ย้อนดูความสัมพันธ์"ฮุน เซน’เยือนไทยเยี่ยม‘ทักษิณ’ สะท้อนความสัมพันธ์แน่นแฟ้น 2 อดีตผู้นำ หรือจะมีอะไรในก่อไผ่???
ยังคงมีเรื่องให้ติดตามกันอย่างต่อเนื่องสำหรับ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ต้องโทษจำคุก 8 ปี แต่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ลดเหลือจำคุก 1 ปี และเพิ่งได้รับการพักโทษไปเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ตั้งฉายาให้เป็น “นักโทษเทวดา” เพราะนับตั้งแต่กลับมาเหยียบแผ่นดินไทยเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2566 ก็ไม่เคย “นอนคุก” อยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว เพราะได้รับอนุญาตให้พักอยู่ ณ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ตราบจนกระทั่งได้รับการพักโทษด้วยเหตุเข้าเกณฑ์เป็นผู้ต้องขังวัยชรา อายุ 70 ปีขึ้นไปและมีโรคประจำตัว
ล่าสุดเพียง 2 วันหลังจากอดีตนายกฯ ทักษิณ ได้รับการพักโทษ ออกจาก รพ.ตำรวจ กลับสู่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ไปอยู่กับครอบครัวหลังจากไม่ได้อยู่ด้วยกันจริงๆ จังๆ มานานนับสิบปี นับตั้งแต่หลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ ก็มีรายงานว่า “เพื่อนรัก” อย่าง “ฮุน เซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ปัจจุบันถ่ายโอนอำนาจให้กับ ฮุน มาเนด บุตรชายไปแล้ว จะเดินทางมาประเทศไทยในวันที่ 21 ก.พ. 2567 เพื่อเยี่ยมทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้า โดยเดินทางถึงไทยในเวลา 10.30 น. และจะตรงเข้าเยี่ยมอดีตนายกฯ ทักษิณทันที ก่อนเดินทางกลับในเวลาประมาณ 14.00 น.
ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวก็ไม่ใช่ “เรื่องน่าประหลาดใจ” เพราะหากติดตามการเมืองมาอย่างต่อเนื่องในช่วงสิบกว่าปีล่าสุด จะพบว่า “ทักษิณ-ฮุน เซน” มีความสัมพันธ์ที่ “แน่นแฟ้น” กันมาก โดยในช่วง 15 ปี ที่ทักษิณหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ มีรายงานการเดินทางไปเยือนกัมพูชา ในช่วงที่ ฮุน เซน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อยู่หลายครั้ง ไล่ตั้งแต่ ในเดือน พ.ย. 2552 รัฐบาลกัมพูชา ประกาศตั้งทักษิณ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ และมีการเผยแพร่วีดีโอเทปที่ ฮุน เซน พูดถึงเรื่องนี้ โดยมีทักษิณนั่งอยู่ด้านข้าง ซึ่ง ฮุน เซน ประกาศจะไม่ส่งตัวทักษิณให้ทางการไทย โดยอ้างว่า ทักษิณเป็น “นักโทษการเมือง” ได้รับผลกระทบจากการรัฐประหาร
เดือน ก.ย. 2554 ทักษิณเดินทางเยือนกรุงพนมเปญของกัมพูชา โดยมี ซก อาน รองนายกฯ กัมพูชา (ในขณะนั้น) ให้การต้อนรับ ขณะที่ ฮุน เซน เปิดเผยว่า การเยือนกัมพูชาของทักษิณ จะมีการพบกันที่พระราชวังสันติภาพ ซึ่งเป็นทำเนียบรัฐบาลของกัมพูชา โดยทักษิณได้รับเชิญให้บรรยายในหัวข้อ “อนาคตทางเศรษฐกิจในเอเชีย” รวมถึงมีการออกรอบตีกอล์ฟร่วมกันระหว่างทักษิณกับฮุน เซนด้วย แต่ยืนยันว่าไม่มีการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลของทั้ง 2 ชาติในบริเวณอ่าวไทย ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวคาดว่ามีทรัพยากรสำคัญอย่างน้ำมันอยู่
เดือน เม.ย. 2555 ทักษิณเดินทางเยือนกัมพูชา ไปพบ “คนเสื้อแดง” แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อันเป็นกลุ่มมวลชนที่เป็น “แฟนคลับ” ของทักษิณ โดยมีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ณ เมืองเสียมเรียบ มีกลุ่มคนเสื้อแดงจากประเทศไทยเดินทางข้ามพรมแดนไปรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก แถมมีไฮไลท์สำคัญด้วยการร้องเพลง “Let it Be” หรือแปลแบบไทยๆ ว่า “ช่างแ_งมัน” ซิงเกิลดังของวงร็อกในตำนานอย่าง “เดอะบีเทิลส์” อีกต่างหาก
และล่าสุดในเดือน ส.ค. 2566 ในช่วงต้นเดือนดังกล่าว หรือก่อนหน้าที่ ทักษิณ จะเดินทางกลับประเทศไทยเพียงไม่กี่วัน ทักษิณ พร้อมด้วย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวและอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศเช่นกัน เดินทางเยือนกัมพูชา ร่วมงานวันเกิดอายุ 71 ปีของ ฮุน เซน สื่อท้องถิ่นของกัมพูชาเผยภาพบรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่น
แต่ก็นั่นแหละ ในมิติทางการเมือง ก็ต้องติดตามกันดูว่าการที่ ฮุน เซน ซึ่งขณะนี้เป็นอดีตนายกฯ ไม่ต่างกับทักษิณ เดินทางมาเยือน จะมีการหารืออะไรหรือไม่? เพราะรัฐบาลปัจจุบันภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย มีแนวคิด“รื้อฟื้น” การเจราจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา ขึ้นมาอีกครั้ง ดังที่นายกฯ ไทยคนปัจจุบัน เศรษฐา ทวีสิน เปิดเผยเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2567 ในการปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “จุดเปลี่ยนพลังงานไทยสู่ความยั่งยืน” ว่าจะเจรจากับกัมพูชาดึงขุมทรัพย์ทับซ้อนใต้ทะเลมาใช้ให้เร็วที่สุด แต่ต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้
หรืออาจเป็นเพียงการพบปะของ “เกลอเก่า” เพียงเท่านั้น ไม่มีอะไรในกอไผ่ก็ได้!!!
ขอบคุณภาพจาก The Phnom Penh Post
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี