พท.รับมือซักฟอกถล่ม‘แม้ว’
ลั่นประท้วงทันทีหากล้ำเส้น
“สว.คำนูณ”เร่งพิจารณางบฯปี’67“สว.”เผยไทม์ไลน์ วุฒิสภาโหวตได้ช่วงค่ำ 26 มีนาคม เตรียมซักฟอกม.153 รัฐบาลเศรษฐา“ปม” เจรจาแบ่งผลประโยชน์ขุมทรัพย์ใต้อ่าวไทย 20 ล้านล้านบาท” ดักทาง “อุ๊งอิ๊ง” ไปกัมพูชา เจรจาอย่ามุบมิบ ชี้ต้องเป็นข้อตกลงตามม.187 ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา’เพื่อไทย’ตั้งรับฝ่ายค้านซักฟอกอาการป่วย’ทักษิณ’ลั่นประท้วงทันทีหากล้ำเส้น มั่นใจ’เศรษฐา-ทวี’ชี้แจงได้แน่ ซัดพวกชอบถามอาการป่วย ก้าวไม่พ้นความขัดแย้ง
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2567 ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) กล่าวถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พรบ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567ว่า สัปดาห์นี้เป็นการทำงานสัปดาห์สุดท้ายของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่าง พรบ.งบ67 วุฒิสภา เพื่อที่จะให้ประธานวุฒิสภา บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระในวันที่ 26 มี.ค.โดยเบื้องต้นกำหนดการพิจารณาวันเดียวคือ วันที่ 26มี.ค.ขณะนี้กำลังรวบรวมรายชื่อ สว.ที่แสดงความจำนงจะอภิปราย คาดว่าจะลงมติให้แล้วเสร็จในช่วงค่ำวันที่ 26มี.ค.นี้ เมื่อถามว่า ข้อมูลที่จะอภิปรายของ สว.จะคล้ายคลึงกับของ ส.ส.หรือไม่ นายคำนูณ กล่าวว่า มีความใกล้เคียงกัน เนื่องจากวุฒิสภามีการตั้ง กมธ.ฯ เพื่อศึกษาร่างงบประมาณไปพร้อมกับ ส.ส.ดังนั้นการพิจารณาของวุฒิสภาจึงมีความรวดเร็ว โดยทาง กมธ.จะรวบรวมการเปลี่ยนแปลงงบทั้งหมดภายในสัปดาห์นี้ เพื่อนำรายละเอียดเสนอต่อสมาชิกโดยส่วนใหญ่เป็นเพียงข้อสังเกตเท่านั้นเพราะตามอำนาจของวุฒิสภาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ไม่ว่าปรับลดหรือตัดงบ
ซักฟอกขุมทรัพย์อ่าวไทย20ล้านล้าน
นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ยังกล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา153 ว่า ส่วนตัวเตรียมจะอภิปรายเรื่องเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ขุมทรัพย์ใต้อ่าวไทย 20ล้านล้านบาทกับกัมพูชา เพื่อชี้ให้เห็นว่า มีข้อควรระวังอะไร แนวความคิดที่จะมีการเจรจาแยกกันระหว่างการแบ่งปันผลประโยชน์กับการเจรจาแบ่งเขตแดนมีความอันตรายอย่างไร ขัดกับเอ็มโอยู2544 อย่างไร ทางเลือกที่ดีที่สุดควรจะเป็นอย่างไร ซึ่งตนจะใช้เวลาชี้แจงให้มีความกระจ่าง อย่างน้อยเพื่อเป็นการบันทึกไว้ แม้จะไม่เสร็จในเร็ววัน แต่จะเป็นข้อมูลเพื่อให้รัฐบาลได้ฟังความเห็นรอบด้าน
‘วราวุธ’พร้อมตอบศึกซักฟอก
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงกรณี สว.จะอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา153 ในวันที่ 25มี.ค.2567 โดยคาดว่าจะพุ่งเป้าไปที่พรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนาจะสนับสนุน พรรคเพื่อไทยอย่างไร ว่า ตนคิดว่าการที่จะพูดอะไร ขอฟังแนวทางของสว.แต่ละคนก่อน จะตีตนไปก่อนไข้คงไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งการทำงานในส่วนของพม.ที่พรรคชทพ.ดูแล เราพร้อมจะตอบคำถาม สว.เมื่อถามถึงการเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติของฝ่ายค้าน ตามมาตรา 152 พร้อมชี้แจงหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า พร้อมเสมอ ทุกเรื่องที่เราทำมาตลอด 6 เดือนกว่า เราไม่ได้ท้าทาย เราพร้อมที่จะตอบ และพร้อมที่จะรับคำเสนอแนะ ตนเชื่อว่าฝ่ายค้านก็ทำการบ้านมาพอสมควร ก็คงจะมีเรื่องราวดีๆ และข้อสังเกตดีๆ ให้แต่ละกระทรวง ซึ่งพม.ก็พร้อมที่จะรับข้อเสนอเหล่านั้นไปพัฒนาการทำงาน
ยังไม่ได้รับสัญญาณปรับครม.จากพท.
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.ทางพรรค ชพท.ได้รับสัญญาณมาบ้างหรือไม่ ว่า ชพท.ยังไม่ได้รับสัญญาณ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีการปรับ ครม.เพียงแต่ยังไม่มีการส่งสัญญาณมาจากพรรคเพื่อไทย (พท.) อย่างไรก็ตาม พรรค ชทพ.ยังเป็นรัฐบาลอยู่ แต่เชื่อว่าในอนาคต แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลคงจะมีการพูดคุยกันเมื่อถึงเวลา เมื่อถามว่า หากมีการปรับ ครม.ได้มองกระทรวงอื่นไว้หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ตนพูดเสมอว่าการทำงานของตนเอง ไม่เคยเอาประเด็นการปรับ ครม.มาเป็นอุปสรรค วันนี้ยังดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม.ตนก็จะทำหน้าที่ให้เต็มที่ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอยู่ที่ใด ศักยภาพของที่เป็นรัฐมนตรี คือการบริหารจัดการ นำองค์ความรู้มาพัฒนาองค์กร ดังนั้น จะไม่เสียเวลามานั่งกังวล ว่าจะต้องไปที่ใด หรือสถานะใด ตราบใดที่ยังเป็นรัฐมนตรี ยังได้รับเดินจากภาษีจากประชาชน ก็จะทุกวินาทีให้คุ้มค่า เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าพรรค ชพท.ไม่เกี่ยงว่าต้องเป็นกระทรวงใดใช่หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ไม่ใช่ว่าไม่เกี่ยง แต่วันนี้เราได้รับมอบหมายให้ดูกระทรวง พม.ก็ทำให้เต็มที่ เมื่อถึงเวลาเจรจาปรับ ครม.คงจะมาพูดคุยอีกครั้ง
ชี้‘เศรษฐา’ดึง’แม้ว’ลงพื้นที่เป็นเรื่องดี
นายวราวุธ ยังกล่าวถึงกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ร่วมทานข้าวกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า ใครคือนายกฯ ตัวจริง ในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลมองอย่างไร ว่า เป็นสิ่งที่ดีที่มีผู้ใหญ่มีศักยภาพในหลายมิติมาช่วยทำงาน แน่นอนว่าการเป็นนายกฯ ไม่ได้แปลว่าจะต้องรู้ทุกเรื่อง การมีที่ปรึกษาเป็นอดีตนายกฯ เคยทำงานระดับนานาชาติ มาให้คำปรึกษานั้นเป็นเรื่องที่ดี ยิ่งนายกฯ มีที่ปรึกษาเยอะ พบปะผู้คนเยอะจะเป็นประโยชน์กับการทำงานของรัฐบาล เมื่อถามถึงกรณีที่ นายเศรษฐา ระบุว่า อาจจะพา นายทักษิณ ลงพื้นที่ร่วมกัน มองว่าจะกลายเป็นกระแสลบต่อรัฐบาลหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า มองได้หลายมุม หากฝ่ายที่คิดจะโจมตีก็มองว่าเป็นเรื่องไม่ดี แต่ในมุมพรรคร่วมฯ เรามองว่าสองหัวดีกว่าหัวเดียว การทำงานร่วมกันและได้ความคิดของสองคนมารวมกัน ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษา หรือตำแหน่งอะไรก็ตาม ย่อมเป็นประโยชน์ต่อการทำงาน
พท.ลั่นประท้วงทันทีล้ำเส้น’แม้ว’
ด้าน นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม รองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปพรรคร่วมรัฐบาล) กล่าวถึงกรณี สว.และฝ่ายค้าน จองกฐินอภิปรายกระบวนการยุติธรรมและอาการป่วยของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มองว่า อาจป่วยไม่จริง ว่า ไม่ได้ท้าเรื่องนี้ แต่ข้อเท็จจริงคือข้อเท็จจริง โดยดูจากหน้างานหากมีการอภิปรายที่ใส่ร้ายกัน ซึ่งนายทักษิณ ถือเป็นบุคคลภายนอกสภาผู้แทนราษฎร หากไปอภิปรายเรื่องส่วนตัว ก็ถือว่าผิดข้อบังคับ ก็ต้องมีการประท้วงและชี้แจงกัน ดีไม่ดีอาจนำไปสู่การฟ้องร้องได้ อย่างไรก็ตามในวิปฯ ไม่ได้มีการหารือกัน โดยจะปล่อยให้เป็นไปตามปกติ เพราะที่ผ่านมาตนเข้าใจว่าสังคมทราบเรื่องนี้ แต่คนที่ไม่ยอมรับทราบ ก็คือคนที่ไม่ยอมรับ ส่วนที่ยอมรับก็ยอมรับ
‘นายกฯ-รมว.ยุติธรรม’พร้อมตอบ
“คิดว่าเรื่องอาการป่วยของ นายทักษิณ มีการพูดไปไกลมากแล้ว ซึ่งความจริงนายทักษิณออกจากโรงพยาบาลมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ที่ผ่านมาก็มีการวิพากษ์วิจารณ์อาการป่วยทุกวัน จึงคิดว่าเป็นเพราะไม่ได้ดั่งใจ ดังนั้นพวกตนไม่ได้ท้าทาย แต่เชื่อว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมจะตอบทุกคำถาม รวมถึง พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ และเคยตอบกระทู้ไปหลายครั้งแล้ว จึงคิดว่าไม่น่ากังวล”นายครูมานิตย์ กล่าว
ขู่ใส่ร้ายถึงบุคคลภายนอกเจอฟ้อง
ส่วนจะต้องมีทีมกฎหมายมาจับตาดูหรือไม่นั้น นายครูมานิตย์ กล่าวว่า การจับตาถือเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ถึงกับต้องตั้งวอร์รูม เพราะในส่วนของพรรคเพื่อไทยก็มี นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นที่ปรึกษาวิปฯ ถือเป็นกฎหมายชั้นยอดของรัฐบาลอยู่แล้วและพวกตนซึ่งมีประสบการณ์ในสภาก็คงจะวินิจฉัยได้ว่าอะไรถูกหรือผิด อะไรพูดได้ พูดไม่ได้ จึงไม่น่าหนักใจ ส่วนถึงขั้นจะฟ้องร้องหรือไม่ เป็นเรื่องของคู่กรณี พวกตนซึ่งเป็น สส. มีหน้าที่ลุกขึ้นชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจข้อบังคับรัฐธรรมนูญ และข้อเท็จจริงในบางส่วน เพราะตาของตนกับเขามองคนละมุม เหมือนเลข 6 กับ เลข 9 ถ้ามองคนละมุม ก็มองต่างกันได้ ส่วนการฟ้องร้องเป็นเรื่องของบุคคลภายนอก หากมีการใส่ร้าย ก็เป็นเรื่องที่คนนอกจะฟ้องร้อง
‘แม้ว’หายป่วยเร็ววันเพราะกำลังใจ
เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับการที่ นายทักษิณ พบประมวลชน จะทำให้คะแนนของพรรคเพื่อไทย ได้รับความนิยมมากขึ้นหรือไม่ นายครูมานิตย์ บอกว่า วันนี้ยังประเมินอะไรไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งคือ คนที่รักนายทักษิณ มาให้กำลังใจมากมาย ไม่ใช่เฉพาะคนเชียงใหม่ แต่คนเชียงราย ลำพูนและคนอีสาน ก็ไปหา
เชื่อว่าความเป็นห่วงเป็นใยของ นายทักษิณ กับประชาชนที่มีความศรัทธากันในอดีต ซึ่งจะอยู่ต่างประเทศ 17 ปี ถ้าไม่ใช่ นายทักษิณ ประชาชนก็คงลืมไปแล้ว วันนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า 17ปี ยังไม่ได้จางหาย ถือเป็นเรื่องปกติของความศรัทธา แต่เรื่องอย่างอื่นที่เกี่ยวกับกระบวนการการเมืองนั้น ตนคิดว่าเร็วเกินไปที่จะประเมิน
ส่วนที่คนบางส่วนมองว่านายทักษิณหายเร็วเกินไป และไม่เชื่อว่าป่วยจริง นายครูมานิตย์ กล่าวว่า แล้วแต่มุมมองแต่ละคน แต่ขอให้เชื่อว่าคนอายุ 75 ปี สภาพร่างกายก็จะไม่ค่อยปกติ เป็นเรื่องธรรมดา ก็แล้วแต่มุมมอง ถ้าคนที่ชอบ ก็มองด้วยความเป็นธรรม แต่ถ้าคนไม่ชอบถึงจะนอนป่วยอยู่โรงพยาบาล แม้ไม่เห็นหน้า ก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานาได้ ทั้งนี้ เชื่อว่าสิ่งที่ทำให้นายทักษิณหายเร็วคือกำลังใจ เชื่อว่ายาไม่ได้ทำให้หายไว แต่กำลังใจทำให้หายไวกว่า
วอนก้าวข้าม’แม้ว’อย่าวนกลับไปที่เดิม
ขณะที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค พท.ตอบคำถามสื่อที่ถามและไม่เชื่อเรื่องอาการป่วยของนายทักษิณ ว่า เราต้องถามตัวเองว่า เรามองปัญหานี้เป็นปัญหาส่วนรวม หรือเป็นปัญหาการเมือง เป็นปัญหาความขัดแย้งในอดีตที่ผ่านมาหรือไม่ และเราก้าวพ้นเรื่องนี้หรือยัง ตนอยากให้เอาคำถามนี้กลับมาถามตัวเอง แล้วสุดท้ายจะรู้ว่าเป็นอย่างไร“ส่วนตัวคิดว่าการตั้งคำถามแบบนี้ เป็นการถามเพื่อมีความเห็นและรู้สึกว่าความขัดแย้งยังมีอยู่ และยังก้าวไม่พ้นเรื่องพวกนี้เลย ขอเชิญชวนทุกคนมาคิดเรื่องบ้านเมือง เรื่องPM 2.5 เรื่องเศรษฐกิจ ก้าวข้ามเรื่องเหล่านี้จะดีกว่า การตัดสินว่าป่วยจริงหรือไม่ คำถามคือใครเป็นคนชี้และตัดสินใจ ซึ่งตนเชื่อว่า นายทักษิณ ไม่ได้ตัดสินใจเองว่า ตัวเองป่วยหรือหาย แต่เรื่องนี้มีคนรับผิดชอบหรือคณะกรรมการตัดสินใจและชี้แจงมาโดยลำดับ ดังนั้นอยากให้ก้าวข้ามสิ่งเหล่านี้ อย่าเอามาเป็นประเด็น ท้ายสุดก็จะวนเวียนกับเรื่องนี้ ประเทศไทยจึงก้าวไม่พ้นกันสักที แล้ววนกลับไปที่เดิม
นายกฯสักการะพระเจ้าตนหลวง
เวลา 13.15น.วันเดียวกัน ที่วัดศรีโคมคำ ตำบลเวียง อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง สักการะพระเจ้าตนหลวง เพื่อความเป็นสิริมงคลในโอกาสเดินทางมาตรวจราชการจังหวัดพะเยา และนมัสการพระครูพิศาลสรกิจ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดพะเยา โอกาสนี้ พระครูพิศาลสรกิจ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดพะเยา ได้มอบพระเจ้าตนหลวงองค์จำลอง ให้กับนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมกล่าวให้พร ขอให้นายกฯปฏิบัติหน้าที่ด้วยความราบรื่น ก้าวผ่านทุกปัญหาไปได้ ขอให้มีกำลังใจกำลังกายในการทำงานเพื่อประชาชนเพื่อประเทศชาติต่อไป
ตรวจจุดผ่านแดนถาวรบ้านฮวก
เวลา 14.45น.ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านฮวก ต.ภูซาง อ.ภูซาง จ.พะเยา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนและการพัฒนาพื้นที่ก่อสร้างที่ทำการด่านชายแดน CIQ โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) รอให้การต้อนรับ รวมถึงยังมี ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) รอต้อนรับ ประกอบด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.เขต 1 นายอนุรัตน์ ตันบรรจง ส.ส.เขต 2 และนาย จีรเดช ศรีวิลาศ ส.ส.เขต 3 ให้การต้อนรับในทุกจุดที่นายกฯ ลงพื้นที่ที่ จ.พะเยา ด้วย
เตรียมยกเลิกมติครม.ตัดถนน4เลน
โดยทันทีที่นายกฯ เดินทางถึงได้รับฟังรายงานสถานการณ์ด่านชายแดนถาวรบ้านฮวก รวมถึงเรื่องการยกเว้นพื้นที่ป่าสงวน เพื่อขยายถนน4เลนและการเปิดด่านถาวร ที่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของอุทยาน โดยนายกฯ กล่าวว่า จะมีการทบทวนยกเลิกมติ ครม.เพื่อให้สามารถเข้าพื้นที่ได้ ส่วนเรื่องการสร้างด่านจะต้องให้เหมาะสมกับภาษีของพี่น้องประชาชนคือปัจจัยสำคัญที่สุด ทั้งเรื่องการผ่อนผันพื้นที่เรื่องตู้คอนเทนเนอร์ต้องทำให้เหมาะสม
ด้าน นายภูมิธรรม กล่าวว่า ถ้ายืนยันยอดเงินส่งออกจะสามารถทำได้ 8,000 กว่าล้านบาทและทำให้วัวในประเทศ 200,000ตัว ส่งออกได้ แบบนี้โอเค ทั้งนี้ นายกฯ กล่าวว่า แต่อย่าทำให้ประเด็นเรื่องการก่อสร้างเป็นปัญหา เพราะมันเป็นเรื่องเล็ก ซึ่งเรื่องแรกคือเรื่องยกเว้นพื้นที่ป่าและด่านถาวรให้ได้ดีก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี