‘ทักษิณ’ร่ายยาวกลับเชียงใหม่มีความสุข
ตามใจ‘อิ๊ง’เล่นการเมือง
อ้างยังเจ็บหลัง/กล้ามเนื้อสะดุ้ง
เดินสายไหว้พระจัดเสริมบารมี
คปท.จี้กรมคุกแถลงป่วยทิพย์
ร้องปปช.ฟันขรก.แห่รับนักโทษ
“ทักษิณ”รับคอเสื่อม กล้ามเนื้อสะดุ้ง เจ็บหลัง ยังต้องสวมเฝือกดูแลสุขภาพ เยือนเชียงใหม่วันที่สอง ระรื่นไหว้พระทำบุญเสริมบารมี-โชว์วิชั่นแก้ปัญหาฝุ่น/ภัยแล้งยืนยันกำลังใจยังดี ที่ได้อยู่กับลูกหลาน คปท.จับผิดป่วยทิพย์จี้กรมคุก-แพทย์รพ.ตำรวจ ออกมาแถลงรับผิดชอบ ด้าน “สนธิญา” เล็งรวบรวมรายชื่อขรก.คนดอดรับ “ทักษิณ” ให้ ป.ป.ช.ฟันจริยธรรม ด้าน “บิ๊กทิน” ชี้ “ทักษิณ” ไม่ได้มีอิทธิพลเหนือ “รัฐบาลเศรษฐา”
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภารกิจวันที่สองของนายทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี ที่จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากที่พักค้างคืนที่บ้านกรีนวัลเลย์ อำเภอแม่ริม วันเดียวกันนี้ โดยวันนี้นายทักษิณได้สวมเสื้อเชิ๊ตสีขาว สวมหน้ากากอนามัย และยังคงสวมเฝือกอ่อนที่คอ และมีพยาบาลยืนประกบเช่นเดิม เดินทางมาพร้อมกับลูกและหลานๆประกอบด้วย นายพานทองแท้ นางสาวพินทองทา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พร้อมครอบครัว ได้เดินทางสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้นอกจากครอบครัวชินวัตรแล้วก็ยัง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ร่วมเดินทางมาด้วย
สักการะครูบาศรีวิชัย
เริ่มจากเวลาเวลา 08.28 น. ที่อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ถนนห้วยแก้ว นายทักษิณเข้าสักการะครูบาศรีวิชัย เพื่อความเป็นศิริมงคล ในการเดินทางกลับเชียงใหม่ในรอบ 17 ปี โดยมี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายก อบจ.เชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.เชียงใหม่ และพล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รองผบ.ตร. รวมถึงคนเสื้อแดงถือป้าย “อีสาน รักมั่นไม่เปลี่ยนแปลง” และคนในพื้นที่ รอให้การต้อนรับ โดยทันทีที่นายทักษิณ มาถึงได้กล่าวทักทายคนเสื้อแดงที่มารอให้การต้อนรับ โดยเอ่ยชื่อทักทายอย่างเป็นกันเอง พร้อมกันนี้มีพระสงฆ์ในพื้นที่มอบพระรอดลำพูนให้แก่ นายทักษิณ และให้พรว่า “ขอให้อายุมั่นขวัญยืน อยู่รอดปลอดภัย และอยู่ไปนานๆ ไม่แก่ไม่เฒ่า“ นอกจากนี้ยังมีบรรดาแฟนคลับกล่าวกับนายทักษิณ ว่า ”ท่านยังเหมือนเดิม“ นายทักษิณ ตอบกลับว่า ”75 ปีแล้ว“
จากนั้น นายอรรถพล ได้นำแผนการพัฒนาพื้นที่ดอยสุเทพ มาเล่าให้นายทักษิณฟัง โดยนายทักษิณ ได้สอบถามเรื่องแหล่งน้ำธรรมชาติว่าจะสามารถนำน้ำมาใช้ได้จากไหน นอกจากนี้นายทักษิณ ยังได้กล่าวชื่นชมนายอรรถพล อธิบดีกรมอุทยานฯ ว่า “อธิบดี ดีนะ ผมดูในข่าวอยู่ตลอด“
เยือนวัดพระธาตุดอยสุเทพ
จากนั้นเวลา 09.00 น .นายทักษิณ พร้อมครอบครัว เดินทางขึ้นไปยังวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด 10 จุด โดยเริ่มที่สักการะท้าวเวสสุวรรณ ก่อนทำพิธีบวงสรวงพระธาตุ รวมทั้งได้ทำพิธีห่มผ้าพระธาตุ
โดยจังหวะหนึ่งระหว่างเดินห่มผ้าพระธาตุนายทักษิณได้หันไปบอกนางสาวแพรทองธาร ว่ามีอาการเจ็บหลัง ทำให้พยาบาลและคณะทำงานต้องรีบเตรียมเฝือกอ่อน สำหรับ อุปกรณ์พยุงหลังหรือ เฝือกดามหลังทันที
แต่อย่างไรก็ตามนายทักษิณยังคงมีอารมณ์ดีใจ โดยช่วงหนึ่งกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “วันเกิดของผมคือปางพระนอนแต่ไม่ค่อยได้นอนทำแต่งาน และเมื่อสักครู่เดินขึ้นมาช่วงหนึ่งรู้เลยว่าเข้าสู่วัยสาวแล้ว สาวราวบันได“
จากนั้น อดีตนายกรัฐมนตรี ประกอบพิธีพิธีเปิดกรวยถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อนกราบพระประธานในพระอุโบสถ ซึ่งจุดนี้เห็นได้ชัดเจนว่านายทักษิณมีอาการบาดเจ็บที่หลังมากขึ้น โดยพยาบาลได้นำเฝือกอ่อนมาดามที่หลัง ซึ่งในจุดนี้นายทักษิณ ไม่สามารถนั่งกราบพระได้จนน.ส.แพรทองธารต้องเข้ามาพยุง
ทั้งนี้ ที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาด้วยเนื่องจากมีภารกิจลงพื้นที่มาติดตามการแก้ปัญหากรรมสิทธิ์ที่ดินของวัดตั้งแต่เมื่อวานนี้
กองเชียร์รอที่ตลาดวโรรส
เวลา 10.33 น. นายทักษิณ เดินทางถึงตลาดวโรรสได้มีกลุ่มแฟนคลับรอให้การต้อนรับบริเวณหน้าตลาดจำนวนมาก เมื่อมาถึงบรรดาแฟนคลับได้กรูกันเข้าไป เพื่อมอบดอกไม้ และถ่ายรูปเป็นที่ระลึกร่วมกับนายทักษิณ จึงทำให้เกิดเหตุชุลมุนเล็กน้อย เพราะทุกคนอยากถ่ายรูปกับนายทักษิณ ซึ่งเมื่อใครได้ถ่ายรูปและจับมือแล้ว ก็นำรูปมาโชว์และพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
จากนั้นนายทักษิณ และครอบครัว เดินเข้ามายังตลาดวโรรส และได้แวะร้านหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นร้านดั้งเดิมและที่นายทักษิณเคยมา ซื้อหนังสือพิมพ์ตั้งแต่ก่อนเป็นนายกฯ โดยพบกับ นางอรุณศรี พวงพฤกษา หรือป้าศรี อายุ 83 ปี โดย นางอรุณศรี ถึงกับน้ำตารื้น พร้อมกับสวมกอดกัน ก่อนที่นางอรุณศรี จะระบุว่า รู้จักกันมา 64 ปี ตั้งแต่นายทักษิณอายุ 16 ปี ตอนนั้นนางอรุณศรีอายุ 23 ปี เคยไปเที่ยวสิงคโปร์ด้วยกัน ร่วมทัวร์กับนักเรียนมงฟอร์ต และไม่เคยจะคิดหักหลังนายทักษิณ แม้แต่ครั้งเดียว
ลั่นสงกรานต์จะมาอีกรอบ
ด้าน นายทักษิณ ระบุว่า“ไม่เจอกับป้าศรีมา15ปี ครั้งสุดท้ายไปพบกันที่ฮ่องกง รักและเคารพป้าศรีอย่างมาก“ พร้อมกับสอบถามสุขภาพนางอรุณศรี ก่อนระบุว่าสงกรานต์จะมาอีกรอบ
ขณะที่ นางอรุณศรีได้หยิบหนังสือมติชนรายสัปดาห์ หน้าปกรูปนายทักษิณ เขียนว่า ”ปิ๊กบ้านเปิ้น อะหยังรออยู่“ พร้อมโชว์ให้ผู้สื่อข่าวดู และระบุว่า ช่วงที่ไม่อยู่ประเทศไทย จะนำรูปต่างๆทั้งรูปเก่าและรูปใหม่มาดูให้หายคิดถึง บางทีดูไปก็ร้องไห้ไป ก่อนที่ป้าศรีจะมอบน้ำผึ้งและพวงมาลัยให้นายทักษิณ จากนั้นนายทักษิณ ได้เรียกลูกๆมาสวัสดีป้าศรี
“เรารักทักษิณ”ดังกระหึ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีประชาชนมอบพวงมาลัยดอกไม้ ให้นายทักษิณ และระบุว่าอยากให้น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯคนต่อไป อย่างไรก็ตาม ตลอดทางที่เดินเข้าไปภายในตลาดวโรรสบรรดาแม่ค้าและประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอยภายในตลาดต่างดีใจ และตะโกนว่า “เรารักทักษิณ” ดังเป็นระยะๆ โดยนายทักษิณได้เดินทักทายบรรดาแม่ค้าที่เคยรู้จักกันอย่างอารมณ์ดี
กินข้าวซอยเสมอใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเวลา 11.10 น. ภายหลังจากเดินตลาดวโรรส นายทักษิณ พร้อมด้วย ครอบครัว เดินทางมารับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้านข้าวซอยเสมอใจ ตำบลฟ้าฮ่าม อำเภอเมือง จังหวัดเชียงเชียงใหม่ ซึ่งเป็นร้านที่ นายทักษิณมักมาประจำ และถือว่าได้กลับมาอีกครั้งในรอบ17 ปี
เมื่อมาถึง ทางร้านได้นำ ช่อดอกกุหลาบสีแดงและพวงมาลัยดอกมะลิ มามอบให้นายทักษิณ ขณะเดียวกันยังมีชาวบ้านในพื้นที่มารอต้อนรับอีกด้วย ก่อนที่นายทักษิณ จะเดินเข้าไปภายในร้าน เพื่อนั่งโต๊ะที่จองไว้จำนวน 40 ที่ สำหรับครอบครัวชินวัตร ระหว่างนั้น นางเพ็ญ พินิจอักษร อายุ67 ปี ซึ่งเดินทางมาจาก จ.ศรีสะเกษ ได้นำหนังสือรูปปกนายทักษิณคู่กับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเสื้อยืด มาให้นายทักษิณเซ็น และกล่าวกับทีมข่าวด้วยน้ำตาคลอว่า ตนตั้งใจมาวันนี้เพื่อที่จะรอพบกับนายทักษิณโดยเฉพาะ ที่ผ่านมาภาวนาทุกคืนเพื่อให้นายใหญ่กลับประเทศ และก็อยากให้นายทักษิณได้ไปเยี่ยมที่ศรีสะเกษบ้าง วันนี้ดีใจมาก และ พี่น้องชาวอีสานอีสานใต้ก็ฝากความคิดถึงมาให้กับนายทักษิณ
จากนั้นนายทักษิณ ได้นั่ง รับประทานอาหารร่วมกันกับครอบครัว โดยทางร้านได้เตรียมเมนูไว้หลายอย่าง แต่เมนูที่นายทักษิณชื่นชอบมากที่สุด ก็คือข้าวซอยเนื้อ หมูสะเต๊ะ และไส้อั่ว ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนลุกขึ้น และเดินไปถ่ายรูปกับ ผู้จัดการร้าน ซึ่งมี ฉากหลังเป็นรูปของนายทักษิณในอดีตที่เคย มารับประทานข้าวซอยที่ร้านแห่งนี้ เมื่อ 17 ปีที่แล้ว ติดอยู่ที่ฝาผนังของร้าน
ข้าวซอยอร่อยเหมือนเดิม
ก่อนจะเดินออกมา ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นอย่างไรบ้างข้าวซอยยังคงอร่อยเหมือนเดิมหรือไม่ นายทักษิณ ยิ้มและตอบว่า “เหมือนเดิม” ขณะเดียวกันได้มี ชาวบ้านเดินเข้ามา บอกกับนายทักษิณว่าเมื่อ 18 ปีที่แล้วตนได้เจอกับนายทักษิณที่ร้านแห่งนี้ ก่อนจะมอบพระเครื่อง ใส่มือให้นายทักษิณ
ขณะที่บริเวณหน้าร้านได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งนำโดยนายนิยม นพรัตน์ หรือ “เค สามถุยส์” มารอทักทายนายทักษิณ ก่อนจะร่วมถ่ายรูปด้วยกัน จากนั้นนายทักษิณและครอบครัว ได้ขึ้นรถขับออกไป
‘แม้ว’ร่ายยาวกำลังใจดี
เมื่อเวลา12.30 น.ที่อ่างเก็บน้ำห้วยแม่ออน อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ นายทักษิณ พร้อมครอบครัวและคนในตระกูลชินวัตร มาไหว้สุสานฝังศพของนายเลิศ ชินวัตร และนางยินดี ชินวัตร บิดาและมารดาของนายทักษิณที่ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาด้านทิศตะวันตกติดกับอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ออน
ระหว่างที่รอฤกษ์ไหว้บรรพบุรุษในเวลา 13.00 น. นายทักษิณได้ให้สัมภาษณ์อย่างไม่เป็นทางการถึงการมาไหว้ว่า ตนมีความรู้สึกที่ดีกับพ่อแม่ ตนไม่เคยมาเลย เพราะอยู่ต่างประเทศ จากนี้ต่อไปก็จะมาทุกปีแน่นอน
เมื่อถามว่า วันนี้ลูกหลานมากันครบทำให้มีความสุขหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ผลสุดท้ายความสุขอยู่ที่ครอบครัว คนทุกคนถ้าเข้าใจโลก ก็จะ Happinees is at home (ความสุขอยู่ที่บ้าน) ที่อื่นอาจจะเป็นสิ่งสมมุติ แต่สิ่งที่แน่นอนคือ Happinees is at home
เมื่อถามว่า ประชาชนที่มาเจอบอกว่าหน้าตาสดชื่นแจ่มใส นายทักษิณ กล่าวว่า “ผมมีกำลังใจดี แต่ไม่ใช่ใจบันดาลแรง” ก่อนที่ผู้สื่อข่าวจะแซวว่าเป็นคำพูดของคนอื่น ซึ่งนายทักษิณยิ้ม พร้อมหัวเราะ ก็พูดสั้นๆว่า “แหม่”
บอกอาการกล้ามเนื้อสะดุ้ง
เมื่อถามว่า ตอนไหว้วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร มีอาการเจ็บหลัง ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง นายทักษิณ กล่าวว่า กล้ามเนื้อมันสะดุ้ง ซึ่งเป็นมาก่อนแล้ว หากขยับผิดจังหวะก็จะมีอาการ เมื่อคืนก็มีอาการนิดหน่อยแต่ไม่ได้ไปไหน เมื่อเช้าขยับเยอะกล้ามเนื้อก็เลยสะดุ้ง แต่ตนใส่แต่ที่คาดเอวไม่ได้ใส่เข็มขัดนะ เพราะไม่ได้ชกมวย ซึ่งตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว ส่วนที่ใส่เฝือกอ่อนที่คอก็เป็นไปตามอายุ มันเสื่อมก็ต้องคอยดูไว้ เพราะไม่อย่างนั้นจะกดเส้นประสาท ซึ่งสามารถถอดๆใส่ๆได้แล้วแต่อาการ
เมื่อถามว่า มาจ.เชียงใหม่ได้กินอาหารที่ชอบแล้วหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนกินทุกอย่าง ตอนอยู่ต่างประเทศก็ได้กิน แต่รสชาติไม่เหมือนที่นี้ เพราะต้องแช่แข็งไป อย่างก๋วยเตี๋ยวเนื้อก็ต้องไปกินที่ไม่มีแอร์ กินไปด้วยเหงื่อออกไปด้วยทำให้อร่อย
อยู่รพ.ตำรวจใจมันห่อเหี่ยว
เมื่อถามว่า ไปเดินตลาดวโรรสมีคนต้อนรับเยอะ นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ดีใจที่เขายังไม่ลืมคนเฒ่าคนหนึ่ง เมื่อถามว่า มีคนทักว่าหน้าไม่แก่เลย นายทักษิณ กล่าวว่า “ก็เพราะผมมาอยู่กับครอบครัว จิตใจก็อิ่ม ไม่เหมือนตอนที่อยู่โรงพยาบาลตำรวจ ที่จิตใจมันห่อเหี่ยวนิดหน่อย วัยผมเป็นวัยรักลูกหลงหลาน”
เมื่อถามว่า คิดถึงอะไรที่สุดใน จ.เชียงใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ภาพรวมทั้งหมดที่เราเคยเติบโตมา ซึ่งก็ได้เล่าให้ลูกๆฟังตามประสาคนแก่ว่า ตอนตนเด็กๆ อายุ 12-13 ปี ไม่รู้จะเล่นอะไร เพราะไม่มีของเล่นก็ขี่จักรยานไปถ้ำเมืองออน สมัยก่อนเรียกว่าถ้ำขี้นก ถนนก็ยังไม่มีบางช่วงก็ต้องแบกจักรยานข้ามทุ่งนา ซื้อข้าวมาจากสันกำแพงมากินที่ถ้ำ เวลาจะลงก็ต้องใช้บันไดไม้
ยอมรับเจอกับ’เศรษฐาง
เมื่อถามว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาจ.เชียงใหม่วันนี้ จะได้พูดคุยกันหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ เป็นคนเชิญไปทานข้าว เมื่อถามว่า วันนี้จะเจอกัน 3 นายกฯเลยใช่ไหม นายทักษิณ กล่าวว่า “ผมเป็นอดีตนายกฯ คนอดีตก็มีหน้าที่ให้กำลังใจคนปัจจุบัน เขาถามอะไรถ้าเรามีความรู้เราก็ตอบ”
เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีความแข็งแกร่งมากในสนามการเมือง ในฐานะที่เป็นคนสนับสนุนมาตลอด รู้สึกอย่างไรบ้าง นายทักษิณ กล่าวว่า “ผมเป็นคนตามใจ ไม่บังคับลูก ตามใจตลอด เดี๋ยวนี้ก็ยังไม่เลิกตามใจ ฉะนั้นก็แล้วแต่ใจลูก” ทั้งระหว่างที่นายทักษิณ กล่าวชื่นชม น.ส.แพทองธาร ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ มีสีหน้ายิ้มแย้มด้วยความภาคภูมิใจ
แนะ 2 แนวทางแก้ฝุ่นพิษ
เมื่อถามว่า วันนี้จ.เชียงใหม่เปลี่ยนไปมากหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ก็มีการกระจายตัวของเมืองมากขึ้น แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือความแห้งแล้ง เพราะมีหญ้าเหลืองไปหมด อยากให้ย้อนกลับไปที่คนเดิมๆเขาทำกัน เช่น ฝ้ายแม้ว ซึ่งเป็นการกักน้ำแบบขั้นบันได เพื่อให้พื้นที่ชุ่มชื้น จะทำให้ภูเขาชุ่มชื้น ทำให้เขียวและมีน้ำ มันเป็นวัฏจักร อย่างที่ประเทศดูไบ เขาเป็นทะเลทราย ซึ่งเขาแข่งความร่ำรวยด้วยการว่า บ้านไหนมีต้นไม้เยอะ พอมันเขียวจะทำให้มีฝน เดี๋ยวนี้ดูไบมีฝนตกน้ำท่วม เขาไม่มีท่อระบายน้ำ เพราะเขาไม่เคยคิดว่าจะมีฝนตกอย่างนี้ แต่บ้านเรามีท่อระบายน้ำเยอะ แต่ไม่มีน้ำให้ระบาย ฉะนั้นเราต้องเพิ่มต้นไม้ เวลาเราเห็นความแห้งแล้งใจเราก็เหี่ยวตาม คนที่อยู่ในสภาพแห้งแล้งก็จะเหี่ยวตาม วันนี้ใจสำคัญที่สุด อาจจะเป็นเพราะตนแก่แล้วก็เลยพูดถึงใจบ่อย
เมื่อถามว่า สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในจ.เชียงใหม่ที่หนักขึ้นเรื่อยๆ นายทักษิณ กล่าวว่า ปัญหาวันนี้มี 2 ส่วน 1.ในประเทศ เกษตรกรเขามีต้นทุนสูง กำไรเขาน้อย พอหมดฤดูกาลแทนที่จะไปไถกลบ เขาไม่มีเครื่องมือก็เลยใช้วิธีเผา เพราะง่ายกว่า เขารู้ว่าการเผาไม่ดีแต่ไม่มีทางเลือก ซึ่งทางราชการก็ต้องเข้าไปดูว่าจะช่วยเขาไถกลบอย่างไร 2. จากต่างประเทศ เราไปปลูกข้าวโพดฝั่งเขาเยอะ นายกฯ ก็อยากจะมีมาตรการห้ามนำเข้าทั้งหมด จนกว่าเหตุการณ์จะดีขึ้นก็จะได้ไปปรับตัวกันเอง แต่หากยังเผากันอยู่อย่างนี้ก็ไม่จบ
เชื่อแม้วไม่หวนคืนการเมือง
นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ที่ จ.เชียงใหม่ จะเป็นการตอกย้ำกระแสข่าวนายกฯ 2 คนหรือไม่ ว่า ไม่หรอก ต้องยอมรับว่านายทักษิณ เป็นบุคคลสำคัญระดับโลก ไปไหนก็มีแต่คนให้ความสนใจ เป็นธรรมดา และปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีคนให้ความนิยมเยอะอยู่ มีประชาชนไปต้อนรับและชื่นชม ยืนยันว่าไม่มีนัยยะการเมืองส่วนการลงพื้นที่ไปดูโครงการต่างๆที่เคยทำ และให้คำแนะนำผู้ปฏิบัติ เหมือนเป็นนายกฯเองนายสุทิน กล่าวว่า ไม่หรอก ตนอยากให้มองในภาพของที่ปรึกษามากกว่า เมื่อเห็นโครงการอะไรก็อยากแนะนำ
เมื่อถามว่ามีการมองว่านายทักษิณ ลงพื้นที่เพื่อหยั่งกระแสความนิยมของตัวเองและพรรคเพื่อไทย (พท.) นายสุทิน กล่าวว่า กระแสของพรรคอาจจะใช่ แต่ถ้ากระแสส่วนตัวคงไม่ใช่ เพราะนายทักษิณไม่ประสงค์จะกลับมาทางการเมืองแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องหยั่งกระแส
เมื่อถามว่าในอนาคตนายทักษิณจะมีอิทธิพลต่อรัฐบาลนี้หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่ใช่มีอิทธิพล แต่มีบทบาทในเรื่องการให้คำแนะนำ และถ่ายทอดประสบการณ์มากกว่า เมื่อถามว่าส่วนตัวได้คิวเข้าพบนายทักษิณหรือยัง นายสุทิน กล่าวว่า ได้ขอเข้าพบแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่รีบ รอให้นายทักษิณโล่งๆ ก่อน
ร้องฟันขรก.แห่รับมือ
วันเดียวกัน นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนฯเผยว่าขณะนี้กำลังรวบรวมรายชื่อข้าราชการกรณี ที่ไปอธิบายหรือต้อนรับนายทักษิณ ไปในฐานะอะไร เพราะขณะนี้นายทักษิณยังคงสถานะเป็นนักโทษ และฝากไปถึง สส. ว่าการที่จะไปพบนายทักษิณนั้นต้องระวังในเรื่องของความผิดจริยธรรมร้ายแรง ดังนั้นในสัปดาห์หน้าตนจะรวบรวมรายชื่อทั้งหมดส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้พิจารณาวินิจฉัยว่าการที่ข้าราชการประจำ หรือ รมว.เกษตรฯ ที่ขนาดลางานการปฏิบัติหน้าที่เพื่อไปรอรับนายทักษิณ ตนขอถามว่าเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศ ประชาชน หรือผลประโยชน์ของใครเป็นที่ตั้ง
“เหตุการณ์ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ขึ้นอยู่กับกฎหมาย ว่าการกระทำเหล่านั้น เป็นการกระทำที่เหมาะสมหรือไม่ อย่างไร ผมเห็นว่าข้าราชการประจำหรือบุคคลต่างๆที่ไป ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งการเมือง หรือข้าราชการประจำ ไม่เหมาะสม และขอให้หยุดเสีย ครั้งหน้าหรือครั้งหลังขอให้หยุด เพราะถ้าไม่หยุดจะมีอีกหลายคนที่จะไปร้องพวกท่านต่อ ป.ป.ช. หรือหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง แล้วท่านจะเดือดร้อนเอง” นายสนธิญา กล่าว
ตอกย้ำทักษิณป่วยทิพย์
ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องการเดินทางไป จ.เชียงใหม่ ของนายทักษิณ ชินวัตรนั้น ตนเชื่อว่าทุกคนจะรู้ความจริงที่ปกปิดมาอย่างยาวนานในเรื่องของอาการป่วยของนายทักษิณที่เห็นสุขภาพร่างกายชัดเจนว่าไม่เป็นไปตามที่บุคคลในกระบวนการยุติธรรม รวมถึงรัฐมนตรี และคนของพรรคเพื่อไทยได้ออกมาชี้แจง แต่ทั้งหมดตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่สามารถหลอกประชาชนได้ รัฐบาลจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ขณะนี้คนในรัฐบาลคิดว่ามีอำนาจคิดจะทำอะไรก็ได้ แต่อำนาจที่ใช้อย่างอำเภอใจย่อมมีพิษภัยตามมาอย่างแน่นอน
นายราเมศ กล่าวต่อว่า เวลานี้ทุกคนสิ้นหวังหากจะพึ่งพาอำนาจจากหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของรัฐบาลในการตรวจสอบท้วงติง จึงต้องฝากความหวังไว้ที่องค์กรอิสระที่จะต้องเข้ามาช่วยกันตรวจสอบ ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะลำบากในเรื่องหลักการความถูกต้อง ขอเรียกร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ตรวจสอบ กระบวนการรับโทษของนายทักษิณทั้งกระบวนการ อย่างละเอียด อาการป่วยสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงในวันนี้หรือไม่ ที่ประชาชนมองออกว่าสภาพร่างกายไม่ถึงกับขนาดต้องอยู่โรงพยาบาลตำรวจตลอดจนถึงวันพักโทษ เรื่องนี้ ต้นทางเริ่มต้นผิดมาตลอด ประชาชนตั้งคำถามตลอดมา
นายราเมศ กล่าวว่า อีกทั้งคำสัมภาษณ์ของหน่วยงาน และคนในระบบทักษิณ ก็เป็นหลักฐานประกอบที่สำคัญด้วยเช่นกัน เรื่องนี้ทั้งหมดเป็นโรงละครที่แสดงตบตาประชาชน ระบบทักษิณกลับฟื้นคืนมาพร้อมกับความเสียหายของบ้านเมืองที่เริ่มมีให้เห็น ต้องรอดูตอนจบ สุดท้ายรอบนี้ระบบทักษิณจุดจบจะเป็นอย่างไร
จี้ราชทัณฑ์แถลงความจริง
ทางด้าน นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กถึงกรณีนายทักษิณ ซึ่งอยู่ระหว่างการพักโทษ เดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ ว่า กล้าหน่อย มาถึงขณะนี้ทักษิณ ชินวัตร เปิดตัวโชว์กันให้เห็นชัดๆว่าไม่ได้ป่วย ไม่มีเหนียมอายกันแล้ว เหลือแค่ ราชทัณฑ์และหมอจาก ร.พ.ตำรวจ และ รมต.ยุติธรรม นั่นละที่ยังหน้าด้านกันอยู่ ไหนๆก็ชัดขนาดนี้ พวกคุณแถลงความจริง พูดความจริงซักเลยได้ไหม แถลงมาเลยว่าทักษิณ ม่ได้ป่วยอะไร ขอความจริงซักเรื่องจาก ทวี สอดส่อง บ้างเถอะครับ
นายพิชิต ยังโพสต์อีกว่าเสื่อม คณะแพทย์ที่ร.พ.ตำรวจ น่าจะเป็นกลุ่มวิชาชีพที่เสื่อมที่สุดภายหลังทักษิณ โผล่ที่เชียงใหม่ คำวินิจฉัยทางการแพทย์ที่บอก ป่วยวิกฤต ป่วยหนัก ภาพวันนี้คงบอกอาการได้อย่างดีว่าป่วยหนักขนาดไหน เราคงต้องรีบไปลบภาพความจำที่เข็นเตียงออกมาโชว์ตอนครบ 90วันออกจากความจำทางการแพทย์ สำนึกความเป็นแพทย์ จรรยาบรรณความเป็นหมอคงอยู่ในขั้นวิกฤตแทน ทักษิณคนเดียวทำเสื่อมทุกวงการ
เย้ยนักโทษตรวจราชการ
ขณะที่ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ประเทศเดียวในโลก รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อธิบดี รอง ผบ.ตร. เข้าแถวรับนักโทษ ผมเห็นภาพคุณทักษิณเดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ มีการต้อนรับจากข้าราชการหลายระดับ หลายคน นับตั้งแต่ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ รมว.เกษตรและสหกรณ์ รมช.มหาดไทย ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมชลประทาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้การต้อนรับเหมือนกับผู้นำประเทศ หรือวีรบุรุษสงคราม หรือนักชกเหรียญทองโอลิมปิก หรือผู้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ หรือแขกบ้านแขกเมืองคนสำคัญ ฯลฯ
“ไม่แปลกใจหากจะมีคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดอย่างคุณสมชาย คุณเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีตนักการเมืองและอดีตข้าราชการ รวมถึงมวลชนคนเสื้อแดง ถือว่าเป็นเรื่องปกติของคนที่มีความเคารพนับถือ คนรักใคร่ชอบพอกัน แต่กรณีที่รัฐมนตรี ข้าราชการที่ตำแหน่งในกระทรวงทบวงกรม ใช้เวลาราชการไปต้อนรับและกล่าวบรรยายสรุป เรื่องภารกิจของหน่วยงาน เรื่องแหล่งน้ำ และมีการตัดริบบิ้นปล่อยปลา ปลูกต้นไม้ ฯลฯจึงทำให้สงสัยว่าไมต้องดูแลต้อนรับคุณทักษิณเป็นพิเศษเช่นนี้ อย่าลืมว่าตอนนี้คุณทักษิณ อยู่ในฐานะนักโทษคนหนึ่ง ที่ได้รับการพักโทษ ยังไม่พ้นโทษจะใช้ฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีไม่ได้ ถ้าคุณทักษิณพ้นโทษไปแล้ว กลับไปเป็นประชาชนคนธรรมดา การจะให้เกียรติอดีตนายกรัฐมนตรี ก็สามารถทำได้ จะไม่ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ หรือตำหนิของสังคม”
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีกลับกล่าวให้ท้ายบรรดารัฐมนตรีและข้าราชการ ที่ใช้เวลาราชการไปต้อนรับนักโทษ อย่างนายทักษิณ ชินวัตรว่าไม่ได้คิดอะไรมาก และไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย จึงทำให้แปลกใจว่า คุณเศรษฐาในฐานะผู้บริหารสูงสุดของประเทศนี้ กลับไม่รักษากฎระเบียบวินัยของข้าราชการ และกำชับให้ข้าราชการปฏิบัติตัวให้ถูกต้องตามระเบียบวินัยของข้าราชการประจำ
“ประเทศไทยคงเป็นประเทศเดียวในโลก ที่นักโทษชาย เดินทางเหมือนกับการตรวจราชการ โดยมีระดับรัฐมนตรีและข้าราชการระดับสูง มาคอยต้อนรับและบรรยายสรุปภารกิจงานของกระทรวง กรม ให้นักโทษชายรับทราบ โดยคำนึงถึงความเหมาะสม และความถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมือง”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี