“จตุพร” คาดกุมภาฯ การเมืองระอุเดือดด้วย 2 ชนวนสำคัญ ชี้ชะตาดิจิทัล พร้อมตัดสินอนาคต “เศรษฐา” ลาออกหรือยุบสภา ขณะที่อภิสิทธิ์ชนนักโทษถูกปล่อยตัวกลับบ้าน จะเร่งอารมณ์สาปแช่งปะทุร้อนแรงถึงขั้นตะโกนขับไสไล่ส่ง
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ประเมินการเมืองตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ว่า จะเริ่มร้อนแรงมากขึ้น โดยมีจุดเปลี่ยนสำคัญจากรัฐบาลเพื่อไทยต้องตัดสินใจการกู้เงิน 5 แสนล้านบาทมาแจกประชาชนตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ ?
อีกทั้งกล่าวว่า นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ประกาศเดินหน้าแจกเงินหมื่นบาทตามเดิมโดยไม่ลดขนาดโครงการลง และยืนกรานจะประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวันที่ 15 ก.พ. นี้ ย่อมแสดงว่าไม่สนใจคำแนะนำของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ดังนั้น ถัดจากวันที่ 15 ก.พ. ไป นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ คงจะขอให้ ครม.มีมติอนุมัติการกู้เงิน 5 แสนล้านบาท
นายจตุพร กล่าวว่า ตั้งแต่พรรคเพื่อไทยคิดโครงการดิจิทัลและประกาศหาเสียง จนถึงขณะนี้โครงการนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปต่อเนื่อง และไม่ตรงตามที่สัญญากับประชาชนไว้ อย่างไรก็ตาม แม้มีคนต้องการเงินหมื่นก็จริง แต่ถ้าหาเสียงโดยบอกจะกู้มาแจกแล้ว เชื่อว่า ประชาชนคงลงคะแนนเสียงเลือก สส.น้อยเพื่อไทยกว่านี้มากมาย เพราะสังคมจะลงทัณฑ์การกู้เงินที่ทำให้ประชาชนเป็นหนี้
"พรรคเพื่อไทยหาเสียงบอกไม่กู้มาแจก สังคมจึงเชื่อว่าจะหาเงินมาทำโครงการนี้ได้ แต่เมื่อได้เป็นรัฐบาลกลับมากู้เงิน เท่ากับทำให้ประชาชนทุกคนเป็นหนี้ หากทำได้แล้ว เลือกตั้งครั้งใหม่พรรคการเมืองจะเสนอโครงการกู้เงินมาเกทับกัน อาจแจกมากกว่าคนละสองหมื่นเพื่อแลกคะแนนเสียง ดังนั้น ประเทศจะถึงคราวล้มละลายเป็นแน่”
นายจตุพร กล่าวว่า คำเตือน ของ ปปช. 4 เสี่ยง 8 แนะนำนั้น แม้ไม่ห้ามทำโครงการดิจิทัล แต่ให้รัฐบาลตัดสินใจเอาเองเหมือนกับ ปปช. เคยเตือนกรณีจำนำข้าว ซึ่งเป็นโครงการที่ดีกับชาวนา แต่การปฏิบัติกลับไปทำลายความหวังของชาวนา เพราะเกิดทุจริตทับซ้อนมากมายจนทำให้โครงการจำนำข้าวต้องจบสิ้นไป
"ปัญหาคือ รัฐบาลกล้าจริงหรือไม่กับการทำโครงการดิจิทัล ถ้าทำจริงก็รีบประชุม แล้วเสนอ ครม.พิจารณากู้เงินเลย จะรู้ว่ามีรัฐมนตรีร่วมมีมติให้กู้เงินหรือไม่ เพราะสุ่มเสี่ยงกับการติดคุก หากรัฐมนตรีไม่เห็นชอบก็ต้องคว่ำการกู้เงิน แล้วนายกฯ ต้องรับผิดชอบ ด้วยการลาออกหรือยุบสภา”
ส่วนวันที่ 18 ก.พ.นี้ นายจตุพร คาดว่า กรมราชทัณฑ์จะปล่อยทักษิณ ชินวัตร นักโทษชั้น 14 รพ.ตำรวจ เพราะได้รับการพักโทษ ถ้าจะหลบสื่อมวลชนคงออกจาก รพ.ตำรวจตอนกลางคืน หากต้องการให้สื่อฯ เห็นต้องปล่อยช่วงสายๆ แต่มีปัญหาว่า ขณะนี้ได้ทำเรื่องขอประกันตัวในคดี ม.112 แล้วหรือยัง?
อีกทั้งกล่าวว่า แม้ทักษิณ ได้รับการพักโทษ แต่ต้องไปรายงานตัวที่กรมควบคุมการประพฤติเพื่อใส่กำไลอีเอ็มหรือเลือกไม่ใส่ ถึงที่สุดต้องตกลงกำหนดวันมารายงานตัว และแจ้งถึงบริเวณพื้นที่ให้เดินทางได้ตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เมื่อบ้านเมืองอยู่ในอำนาจรัฐบาลเพื่อไทยเช่นนี้ จึงเชื่อได้ว่า การอายัดตัวขังคุกเป็นเรื่องยากและคงไม่เกิดขึ้นเด็ดขาดในยุครัฐบาลนี้
“เมื่อทักษิณ ได้กลับไปอยู่บ้านพร้อมกับเสียงประจานพวกอภิสิทธิ์ชน สองมาตรฐาน มุ่งเอาแต่ประโยชน์ส่วนตัวยิ่งทำให้อารมณ์สังคมคุกรุ่นไม่พอใจ ดังนั้น เสียงสาปแช่งจะรุนแรงขึ้น ความสงบสุขย่อมถูกลดทอนลง และเชื่อว่า คนจะตะโกนไล่ทักษิณ ออกจากประเทศอีกครั้งเหมือนสถานการณ์ก่อนการยึดอำนาจเมื่อปี 2549 ซึ่งเป็นสภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง”
สำหรับการนิโทษกรรมทางการเมืองยกเว้นคดีอาญาและการทุจริตนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ทุกพรรคการเมืองล้วนสนับสนุนด้วยดี ยกเว้นพรรคก้าวไกลเสนอให้นิรโทษรวมคดี 112 ด้วย ซึ่งตนเห็นด้วย เพราะเมื่อต้องการให้นิรโทษฯ แล้วต้องควรคืนสถานะผู้ต้องหาคดี 112 ที่เคลื่อนไหวทางการเมืองทุกกรณี
อย่างไรก็ตาม การตะโกนไล่ขบวนเสด็จของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ซึ่งเป็นพฤติกรรมกระทำเกินกว่าเหตุ ไม่เหมาะสมและสังคมรับไม่ได้ ดังนั้น ย่อมทำให้โอกาสนิรโทษฯ รวมคดี 112 ยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี