรา 112 หรือไม่ เพราะในพรรคก้าวไกลก็มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย นายพิธากล่าวว่า เรื่องนี้ต้องแยก สิทธิในการประกันตัวทุกคนมีสิทธิที่จะถูกสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน ส่วนการอารักขาบุคคลสำคัญของประเทศ ก็เป็นอีกเรื่อง แต่การแสดงออกก็เป็นอีกเรื่องเช่นกัน อย่าไปผูกรวม จะทำให้แก้สถานการณ์ไม่ได้และแตกแยก ไม่เป็นผลดีต่อสังคมไทย
‘ชัยธวัช’ค้านล่าแม่มด
ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีของ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ แกนนำกลุ่มทะลุวัง ที่ยังเป็นประเด็นอยู่ขณะนี้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ปรารถนามากที่สุด คือ การปะทะกันอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการไล่ล่า การล่าแม่มด โดยหากให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสุดขั้วขึ้นเรื่อยๆ จะต้องตั้งสติให้ดี ใช้กระบวนการทางประชาธิปไตยและสติในการที่จะลดช่องว่างทางความคิด ความเข้าใจ โดยไม่ต้องใช้ความรุนแรง ซึ่งในกรณีนี้ก็เข้าใจในความคับข้องใจ แต่ก็ต้องช่วยกันดูว่าการสื่อสาร การแสดงความคิดให้สังคมได้มีความเข้าใจและพร้อมที่จะพิจารณาสื่อสารประเด็นที่ดีที่สุดว่าควรจะเป็นอย่างไร
ชี้แค่ความเห็นหลากหลาย
ส่วนที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลแสดงความไม่เห็นด้วยกรณีที่นางสาวทานตะวัน ทำคอนเทนต์ขวางขบวนเสด็จฯ นายชัยธวัชกล่าวว่ายอมรับว่าในเรื่องนี้มีความคิดเห็นหลากหลาย เรื่องนี้ก็เป็นตัวอย่างแม้ว่าจะมีคนหลายส่วนพร้อมที่จะเข้าใจประเด็นนี้อยากจะสื่อสาร แต่ก็อาจจะมีคนไม่เห็นด้วยกับวิธีการ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่จะเป็นเหตุผลที่จะผลักให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสุดขั้วมากขึ้นเรื่อยๆไม่ยอมรับ เพิ่มช่องว่างระหว่างกัน ยิ่งปะทะกันอย่างรุนแรงเป็นเหตุที่ไม่ควรเกิดขึ้นและเห็นว่าเป็นเวลาที่จะต้องใช้สติมากขึ้น โดยไม่ใช้อารมณ์
ได้จังหวะชูนิรโทษกรรม
“ซึ่งการนิรโทษกรรมก็เป็นกระดุมเม็ดแรกและหวังว่าจะระบายความกดดันพร้อมกันนี้ยังเห็นว่าจะต้องทำให้ทุกคนเย็นลง เพื่อจะได้นั่งพูดคุยกัน”
นายชัยธวัชยังกล่าวถึงการตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญศึกษาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมว่าเป็นประตูอีกบานที่จะคลี่คลายความเครียดและความขัดแย้งทางการเมืองเพื่อเปิดพื้นที่ให้ฝ่ายที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกันได้มีพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยกัน หาจุดร่วมให้ได้ โดยใช้กระบวนการทางประชาธิปไตย หวังว่าในคณะกมธ.วิสามัญฯมีการพิจารณาอย่างรอบด้านทั้งข้อดีและข้อเสีย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหากระบวนการในการนิรโทษกรรม
‘ธนกร’ชม‘วิโรจน์’กล้าเตือน
ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มเยาวชนบีบแตรและกระทำในลักษณะรบกวนขบวนเสด็จว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ละเมิดกฎหมายที่มีโทษร้ายแรง หากเป็นประมุขของประเทศต่างๆจะมีการดำเนินการชั้นเด็ดขาดของชุดอารักขาบุคคลสำคัญทันทีหากเกิดสถานการณ์เช่นนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น ส่วนหลังจากเกิดเหตุการณ์ยังไม่มีผู้ใหญ่หรือคนในพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาแสดงความเห็นหรือแสดงความรับผิดชอบใด ในฐานะนายประกันและผู้ใหญ่ที่ดูแล น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน นายธนกร กล่าวว่า เท่าที่ได้ติดตาม ตนยังไม่เห็นคนในพรรคก้าวไกลหรือนายพิธาออกมาแสดงความเห็นถึงเรื่องนี้เลย
แต่ล่าสุดทราบว่ามี นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล้าออกมาแสดงความเห็นว่าไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้ เรื่องดังกล่าว ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องจึงขอชื่นชมนายวิโรจน์ที่มีความกล้าหาญออกมาพูดในสิ่งที่ถูกที่ควร พูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้เกรงกลัวว่าจะถูกแฟนด้อม แฟนคลับกลุ่มผู้สนับสนุนนั้นต่อว่า หรือลดความนิยมชมชอบไป ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่อย่างเราควรจะออกมาดึงสติตักเตือน ผู้ปกครองเยาวชนให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง รวมถึงต้องช่วยสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับเยาวชนด้วย
หวังผู้ใหญ่ช่วยทำความเข้าใจ
“ผู้ใหญ่ที่ดีเมื่อเห็นเด็กทำไม่ถูกก็ต้องกล้าเตือน กล้าชี้ชัด กล้าแนะนำว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสมโดยเฉพาะนายพิธา ที่ทราบว่าเป็นนายประกันหรือผู้ปกครองของน้องตะวัน จึงขอเรียกร้องให้นายพิธาออกมาแสดงความรับผิดชอบในฐานะผู้ปกครองของเยาวชนเพราะกลุ่มดังกล่าวมีพฤติกรรมในลักษณะนี้มาอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นเพราะผู้ใหญ่ไม่คอยให้คำชี้แนะแนวทางที่ควรจะเป็นหรือไม่จึงขอให้ทบทวนเรื่องดังกล่าวหวังให้พวกผู้ใหญ่ช่วยกันสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่กลุ่มเยาวชน เพื่อนำไปสู่การกลับตัว กลับใจเสียใหม่ และไม่มีคำว่าสายเกินไป หากจะเลิกพฤติกรรมซึ่งสิ่งสำคัญผู้ใหญ่ต้องตักเตือนเด็ก ไม่ปล่อยให้ทำผิดจนเสียอนาคต”นายธนกร ระบุ
ผู้การแต้ม’ซัด’เด็กเวร’
ขณะที่พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือ ผู้การแต้ม อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ออกมาพูดถึงกรณีดังกล่าว ผ่าน TikToK@vichai_tamว่า “มีภาพปรากฏว่ามีเด็กเวรคนหนึ่งขับรถไล่ขบวนโดยการบีบแตร เมื่อเจ้าหน้าที่พบเห็นได้เรียกให้หยุด และด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งปฏิบัติตามกฎหมาย
“ผมอยากจะบอกพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเด็กเวรว่า การที่ผู้นำทุกประเทศเขามีกฎหมาย กฎระเบียบ ในการดูแลบุคคลสำคัญนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะประเทศไทย ประมุขและรัชทายาทนั้น ถือว่าเป็นบุคคลที่เคารพศรัทธาของพี่น้องประชาชนในชาติ การถวายอารักขาและความปลอดภัยนั้น เป็นหน้าที่สำคัญของเจ้าหน้าที่ตำรวจ”ผู้การแต้ม กล่าว
ผบ.ตร.เอาผิดคนทำป่วน
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ได้เดินทางไปยังกองบัญชากาตำรวจนครบาล(บช.น.) เพื่อกำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการปฏิบัติหน้าที่ในการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร โดยกำชับการปฏิบัติ โดยจะต้องไม่กระทบกับพี่น้องประชาชนที่สัญจรบนท้องถนน และยังคงหลักด้านความปลอดภัยในขบวนเสด็จอย่างสูงสุด ตลอดจน ได้กำชับการรวบรวมพยานหลักฐาน ในคดีที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในขบวนเสด็จ
พร้อมสั่งกำชับให้พนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งก่อน ขณะ และ หลังขบวนเสด็จ อย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย หากพบว่ามีความผิด ก็ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งให้นำบทเรียนที่เกิดผลกระทบต่อขบวนเสด็จมาทำการศึกษา เพื่อถอดบทเรียน , ทำการประชาสัมพันธ์แนวทางในการใช้รถใช้ถนนของประชาชน ในกรณี ร่วมเส้นทางกับขบวนเสด็จให้ทราบและปฏิบัติได้อย่างปลอดภัย และเพื่อให้เกิดมาตรฐานในการถวายความปลอดภัยให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด และไม่กระทบแก่พสกนิกรของพระองค์ท่าน
อย่าใช้ความรุนแรง
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณีกลุ่มทะลุวังนำโดย น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ได้จัดกิจกรรมทำโพลเกี่ยวกับขบวนเสด็จฯ ที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าสยามและเกิดการปะทะกันทะลุวังกับกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ว่า ยังไม่ทราบเรื่อง แต่ตนคิดว่าน่าจะมีการพูดคุยกันด้วยดี ไม่น่าจะใช้กำลังกัน เพราะเป็นเรื่องไม่ดีและวันนี้เป็นวันปีใหม่ด้วยเป็นวันที่มีการท่องเที่ยว ในสายตาต่างชาติก็อาจจะมองไม่ดี ควรที่จะมีการระมัดระวังให้ดี หลังจากนี้จะสอบถาม ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ทั้งนี้เรื่องของความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย และคนที่ไม่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องสำคัญ เราอยากเห็นบรรยากาศของการที่มีความขัดแย้งได้มีการพูดคุยกันในพื้นที่ที่ปลอดภัย
เมื่อถามว่า กลุ่มที่เห็นต่างไม่เห็นด้วยกับการก่อกวนขบวนเสด็จฯ นายกฯ กล่าวว่า ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเรื่องนี้มีขั้นตอนของการที่จะต้องปกป้องผู้นำประเทศ และพระราชวงศ์ในเรื่องขบวนเสด็จซึ่งต้องทำตามกฎ
เมื่อถามว่า ได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่แล้วใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีการกำชับอยู่ตลอด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี