‘อุ๊งอิ๊ง’โทรคุย‘ยิ่งลักษณ์’หลังศาลยกฟ้อง
‘อาปู’อยากกลับบ้าน
แต่ยังไม่พูดคุยแผนกลับไทย
‘ภูมิธรรม’ให้รีบกลับคนเฝ้ารอ
‘ทวี’เผยยังไม่ยื่นขออภัยโทษ
‘สว.สมชาย’ฉะกลับมาติดคุกก่อน
“ทวี สอดส่อง” เปิดทาง“ยิ่งลักษณ์” กลับประเทศไทยขออภัยโทษเป็นรายบุคคล ผ่านกระทรวงยุติธรรม ขณะที่“ภูมิธรรม” พร้อมต้อนรับบอกแฟนคลับรอเต็มบ้านเต็มเมือง ด้านสว.สมชาย ดักคอโทษจำคุก 5 ปียังค้างอยู่จะเลียนแบบแม้วไม่ได้เพราะอายุไม่ถึ3 60 ทั้งยังลั่นล้าที่สิงคโปร์หากอ้างป่วยขอไปนอนชั้น14 เกิดวิกฤตแน่ ด้านเทพไท เชื่อกลับแน่หลัง 22 สิงหาคมฟันธง ไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว อิ๊ง” แย้ม “ทักษิณ”เล็งบินเชียงใหม่ที่แรก ไหว้พี่สาว-บรรพบุรุษ แต่ยังไม่เคาะวัน
จากกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาคดี อม.2/2565 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 6ราย ในคดีจัดจ้างโครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2020ว่า เป็นการเอื้อประโยชน์โดยมิชอบ โดยศาลได้มีมติเอกฉันท์ 9ต่อ0 ยกฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์และจำเลยทั้งหมด พร้อมถอนหมายจับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่หลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 5มีนาคม2567 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า สำหรับกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตนขอเรียนว่า ยังไม่มีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษรายบุคคล และเมื่อถามว่าในครั้งที่แล้วมีเพียงนายทักษิณ ชินวัตร รายเดียวใช่หรือไม่ที่ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษรายบุคคล พ.ต.อ.ทวี แจงว่า การขออภัยโทษรายบุคคล สามารถดำเนินการโดยตรงได้เลย แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะต้องมีการส่งเรื่องมาที่กระทรวงยุติธรรม แต่ยืนยันว่า ณ ตอนนี้ตนยังไม่ได้รับเรื่องดังกล่าว
กวักมือเรียก”ปู”ยื่นขออภัยโทษ
อย่างไรก็ตาม การขอพระราชทานอภัย โทษรายบุคคลก่อนหน้านี้ เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลที่แล้ว ดำเนินการโดยนายวิษณุ เครืองาม ตามที่นายวิษณุได้ออกมาให้สัมภาษณ์ ทั้งนี้ หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินกลับมายังประเทศไทย และประสงค์ขอพระราชทานอภัยโทษรายบุคคล ก็สามารถยื่นเรื่องโดยตรงกับกระทรวงยุติธรรมได้ แต่ในกรณีอื่นๆ กรมราชทัณฑ์ก็จะมีการส่งเรื่องมาให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาอยู่แล้วเป็นปกติ พ.ต.อ.ทวี ปฏิเสธการตอบคำถามถึงกระบวนการการรับตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ หากภายในปีนี้ (67) เจ้าตัวจะเดินทางกลับเข้าประเทศไทย โดยให้เหตุผลว่า ส่วนใหญ่ตนจะไม่ตอบคำถามสมมติ
ยึดตามระเบียบราชฑัณฑ์
เมื่อถามถึงประเด็นที่ถ้าหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางกลับประเทศไทยเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อาจจะเป็นเหมือนทักษิณโมเดลหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่าเราไม่ได้ติดตามในเรื่องนี้ เพราะกรมราชทัณฑ์มีกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตาม ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย นอกจากนี้ สำหรับความคืบหน้าในเรื่องของการจัดทำระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 หรือระเบียบคุมขังนอกเรือนจำฯ ล่าสุดตนได้รับรายงานว่าคณะทำงานยังคงมีการประชุมกันอย่างต่อเนื่องเพื่อดูในส่วนของรายละเอียดให้ครบถ้วนรอบด้านว่าจะมีผู้ต้องขังรายคดีใดบ้างที่มีเกณฑ์ได้รับการพิจารณาให้คุมขังยังสถานที่อื่นที่มิใช่เรือนจำฯ และจะต้องมีกิจวัตรประจำวันอย่างไรบ้าง ซึ่งอาจจะใช้เวลาสักระยะเพื่อจัดทำระเบียบให้เหมาะสมกับผู้ต้องราชทัณฑ์ทุกราย เพราะตนยังยืนยันว่าระเบียบดังกล่าวที่ประกาศลงนามไม่ได้มีไว้เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง
“ภูมิธรรม”ให้กำลังใจยิ่งลักษณ์
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยกฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีโรดโชว์ ว่า ต้องขอแสดงความยินดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นี่เป็นผลของความตั้งใจจริงและทำงาน ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์สู้คดีมาตลอด และสู้คดีจนสามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า เรื่องนี้มีคนเกี่ยวพันกัน และความจริงมันเป็นเรื่องการของออกไปเคลื่อนไหวทำนิทรรศการ เพื่อเรียกร้องให้คนเข้าใจและเผยแพร่นโยบายของรัฐบาลเพื่อในอนาคตปี2020 การดำเนินการตรงนี้มีกระบวนการที่ถูกต้อง ซึ่งความตั้งใจของคนที่ตั้งคำถามเราก็ต้องไปเคลียร์
ฉะนั้นอยากให้ตรวจสอบได้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา แต่ต้องให้กำลังใจและให้โอกาสคนที่ทำงานด้วย ไม่เช่นนั้นถ้าไม่กล้าทำอะไรเลย ปัญหาจะไม่สามารถแก้ได้ แต่ถ้ากล้าทำงานก็อาจทำให้เจอปัญหาแบบนี้ ซึ่งผู้ทำนโยบาย เราพยายามทำทุกอย่างให้รัดกุม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เราต้องกล้าคิด กล้าทำ ไม่อย่างนั้นปัญหาจะแก้ไม่ได้ ถ้ามัวแต่กลัวทั้งหมดปัญหาจะยิ่งสะสมมากขึ้น แต่เมื่อเราเริ่มทำงานและเริ่มมีข้อกล่าวหา หน้าที่เราคือ ต้องพิสูจน์ความจริง จึงอยากให้ประชาชนได้เข้าใจว่า เรื่องเหล่านี้ต้องดำเนินการให้เกิดความเข้าใจเพื่อไม่ให้ผู้ปฏิบัติงานเสียกำลังใจและขาดกำลังใจ ไม่เช่นนั้นประเทศจะมีปัญหา
เชื่อเรื่องของ”ยิ่งลักษณ์”เบาลงแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ เสร็จสิ้นแล้ว สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตอบแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ว่า จะกลับมาประเทศไทยหรือจะยังอยู่ต่างประเทศต่อ เพราะลูกชายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังศึกษาอยู่ที่อังกฤษ ก็แล้วแต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่คิดว่าปัญหา น.ส.ยิ่งลักษณ์เบาที่สุด เพราะเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเรื่องจำนำข้าว ซึ่งต้องรอการพิสูจน์อีกหลายอย่าง และไม่ใช่เรื่องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ทุจริต แต่เป็นเรื่องที่โดนกฎหมายอาญามาตรา 157 เรื่องนี้มันพูดยากว่ามันแค่ไหน แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับการตัดสินบางส่วนจากศาลไปแล้วว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร ฉะนั้นต้องให้กำลังใจท่าน เพราะถ้าเกิดแบบนี้ขึ้นเรื่อยๆ คนจะไม่มีกำลังใจทำงาน ความจริงที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เพื่ออนาคต 2020 เป็นเรื่องดีมาก เป็นการบอกให้คนไทยคิดไปให้ไกล เป็นการเอาสิ่งที่ตัวเองคิดไปให้ประชาชนได้รับรู้ โดยมีสื่อมาช่วย ถ้าผิดทีหลังคนก็ไม่กล้าทำอะไรเลย
“ขอให้กำลังใจนายกฯยิ่งลักษณ์ และอยากให้กลับ ถ้ากลับมาได้ก็จะเป็นเรื่องดี เพราะแฟนคลับ ประชาชนที่เคยเห็นผลงานของท่าน ก็อยากให้กลับมาโดยเร็ว ผมเองก็รอต้อนรับท่านอย่างเต็มที่เหมือนกันในฐานะอดีตนายกฯ ซึ่งเป็นที่เคารพรักของทุกคน และเป็นที่รักของผมด้วย”นายภูมิธรรม กล่าว
ต้องคืนความเป็นธรรมให้”ปู”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องเตรียมชี้แจงกับประชาชนกลุ่มหนึ่ง เหมือนกับกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า มาแบบไหนไม่มีใครทราบ เพราะมันเป็นเรื่องของคดี จะเอา น.ส.ยิ่งลักษณ์มาเปรียบเทียบกับกรณีนายทักษิณ ไม่ได้ มันคนละคดีกัน กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์หลายคดีจบไปแล้ว ซึ่งจะจัดการอย่างไรก็ยังเป็นปัญหา คดีแพ่งจบไปแล้ว แต่บ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกยึดไปแล้ว จะทำอย่างไรดี ฉะนั้น ต้องเข้าใจประเด็นนี้ ต้องคืนความเป็นธรรมให้กับท่าน
อย่าอคติมากจนเกินไป
เมื่อถามว่า การที่อดีตนายกฯทั้ง 2คน กลับมาอยู่ในประเทศไทย จะส่งผลดีต่อสถานการณ์ทางการเมืองอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า มันไม่น่าจะเกี่ยวกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องของการคืนความเป็นธรรมให้คน ถ้าคนไม่ผิดเราจะมาตั้งเงื่อนไขทางการเมืองมันก็ไม่ถูก เพราะอยู่ดีๆ จะมาบอกห้ามอย่างนั้นอย่างนี้ มันเป็นสิทธิพลเมือง เรามีหน้าที่ เราสามารถอยู่ได้ในถิ่นฐาน เป็นคนละเรื่องกับการเมือง ที่ผ่านมามีการเรียกร้องให้พิสูจน์ ท่านก็พิสูจน์แล้ว เมื่อคดีจบ ไม่มีความผิดอะไร เป็นเรื่องของความเข้าใจผิด แล้วจะไม่ให้โอกาสท่านได้กลับประเทศ แล้วมาตั้งคำถามว่ากลับมาแล้วจะมีผลทางการเมืองได้อย่างไร มันไม่ใช่จุดเริ่มต้นที่ถูกต้อง ต้องเริ่มต้นที่ว่าท่านได้รับความยุติธรรมหรือไม่ ผิดจริงหรือไม่ เมื่อท่านไม่ผิด ไม่ได้รับความยุติธรรม ก็ต้องคืนความยุติธรรมให้กับท่าน แล้วยังจะมาตั้งคำถามแบบนี้อีกหรือ ตนว่าอคติมากไปหน่อยหรือไม่ ถ้าตั้งคำถามแบบนี้ตนว่าแย่เหมือนกัน แบบนี้คนจะอยู่ประเทศนี้ยาก
กลับมาต้องเข้าคุกก่อน
นายสมชาย แสวงการ สว.ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาจจะได้กลับประเทศ ตามรอย นายทักษิณ ชินวัตร ว่า ปัญหาคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังมีคดีที่ศาลตัดสินจำคุก 5ปี ประเด็นคือจะใช้เกณฑ์ไหน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งตนเห็นด้วยกับนักโทษที่หลบหนีคดีแล้วศาลตัดสิน โดยเฉพาะส่วนใหญ่ที่เป็นนักการเมืองทึ่เกี่ยวกับคดีทุจริต เมื่อจะกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตามที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินแล้ว ก็กลับมาได้
นายสมชาย กล่าวต่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นคนไทย ก็สามารถกลับเข้าประเทศได้ตลอดเวลา เพียงแต่เมื่อกลับเข้ามาแล้ว ก็ต้องยอมรับกระบวนการยุติธรรม ศาลจำตัดสินจำคุก 5 ปี ก็ต้องรับโทษ เว้นแต่จะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ซึ่งตนคิดว่า การเกณฑ์เรื่องการพักโทษ ก็ยังมีข้อสงสัยและข้อครหา ที่กำลังตรวจสอบกันอยู่ เกี่ยวกับการพักโทษของนายทักษิณ ว่าถูกต้องตามระเบียบหรือไม่
“ยิ่งลักษณ์”ยังไม่เข้าเกณฑ์อายุ70ปี
“เกณฑ์อายุ 70ปีนั้น นายทักษิณ เข้าเกณฑ์แน่นอน แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ อายุยังไม่ถึง 60 ปีเลย และการพักโทษก็ต้องรวมถึงการเป็นโรคเรื้อรังที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วย ซึ่งจะมีข้อคำถามว่า การประเมินนั้น จะอยู่ในเกณฑ์หรือไม่ หากดูจากการที่นางสาวยิ่งลักษณ์อยู่นอกประเทศ ก็ยังแข็งแรงอยู่ เหมือนกับนายทักษิณชกมวยอยู่นอกประเทศ วันก่อนยังเห็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปชิมอาหารอยู่สิงคโปร์ ยังร่าเริงอยู่ ก็ยังถือว่าไม่เข้าเงื่อนไขการขอพักโทษเลย ดังนั้น หากน.ส.ยิ่งลักษณ์จะกลับประเทศ ก็ต้องทำใจไว้ในการเข้ารับโทษในเรือนจำ”นายสมชาย กล่าว
หากยอมเข้าคุกเชื่อสังคมรับได้
นายสมชาย กล่าวต่อว่า คิดว่าคนไทยเห็นแล้วว่า กระบวนการท้ายน้ำของระบบยุติธรรมขอกรมราชทัณฑ์มีปัญหา เพราะฉะนั้น ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าประเทศมาแล้ว ไม่รับกระบวนการยุติธรรม แต่ทำซ้ำ ไปอยู่ชั้น 14 โดยอ้างว่าป่วย เพื่อที่จะพักโทษอีก ผมคิดว่าวิกฤติศรัทธา กระบวนการยุติธรรมจะเยอะขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตนสนับสนุนให้น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางกลับประเทศ แต่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนเมื่อเข้าเรือนจำแล้ว จะทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษ เพื่อลดโทษ หรืออะไรก็ตาม จะเข้าเรือนจำแล้วอยู่กี่เดือนกี่วัน เลื่อนจากนักโทษชั้นกลาง เป็นชั้นดี ชั้นเยี่ยม ชั้นดีเยี่ยม แล้วได้รับพระราชทานอภัยโทษ ในปีถัดๆ ไป ตนคิดว่า ก็เหมือนนักโทษทั่วๆ ไปกว่า 210,000 คน ที่ยังค้างอยู่ในเรือนจำ คิดว่าสังคมรับได้ แต่ถ้ามาวิธีพิเศษเหาะเหินเดินอากาศ เชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมก็จะวิกฤตซ้ำ
อย่าสร้างเงื่อนไขให้มากเกินไป
เมื่อถามว่าอ่านเกมแล้ว คิดว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะกลับประเทศหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ไม่รู้ แต่มีคนพยายามจะสร้างเงื่อนไขศรีธนญชัยทางกฎหมาย ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ข้อกฎหมาย ปัญหาอยู่ที่เราเลือกใช้ วิธีลอดช่องกฏหมาย ซึ่งวันหน้าคนที่เอื้ออำนวยน่าจะได้รับผลทางกฎหมาย โดยเมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา กมธ.ฯ ได้เชิญตัวแทนจากคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้าชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องการตรวจสอบกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ เพราะฉะนั้น ตนคิดว่าเรื่องนี้ จะมีผลในวันหน้า ต่อการประพฤติปฏิบัติมิชอบของฝ่ายข้าราชการ ซึ่งจะเป็นบทเรียนให้กับข้าราชการ เพราะคนที่ได้รับประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นนายทักษิณหรือน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในอนาคตหากกลับประเทศ เขาคงไม่มารับผิดชอบต่อข้าราชการประจำ ดังนั้น ข้าราชการประจำก็ต้องรับไป
‘อิ๊ง’แย้ม‘ทักษิณ’เล็งบินไปเชียงใหม่
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค ให้สัมภาษณ์ถึงอาการป่วยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ภายหลังได้รับการพักโทษว่า นายทักษิณอาการดีขึ้น มีความสุข ขณะนี้ทางครอบครัวได้พาหลานๆเข้าพบ ถามว่า นายทักษิณ มีกำหนดการเดินทางไปไหนหรือยัง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ยังไม่มีแพลนที่ชัดเจน เพียงแต่พูดเฉยๆว่า อยากไปไหนบ้าง ส่วนที่มีข่าวว่าจะไป จ.เชียงใหม่ในส่วนกลางเดือนมีนาคมนั้น ยังไม่ได้ยืนยัน เพียงแต่พูดว่า อยากไป จ.เชียงใหม่ ที่เป็นบ้านเกิดนานแล้ว ขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยว่า จะลงพื้นที่ในรูปแบบใด เพียงแต่พูดว่ าอยากไปไหว้บรรพบุรุษ และระหว่างที่นายทักษิณอยู่ต่างประเทศ พี่สาวได้เสียชีวิต ซึ่งยังไม่เคยได้ไปไหว้ ซึ่งก็ได้พูดไว้ แต่ยังไม่กำหนดเวลา
ส่วนที่จะให้ ส.ส.พรรค พท.เข้าพบ นายทักษิณ นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดวัน ซึ่งวันที่ 4กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตนได้รับประทานอาหารกับ ส.ส.พรรคพท.ก็ระบุว่า อยากให้มาเจอ รอ นายทักษิณ กำหนดก่อนว่า จะไปไหน แน่นอนว่า ตนอยากให้พบ ส.ส.พรรคพท.ในลำดับต้นๆอยู่แล้ว ส่วนจะเป็นที่ทำการพรรคพท.เลยหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่กำหนดสถานที่
เยือนกัมพูชาในนามหัวหน้าพรรคพท.
น.ส.แพทองธารยังให้สัมภาษณ์ถึงกำหนดการเดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชา เพื่อพบสมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า มีแพลนว่าจะเดินทางไปวันที่ 18-19 มี.ค.นี้ แต่แพลนโดยละเอียดยังไม่ได้ลง เพราะต้องแพลนร่วมกับทางประเทศกัมพูชาด้วย ซึ่งขณะนี้ยังไม่กำหนดหัวข้อที่จะมีการพูดคุยกัน แต่ใกล้ถึงเวลาที่จะเดินทางไปจะมีการเปิดเผยอีกครั้งว่าจะมีการพูดกันเรื่องอะไรบ้าง เมื่อถามกรณีที่มีการวิเคราะห์ว่าการเดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชาครั้งนี้ เพราะเป็นเรื่องอำนาจทางการเมืองแทนนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ไม่ต้องแทน หากถึงเวลาที่นายทักษิณจะไป ท่านก็ไปเองได้ แต่ขณะนี้ตนเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฉะนั้น จึงไปในฐานะหัวหน้าพรรค ไม่ใช่ในนามของนายทักษิณ เมื่อถามย้ำว่า การไปเยือนกัมพูชาไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหารในรัฐบาลใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ครั้งนี้ตนไปในนามพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม ย้ำว่ารายละเอียดที่จะพูดคุยกันนั้น เรายังไม่ได้ตกลงกัน เนื่องจากต้องดูว่าจะสามารถพูดคุยกันได้ประมาณไหน แต่เรื่องส่วนตัวต้องไม่คุยแน่นอน เพราะเราเดินทางไปในนามของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เราจะต้องเตรียมเรื่องงานไปด้วย
เยือนกัมพูชาในนามหัวหน้าพรรคพท.
น.ส.แพทองธาร ยังให้สัมภาษณ์ถึงกำหนดการเดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชา เพื่อพบสมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า มีแพลนจะเดินทางไปวันที่ 18-19มี.ค.นี้ ขณะนี้ยังไม่กำหนดหัวข้อที่จะมีการพูดคุยกัน แต่ใกล้ถึงเวลาที่จะเดินทางไปจะมีการเปิดเผยอีกครั้งว่า จะพูดกันเรื่องอะไรบ้าง เมื่อถามกรณีที่มีการวิเคราะห์ว่าการเดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชาครั้งนี้ เพราะเป็นเรื่องอำนาจทางการเมืองแทนนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ไม่ต้องแทน หากถึงเวลาที่นายทักษิณจะไป ท่านก็ไปเองได้ แต่ขณะนี้ตนเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฉะนั้น จึงไปในฐานะหัวหน้าพรรค รายละเอียดที่จะพูดคุยกันนั้น เรายังไม่ได้ตกลงกัน เนื่องจากต้องดูว่าจะสามารถพูดคุยกันได้ประมาณไหน แต่เรื่องส่วนตัวต้องไม่คุยแน่นอน เพราะเราเดินทางไปในนามของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เราจะต้องเตรียมเรื่องงานไปด้วย
‘ยิ่งลักษณ์’บอกจะกลับมาเลี้ยงหลาน
เมื่อถามถึงกรณีที่ศาลฎีกายกฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้มีการพูดคุยกันแล้วหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกันทันที โดยพูดคุยกันแบบคนในครอบครัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ บอกว่า หากได้กลับจริงๆก็จะช่วยเลี้ยงหลาน ตนก็ตอบไปว่า ได้เลย แต่กังวลว่าของเล่นที่คุณยายปูจะซื้อให้หลานจะเยอะเท่านั้น เพราะเวลาไปหาคุณยายปูจะซื้อของให้เยอะมาก เวลากลับมาหลานก็จะมีความสุข เราพูดกันแค่นี้ ไม่มีอะไรจริงจัง ทั้งนี้ ตนดีใจและสงสาร น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ต้องเสียเวลาไป รวมถึงสงสารประเทศไทยที่ต้องเสียโอกาส ไม่เช่นนั้นคงมีอะไรดีขึ้นมากมาย หากน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ
ไม่กำหนดวันกลับ-ไม่มีการวางแผน
เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มีกำหนดการกลับประเทศแล้วหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนเห็นแหล่งข่าวหลายที่บอกว่ามีแพลนกลับบ้านแล้ว ตอนนี้ยืนยันว่ายังไม่มี บางที่ระบุวันที่ ตนก็ยืนยันว่าไม่มีการพูดคุยเรื่องวันที่ แต่ในเรื่องของความหวังเราพูดกันอยู่แล้วและพูดทุกปี บ้านเราต้องมีความหวัง ตั้งแต่สมัยคุณพ่อ 17 ปีที่คุณพ่ออยู่เมืองนอกก็พูดทุกปีว่าจะกลับบ้าน เช่นเดียวกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ เราต้องให้ความหวังซึ่งกันและกัน เมื่อถามว่ามีนักวิชาการวิเคราะห์ว่าหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์จะกลับประเทศไทย จะใช้โมเดลเดียวกับนายทักษิณ ที่เดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อนขอพักโทษ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “ยังไม่มีการพูดคุยกันในรายละเอียด และเป็นคนละคนกัน คงเหมือนกันไม่ได้”เมื่อถามว่าแม้ยังไม่กำหนดวันแต่ทางทีมทนายได้ดูแนวทางเอาไว้บ้างหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มี ไม่มั่นใจว่าเรื่องต่างๆเคลียร์หมดแล้วหรือยัง แต่หวังว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะได้กลับบ้าน เพราะถึงอย่างไรก็ไม่สบายเหมือนอยู่บ้าน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี