‘นายกฯ’ประกาศ
ขจัดอคติทางเพศ
วันสตรีสากลปี’67
รบ.พยายามเต็มที่
“นายกฯ”ประกาศขจัดอคติทางเพศเนื่องในวันสตรีสากล ปี’67 ก้าวข้ามสู่สังคมที่เคารพในความเป็นมนุษย์ซึ่งกันและกัน ลั่นรัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ ผลักดันกฎหมาย-นโยบาย “แพทองธาร” พร้อมตัวแทนผู้หญิงพรรคเพื่อไทยร่วมเวทีUNESCAP วันสตรีสากล 2567ยืนยันผลักดันผู้หญิงในสนามการเมือง มุ่งทำนโยบายลดอุปสรรคทางเพศ ปชป. เดินหน้าต่อต้านความรุนแรงทุกรูปแบบ เสริมพลังสตรี เสนอรบ.ปรับวิธีคิดทั้งระบบ เร่งสร้างสังคมเอื้อต่อการมีลูก
เมื่อเวลา12.07 น.วันที่ 8 มีนาคม 2567นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้ทวีตข้อความผ่าน X เนื่องใน‘วันสตรีสากล’ประจำปี 2567ว่า เสริมพลังสตรีและเด็กหญิง ขจัดความยากจน สู่ความเท่าเทียมระหว่างเพศ บนพื้นฐานครอบครัวที่อบอุ่น เนื่องในวันสตรีสากล ตนขอแสดงความเคารพต่อประวัติศาสตร์การต่อสู้ของผู้หญิง ที่เริ่มต้นจากการเรียกร้องค่าแรงและชั่วโมงการทำงานที่เป็นธรรม มาสู่การเรียกร้องสิทธิในการออกเสียงเลือกตั้ง จนมาถึงการเรียกร้องสิทธิในเรื่องที่ซับซ้อนขึ้น เช่น สิทธิเหนือร่างกาย สิทธิในการยุติการตั้งครรภ์ ไปถึงสิทธิในเรื่องการใช้คำนำหน้าชื่อ
สำหรับตนสิทธิสตรีคือสิทธิมนุษยชน ผมอยากให้เราก้าวข้ามและร่วมกันขจัดอคติทางเพศ มองเห็นทุกคนในฐานะมนุษย์มากกว่ามองเห็นความเป็นผู้หญิงหรือความเป็นผู้ชาย ในฐานะนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ตนจะพยายามอย่างเต็มที่ ในการผลักดันทุกมาตรการ และนโยบายเพื่อขจัดอคติทางเพศ ทั้งในมิติกฎหมายและมิติวัฒนธรรม เพราะนี่คืออุปสรรคของผู้หญิงและเด็กหญิงในการเข้าถึงโอกาสทั้งในเรื่องการศึกษา การประกอบอาชีพ ไปจนถึงการปกป้องตัวเองจากความรุนแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจอันเกิดจากคติของสังคมชายเป็นใหญ่ เพื่อสร้างสังคมที่ทุกคนมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียม
“ก้าวข้ามอคติทางเพศ เดินไปสู่สังคมที่เคารพในความเป็นมนุษย์ของกันและกัน บนฐานของครอบครัวที่อบอุ่นร่วมกัน empower ผู้หญิงและเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์การต่อสู้ของผู้หญิงด้วยกัน” นายกฯ ระบุย้ำ
วันเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ร่วมเวทีแสดงวิสัยทัศน์เนื่องในวันสตรีสากล 8 มีนาคม 2567 ณ UNESCAP องค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย พร้อมด้วยตัวแทนผู้หญิงจากพรรคเพื่อไทย ได้แก่ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร สส.ขอนแก่น และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย และ น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
น.ส.แพทองธาร ยืนยันว่าผู้หญิงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ เรามีผู้นำหญิงมากมายทั้งในภาครัฐและเอกชน แม้ผู้หญิงจะมีบทบาทในการขับเคลื่อนประเทศ และประเทศไทยเคยมีนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้หญิงมาแล้ว แต่การผลักดันผู้หญิงให้เข้ามามีส่วนร่วมในแวดวงการเมืองยังเป็นเรื่องสำคัญของประเทศไทย ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาอัตราส่วนของ สส.หญิง มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากอดีต แต่ก็ยังถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานของสภาทั่วโลก โดยพรรคเพื่อไทยถือเป็นพรรคการเมืองที่มีสัดส่วนนักการเมืองผู้หญิงมากที่สุดในประเทศไทย
พร้อมย้ำว่า ที่ผ่านมาการทำงานของพรรคเพื่อไทย เปิดพื้นที่ให้ผู้หญิงได้มีส่วนร่วมทางการเมืองให้มากขึ้น โดยให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนวิธีคิดที่สังคมมีต่อผู้หญิง (empowerment) ให้โอกาสผู้หญิง และผลักดันนโยบายเพื่อลดอุปสรรคทางเพศ และพรรคเพื่อไทยไม่ได้ผลักดันเพียงเพศใดเพศหนึ่ง แต่คำนึงถึงความสามารถ ความเป็นไปได้ และความพร้อมของบุคลากรเป็นหลัก โดยไม่ได้มีข้อจำกัดทางเพศ
“พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล เราเชื่อว่า เศรษฐกิจที่ดี ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ทำให้ทุกเพศทุกคนเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ จะเป็นการแก้ปัญหาเรื่องความเท่าเทียมในระยะยาวได้มากที่สุด เพราะการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจเป็นอำนาจที่สำคัญที่สุด” น.ส.แพทองธารกล่าว
ปชป.ต่อต้านความรุนแรงทุกรูปแบบ
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นางสาวรัชดา ธนาดิเรก ที่ปรึกษานายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงจุดยืนและการทำงานของพรรคด้านผู้หญิง เนื่องใน วันสตรีสากล ว่าพรรคให้ความสำคัญอย่างมากเสมอมา เพราะผู้หญิงเป็นพลังหลักในการขับเคลื่อนประเทศ เมื่อผู้หญิงเข้มแข็ง สังคมก็จะเข้มแข็ง แต่ด้วยยังมีปัญหาและอุปสรรค ทั้งที่เป็นประเด็นเรื้อรังและปัญหาใหม่ที่รอช้าไม่ได้ ในโอกาสวันสตรีสากล พรรคจึงขอเน้นย้ำจุดยืนและสิ่งที่จะดำเนินการจากนี้ไป ประกอบด้วย 3 ประเด็นหลัก คือ 1. ร่วมมือทุกภาคส่วนสร้างความเท่าเทียมระหว่างเพศ ขจัดการเลือกปฏิบัติ 2.ต่อต้านการกระทำความรุนแรงในทุกรูปแบบ และ 3. ส่งเสริมการสร้างพลังหญิงในการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยพรรคฯ สนับสนุนการแก้กฎหมายคุ้มครองแรงงาน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและส่งเสริมโอกาสแรงงานหญิงอย่างแท้จริง จะมีการพิจารณายกร่างพระราชบัญญัติขจัดการเลือกปฏิบัติต่อบุคคล ที่จะครอบคลุมดูแลกลุ่มเปราะบางทุกลุ่มในประเทศ และในส่วนของการติดตามตรวจสอบการทำงานและจัดสรรงบประมาณภาครัฐ พรรคจะเน้นในเรื่องการใช้งบประมาณให้สอดคล้องกับเพศสภาพ และโครงสร้างประชากรที่วันนี้มีผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 1.6 ล้านคน และเด็กเกิดน้อยมาก นโยบายรัฐจึงต้องยกเครื่องทั้งองคาพยพ สร้างสังคมที่เอื้อต่อการมีลูก ทั้งก่อนการตั้งครรภ์ สวัสดิการเด็กถ้วนหน้า สถานรับเลี้ยงเด็ก โอกาสในการก้าวหน้าในการทำงานของแม่ เป็นต้น และนี่คือแนวทางการทำงานของพรรค
โดยหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้การทำงานด้านนี้เป็นไปอย่างมีส่วนร่วมระหว่างพรรค ภาคประชาสังคม และประชาชน แม้พรรคประชาธิปัตย์จะมี สส.ไม่มากในสภา แต่เรามีเครือข่ายภาคประชาสังคมที่ทำงานด้วยกันมานาน ถือเป็นกำลังสำคัญทำให้คนของพรรคสามารถนำประเด็นไปขับเคลื่อนต่อ ทั้งด้านกฎหมาย และการแก้ปัญหาในพื้นที่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องการต่อต้านความรุนแรงที่ทุกวันนี้อยู่ในพื้นที่ข่าวทุกวันน.ส.รัชดา กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ อาสาเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างการรับรู้และทัศนคติที่ถูกต้องเรื่องการขจัดความรุนแรงทุกรูปแบบ หัวหน้าพรรคได้มอบหมายให้น.ส.สุภาภรณ์ กำเนิดผล สส.สงขลาไปดำเนินโครงการนำร่อง“ชาวสงขลาต่อต้านความรุนแรง” เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องว่าทุกคนสามารถมีส่วนในการป้องกันความรุนแรงในรูปแบบต่างได้อย่างไร เมื่อมีเหตุเกิด สมาชิกในชุมชนควรทำอย่างไร จะทำร่วมกับมูลนิธิเพื่อนหญิง และบุคลากรของพรรค เช่น นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และนางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ กรรมการบริหารพรรค ร่วมเป็นคณะทำงานที่จะขยายผลในพื้นที่อื่นต่อไป
กลุ่มแรงงานหญิง’เรียกร้อง6ข้อ
ที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล สะพานชมัยมรุเชฐ กลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง พร้อมเครือข่ายสตรี นัดรวมตัวยื่นหนังสือ เนื่องในวันสตรีสากล เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลปกป้องคุ้มครองไม่ให้ผู้หญิง เด็ก บุคคลในครอบครัว และบุคคลหลากหลายทางเพศ ถูกกระทำรุนแรงหรือปฏิบัติไม่เป็นธรรม 6 ข้อ ประกอบด้วย
1.ให้รัฐบาลต้องรับประกันสิทธิลาคลอด 180 วัน โดยได้รับค่าจ้างตลอดการลา และจัดวันหยุดให้คู่ชีวิตทุกเพศลาเพื่อเลี้ยงลูกได้อย่างน้อย 30 วัน รวมถึงจัดให้มีสวัสดิการแม่และเด็กอย่างเหมาะสมถ้วนหน้า 2. รัฐบาลและกระทรวงแรงงานต้องทำหน้าที่เป็น “หลักประกัน” สิทธิแรงงานของแรงงานหญิงและแรงงาน ทุกเพศ ด้วยการกำกับดูแลอย่างเข้มงวดให้นายจ้างปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด 3. ยกเลิกนโยบาย กฎหมาย ธรรมเนียม ที่เลือกปฏิบัติต่อสตรีและผู้มีความหลากหลายทางเพศ เช่น การตรวจครรภ์ก่อนเข้าทำงาน, การตีตราผู้ต้องการยุติการตั้งครรภ์เป็นคนบาปหรืออาชญากร, การตีตราผู้ขายบริการทางเพศ
5. รัฐบาลและนายจ้างต้องเพิ่มสิทธิลาเมื่อมีประจำเดือน อย่างน้อยเดือนละ 2 วัน และเพิ่มวันลารับบริการอนามัยเจริญพันธุ์ทุกประเภท เช่น การยุติการตั้งครรภ์ การคุมกำเนิด การตรวจครรภ์การฝากครรภ์ และการข้ามเพศและ 6. รัฐบาลและนายจ้างต้องอุดหนุนงบประมาณการแจกจ่ายผ้าอนามัยฟรี ขยายบริการยุติการตั้ง ครรภ์ที่ปลอดภัยและบริการอนามัยเจริญพันธุ์อื่นๆ และจัดให้มีห้องน้ำสาธารณะที่ถูก สุขลักษณะสำหรับแรงงานสตรี และแรงงานทุกเพศที่ทำงานบนท้องถนน
ทั้งนี้ เรียกร้องให้รัฐบาลประกาศให้การอยู่ การยุติความรุนแรงทางเพศ เพศสภาพ เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายตามหลักสิทธิพื้นฐานมนุษยชน
ด้าน น.ส.ติมาพร เจริญสุข ตัวแทนกลุ่มสหภาพแรงงานสตรีระบุว่าก่อนหน้านี้พ.ร.บ.เรื่องลาคลอด ถูกบรรจุเข้าไปในสภาแล้ว ทำให้กลุ่มแรงงานมีหวัง ซึ่งไม่หวังที่จะได้วันหยุดถึง 180 วัน แต่ขอให้เป็นจุดเริ่มต้น ที่ไม่ใช่แค่ 98 วัน เพราะไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงดูบุตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี