เร่งบูมศก.อีสาน
นายกฯดันท่องเที่ยวนครพนม
ปชป.ตามเหน็บแจกเงินดิจิทัล
นายกฯเศรษฐา ยิ้มร่ามาถึงนครพนม เยี่ยมอนุสรณ์สถาน “ประธานโฮจิมินห์” ดันท่องเที่ยวเมืองรองนครพนม ตั้งเป้านักท่องเที่ยวแห่เข้า1.2 แสนต่อปี ด้านประชาธิปัตย์ตามทวงแจกเงินดิจิทัล
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 09.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลังได้เดินทางพื้นที่ตรวจราชการและติดตามโครงการสำคัญตามนโยบายรัฐบาล พื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคอีสาน (นครพนม สกลนครและอุดรธานี) ระหว่างวันที่ 17-19 กุมภาพันธ์2567 โดยนายกฯและคณะออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯไปยังท่าอากาศยานนครพนม ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม
จากนั้น เวลา10.20น.นายกฯเดินทางด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ด ทะเบียน1ขศ 87 กรุงเทพมหานคร มาเยี่ยมชมหมู่บ้านมิตรภาพไทย – เวียดนาม อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์และประชุมประเด็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทย–เวียดนาม ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม
ทันทีที่มาถึงมีกลุ่มชาวไทยเวียดนามสวมชุดอ๊าวหย่าย ซึ่งเป็นชุดประจำชาติชุดหนึ่งของชาวเวียดนามมาต้อนรับ นายกฯยิ้มพรอมกล่าวชมว่าสาวๆที่นี่สวยทุกคน ก่อนเข้าไปแสดงความเคารพสถานประธานโฮจิมินห์และลงนามในสมุดเยี่ยมว่า“ยินดีที่ได้มาเยี่ยมครับ”พร้อมได้ปลูกต้นกันเกรา ต้นไม้ประจำจังหวัดนครพนม
กระชับสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม
จากนั้นนายกฯประชุมการส่งเสริมการท่องเที่ยว และพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทย–เวียดนามโดยกล่าวในที่ประชุมว่า อนุสรณ์สถานฯบ่งบอกถึงความสัมพันธ์อันดีมายาวนานระหว่างประเทศไทยกับประเทศเวียดนาม และเป็นเรื่องสัมพันธภาพที่ดีของประชาชนของทั้งสองประเทศ และเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์จุดเช็คอินสำคัญของจังหวัดนครพนม ทั้งนี้ ทราบดีอยู่ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวมา 90,000 คน อยากให้เพิ่มขึ้นไปเป็น 1.2 แสนคน ให้ได้ตามนโยบายรัฐบาล เราชัดเจน เราสนับสนุนเรื่องการท่องเที่ยวเมืองรอง จังหวัดนครพนมเป็นจังหวัดที่ได้เปรียบเพราะมีสนามบินถือ เป็นจุดที่สามารถให้การเดินทางไปมหาสมุทรทุกอย่างครบถ้วนและได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่สนามบินบอกว่าที่นี่มีความพร้อมมาก เพราะมีศุลกากร แต่ยังไม่มีเที่ยวบินอินเตอร์มาตรงนี้ เป็นเรื่องอนาคตและเป็นความหวังของรัฐบาลนี้ ซึ่งรมว.วัฒนธรรมและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้มาดูศักยภาพที่นี่
นายกฯกล่าวอีกว่าตนได้มีการเดินทางไปประชุมระหว่างอาเซียนบ่อย มีการพบปะผู้นำประเทศ โดยเฉพาะของเวียดนามมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับตน และเป็นคนดำริเรื่องของการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ หากเราสามารถทำให้การเดินทางไปมาหาสู่มีการพูดคุยกันเชิงบูรณการระหว่างผู้นำ ที่สามารถทำให้วีซ่าเข้าออกได้ทุกประเทศจะส่งเสริมการเข้าออกในหลายๆมิติเช่นเวลาบินไปกรุงเทพฯสามารถไปเวียดนามได้ หรือเวียดนามมาลงกรุงเทพฯโดยไม่ต้องขอวีซ่าอีกไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกัมพูชา ลาว มาเลเซีย บรูไน ตรงนี้ มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวได้
ดันนครพนมเป็นเมืองรองหลัก
นายกฯย้ำว่าที่ต้องพูดตรงนี้ให้ฟัง เพราะจังหวัดนครพนม เป็นเมืองรองหลักโดยสส.ได้พยายามผลักดันให้มีศักยภาพสูงมาโดยตลอด และหวังว่าวันหนึ่งในอนาคตอันใกล้ จากการที่เราสนับสนุนให้จังหวัดนครพนม เป็นเมืองรอง ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสูง จะยกระดับสนามบิน ให้เป็นสนามบินอินเตอร์ได้ พี่น้องประชาชนชาวเวียดนามมาเที่ยวเพิ่ม เสริมรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน ทั้งการท่องเที่ยว การค้า โรงแรม อาหาร ซึ่งจังหวัดนี้ตนเข้าใจว่ามีความพร้อมมาก
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ขอความสนับสนุนช่วยเหลือในเรื่องไฟฟ้า ของชำรุด ค่าน้ำ ค่าไฟ ห้องน้ำ สิ่งเหล่านี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญ รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับสถานที่ท่องเที่ยวโดยเฉพาะที่นี่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เน้นย้ำเรื่องความสัมพันธ์ของประเทศเพื่อนบ้านระหว่างไทย เวียดนาม สัปดาห์หน้ากลับไปกรุงเทพฯตนจะเชิญ สส.มาพูดคุยและดูตรงไหนจะทำได้ก่อน รวมถึงงบประมาณที่เหมาะสม เราจะจัดมาให้ ขอให้สบายใจในเรื่องนี้โดยสส.จะได้เข้ามาคุยกับเจ้าหน้าที่อย่างเหมาะสมเพื่อเข้าใจในสิ่งที่จะทำ
ไม่ใช่ใส่เงินอย่างเดียวแต่มาใส่ใจ
“ยืนยันว่าให้ความสำคัญกับเมืองรอง วันนี้ดีใจที่ได้มาเยือนที่นี่ เข้าใจว่าเคยมาหาเสียง แต่ไม่เคยมาดูซึ่ง วันนี้หาเวลาที่จะซึมซับวัฒนธรรมชาวจังหวัดนครพนมและมาดูแล ไม่ใช่มาใส่เงินอย่างเดียว แต่จะมาใส่ใจ และเข้าใจถึงวัฒนธรรมพื้นฐานของจังหวัดนครพนม รวมทั้งเรื่องวัฒนธรรม อาหาร การดูแลการค้าชายแดน และอีกหลายเรื่อง พร้อมรับรองได้ว่าจะดูแลอย่างเต็มที่ขอให้สบายใจได้”นายกฯย้ำ
ทั้งนี้นายกฯยังกล่าวอีกว่าสาวๆทั้งหลาย ก็มาต้อนรับแต่งตัวกันสวยทุกคนเลย ตนใส่กางเกงยีนส์มาลงพื้นที่ก็ต้องขอโทษด้วย อาจจะแต่งตัวไม่แมทกับสาวๆทั้งหลายที่แต่งตัวกันมาสวย
ถกติดตามศูนย์วันสต๊อปเซอร์วิส
ต่อมาเวลา 11.10น.นายกฯได้ประชุมติดตามสถานการณ์การส่งออกและพื้นที่ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ที่ด่านศุลกากรจังหวัดนครพนม สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ต.อาจสามารถ อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม
ในช่วงหนึ่งกรมธนารักษ์พื้นที่จ.นครพนมได้รายงานปัญหาการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษนครพนม ซึ่งเมื่อปี 2562 กระทรวงคมนาคมได้เสนอโครงการก่อสร้างรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด มุกดาหาร-นครพนม ซึ่งแนวเส้นทางรถไฟจะพาดผ่านที่ราชพัสดุบางส่วน โดยกรมธนารักษ์ยังได้จัดทำสัญญาเช่าพิเศษกับบริษัทเจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) อัตราค่าเช่าปีละ11ล้านบาทเศษ โดยเมื่อปี2564บริษัทดังกล่าวยังไม่ได้เข้าดำเนินการพัฒนาเนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19โดยบริษัทได้จ่ายค่าเช่าแค่ในช่วงปีแรก ส่วนปีที่2-4ยังไม่ได้มีการดำเนินการซึ่งกรมธนารักษ์ก็ได้มีการเร่งรัดไปพร้อมกำหนดระยะเวลาผ่อนชำระค่าเช่าที่ยังคงค้างอยู่ รวมถึงค่าธรรมเนียม ที่ยกเว้นให้ในช่วง 5 ปีแรก รวมจำนวน 187 ล้านบาท
จวกเอกชนทำสัญญาเช่าพื้นที่รถไฟ
โดยนายกฯได้กล่าวว่า เงิน 11ล้านบาทที่ค้างกันอยู่ เราก็เห็นว่า โควิด-19หมดไปเกือบ 2 ปีแล้ว ซึ่งก็เป็นปัญหาใหญ่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นการที่นักธุรกิจลงมาในพื้นที่และจับจองสิทธิแต่ไม่สามารถเพิ่มศักยภาพ และพัฒนาพื้นที่ให้ได้ประโยชน์สูงสุดได้ก็เป็นการจำกัดความเจริญเติบโตของท้องถิ่น ถ้าถามตนในฐานะเจ้ากระทรวงเงินไม่ต้องจ่ายค่าเช่า ตนก็ไม่ว่า แต่ขอให้เกิดการลงทุน1,700ล้านบาท มีโรงงาน 20ถึง 30 โรงงาน มีการส่งออก และนำเข้าอย่างมากมายหลากหลาย ตนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ได้แต่พูดว่ามีเขตเศรษฐกิจพิเศษ แต่ไม่มีการลงทุนเกิดขึ้น ปัญหาของประเทศชาติ คือขาดการลงทุน ถ้ามีการลงทุนเศรษฐกิจก็ดี
ลั่นถ้าทำไม่ได้ยกเลิกหาคนใหม่
“ถ้าถาม ผมก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมายแต่ถ้าถามว่าธงคืออะไร ผมว่าอยากให้ยกเลิกไปแล้ว หาคนอื่นมาทำแทน เอาคนที่มีศักยภาพ ทำงานให้กับท้องถิ่นจริงๆมาบูรณาการร่วมกันกับกระทรวง กรมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาหรือนักลงทุนท้องถิ่น ควบคู่ไปกับหาแหล่งเงินทุนต่างๆ ต้องยอมรับความจริงว่าถ้าทำไม่ได้ก็ยกเลิกไป แล้วหาคนใหม่เข้ามารวมถึงหากบูรณาการกับกระทรวงต่างๆแล้วมันไม่เกิดขึ้นก็ไปหาทางทำอย่างอื่นดีกว่า”นายกฯ กล่าว
ย้ำสันติภาพอยู่ร่วมด้วยความแตกต่าง
จากนั้น นายกฯรับฟังรายงาน โครงการศูนย์การขนส่งชายแดน จ.นครพนมและรับฟังรายงานความคืบหน้าโครงการก่อสร้างถนนสายเชื่อมศูนย์ซ่อมอากาศยาน-ศูนย์การค้าส่งชายแดนบริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่สาม-ถนนเชื่อมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข212อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม รวมถึงรับฟังข้อเสนอแนะจากสภาอุตสาหกรรมจังหวัด
นายกฯย้ำว่าอยากให้ทุกท่านใส่ใจและระลึกถึงประวัติศาสตร์ที่มายาวนาน เรามีความเจริญได้ทุกวันนี้ เพราะอะไรเพราะว่าสันติสุข ปัญหาสันติภาพต่างๆ คนไทยเรา ถือว่าเป็นของตายไปแล้ว เรื่องนี้ถ้าไม่มีสันติภาพ การค้าการลงทุนก็ไม่เกิดขึ้น อย่างที่กรมธนารักษ์รายงานก็เป็นปัญหาในสังคมไทยที่รับไปแล้วก็ไม่ทำกัน ตนอยากเตือนสติด้วยแล้วกัน ถ้าเกิดสร้างมาแล้ว ต้องมีปริมาณค้าขายตามมาด้วย ทั้งนี้ เรื่องของกรมธนารักษ์ เรื่องค่าเช่าเล็กมาก แต่สิ่งสำคัญ คือ การลงทุนในพื้นที่ ต้องทำให้ค่าเช่ามีความหมาย อยากให้มีการเก็บภาษีแวตมากกว่าเก็บเป็นค่าเช่า เพราะรวดเร็วและถูกต้องกว่า
“อยากให้ตอกย้ำสันติภาพ หรือ สงครามในสมัยก่อน ขณะที่สงครามในปัจจุบัน ก็เป็นอีกชนิดหนึ่ง เรื่องสันติภาพ การอยู่ร่วมกันด้วยความแตกต่าง ไม่อย่างนั้น การค้า การลงทุนก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ผมไม่อยากให้การลงพื้นที่เป็นการจุดพลุแล้วหายไป”นายกฯย้ำทิ้งท้าย
นายกฯเปิดงานนมัสการพระธาตุพนม
ช่วงบ่าย นายกฯหารือแผนการพัฒนาแก้ไขปัญหาของจังหวัดนครพนมโดยจะได้พิจารณายกระดับเมืองรองเป็นเมืองหลัก Medical & Wellness Hubซึ่งมหาชัยนครพนม มีหลักสูตรการเรียนการสอนที่รองรับสังคมผู้สูงอายุและยกระดับการเป็นเมืองแห่งการศึกษาของลุ่มน้ำโขง
จากนั้นเวลา 15.00น.นายกฯไปเป็นประธานพิธีงาน นมัสการพระธาตุพนมวรมหาวิหารที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารและพบปะประชาชน ก่อนช่วงเย็น นายกฯเดินทางไปที่ตลาดเทศบาลนครสกลนคร ตำบลดงมะไฟ อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร เพื่อพบปะประชาชนชาวสกลนคร
ปชป.กระทุ้งเร่งแจก1หมื่นดิจิทัล
ด้าน นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)กล่าวถึงโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต10,000บาทที่เป็นนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลว่าขอฝากเรื่องนี้ให้ถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯจากการติดตามการประชุมคณะกรรมการพิจารณาเงินดิจิทัลฯเป็นที่น่าผิดหวังว่า รัฐบาลกลับมานับหนึ่งใหม่ในการเริ่มต้น โครงการเงินดิจิทัล ความจริงแล้วตนติดตามการทำงานของรัฐบาลและนายกฯว่าเมื่อไรสิ่งที่ให้คำมั่นสัญญากับประชาชนไว้จะทำให้ได้เสียที รอในงบประมาณปี 67ก็ไม่มีก็ต้องรอในร่างงบฯปี 68อีก เตือนสติ’เศรษฐา’อย่าสมองกลับ
นายชัยชนะระบุว่าแต่จากคำแนะนำของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)บอกว่าไม่ควรใช้เงินกู้ ควรใช้เงินในร่างงบประมาณ ก็อยากบอกนายกฯว่าอย่าเป็นคนที่มีบุคลิกกลับไปกลับมา ท่านจำได้หรือไม่ว่า 9เดือนที่ผ่านมา สิ่งที่ท่านให้คำมั่นสัญญากับประชาชนไว้ว่าจะแจกเงินให้กับพี่น้องประชาชนทุกคน คนละ10,000บาท และจะไม่กู้เงินแต่วันนี้เหมือนนายกฯมีมันสมองกลับ ที่กลับไปกลับมา พูดจำหน้าไม่ได้ เสมือนคนเป็นอัลไซเมอร์
“ขอใช้เสียงนี้ไปถึงนายกฯให้เร่งรีบทำเรื่องที่รับปากและให้คำมั่นสัญญากับประชาชนผู้ที่สร้างนายกฯขึ้นมา ขอเตือนนายกฯว่าสิ่งไหนที่ผิดต่อระเบียบกฎหมาย สิ่งไหนที่ไม่ถูกต้อง ขอให้นายกฯ อย่ากระทำ จงกระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน” รองหน้าหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ย้ำ
มอบเพลง“รอจนพอ”ปลอบใจ
พร้อมกล่าวอีกว่าสิ่งที่น่าเสียใจที่สุดวันนี้ คือ 6 เดือนที่ผ่านมา ที่เรามีรัฐบาล แต่เศรษฐกิจของประเทศไทย ไม่มีความกระเตื้องคืบหน้าขึ้นเลย เป็นสิ่งที่น่าผิดหวัง ที่ประชาชนรอคอยว่า รัฐบาลใหม่น่าจะมีเศรษฐกิจดีขึ้น ปากท้องของพี่น้องประชาชนน่าจะดีขึ้น ท้ายที่สุดกลับไม่ดีขึ้นเลย ตนจึงขอมอบเพลง “รอจนพอ” ของนักร้อง จิรศักดิ์ ปานพุ่ม ให้พี่น้องประชาชนคนไทยที่มีเนื้อหาว่า “ใจหนึ่งบอกให้รัก ใจหนึ่งบอกให้รอ ฉันก็ยังจะรอรอรอต่อไป เจ็บมาตั้งกี่ครั้ง ยังไม่จำใส่ใจ เขานั้นรักเราไหมก็ยังไม่รู้เลย”
ป.ป.ช.ชื่นชมรบ.ฟังข้อท้วงติงดิจิทัล
ขณะที่ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาข้อท้วงติงของป.ป.ช.ในการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า อาจไม่ใช่การถอย แต่เป็นการพิจารณาข้อเสนอป.ป.ช.ที่มีความเห็นหลากหลาย ควรมีการศึกษาให้รอบคอบก่อนขับเคลื่อนต่อไป เป็นเรื่องดีทั้งรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาข้อเสนอแนะของป.ป.ช.ให้รอบคอบ ถือเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลรับฟังข้อเสนอแนะ
“วันนี้เรื่องผ่าน ป.ป.ช.ไปแล้ว อยู่ที่ฝ่ายบริหารต้องไปพิจารณา ดีใจที่นายกฯรับฟังข้อเสนอแนะป.ป.ช. แสดงว่าไม่ได้ทำอะไรผลีผลาม ไม่รีบทำโดยไม่สนใจฟังเสียงให้ข้อแนะนำ เป็นการขับเคลื่อนแบบมีความรอบคอบ เป็นเรื่องดีขอชื่นชม”นายนิวัติไชย ย้ำ
ยันปปช.ไม่ได้ทำเกินอำนาจหน้าที่
เลขาธิการ ป.ป.ช.ยืนยันว่า ข้อแนะนำของ ป.ป.ช.ไม่ได้ทำเกินอำนาจหน้าที่ เพราะมีบทบัญญัติมาตรา32 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราบการทุจริต ให้อำนาจ ป.ป.ช.ให้ข้อเสนอแนะต่อครม.ได้ ส่วนที่บอกโครงการยังไม่ได้เดินหน้า เหตุใดให้ข้อเสนอแนะนั้น หากโครงการเดินหน้าไปแล้ว แล้วให้ป.ป.ช.ให้ข้อเสนอแนะ จะไม่สายไปหรือ อาจมีการกระทำผิดเกิดขึ้นแล้ว จึงต้องให้ข้อเสนอแนะไปก่อน เหมือนป้องกันไว้ก่อนดีกว่าแก้ไข
โต้นายกฯข้องใจนิยาม“กลุ่มเปราะบาง”
ส่วนกรณีที่นายกฯตั้งข้อสังเกตข้อเสนอป.ป.ช.ที่แนะนำให้แจกเงินเฉพาะกลุ่มเปราะบาง จึงอยากทราบว่า ต้องมีรายได้แค่ไหน จึงเรียกว่ากลุ่มเปราะบาง นายนิวัติไชย ตอบว่า เป็นหน้าที่ฝ่ายบริหารต้องไปพิจารณาจะให้กลุ่มใดบ้าง มีเหตุผลอะไรบ้าง รัฐบาลอาจจะคิดให้เพิ่มขึ้นมานอกจากกลุ่มเปราะบางก็ต้องดูเหตุผล แต่ความจริงแล้วคำว่า กลุ่มเปราะบาง อยู่ในหลักเกณฑ์ของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)อยู่แล้วว่าคือ กลุ่มยากจน คือ ใครบ้าง มีฐานข้อมูลอยู่ สิ่งที่ ป.ป.ช.พูดไม่ได้มโน เป็นฐานข้อมูลที่หน่วยงานส่งมาให้ป.ป.ช. เช่นสิทธิโครงการคนละครึ่งมีใครบ้าง หรือดูจากการเสียภาษีก็จะรู้ว่า ใครมีรายได้อย่างไรบ้าง ถือเป็นหลักทางวิชาการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี