นายกฯ นั่งรถม้า ต่อรถไฟ ติดตามโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กและอาคารป้องกันตลิ่งพังเลียบแม่น้ำวัง จ.ลำปาง ขอให้ชาวลำปางช่วยกันดูแลรักษา แก้ไขปัญหาขยะ
วันนี้ (19 มีนาคม 2567) เวลา 13.50 น. ณ สถานีรถไฟนครลำปาง ต.สบตุ๋ย อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นั่งรถไฟไปยังบริเวณสะพานรถไฟ (สะพานดำ) ติดตามโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก พร้อมอาคารป้องกันตลิ่งพังเลียบแม่น้ำวัง โดยมี นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้บริหารท้องถิ่น และประชาชน ให้การต้อนรับ โดย นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงหน้าบริเวณสถานีรถไฟนครลำปาง ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง มอบผ้าพันคอทอมือย้อมสีธรรมชาติของจังหวัดลำปางให้กับนายกฯ จากนั้น นายกฯ ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัว โดยนายกฯ ได้สอบถามเจ้าหน้าที่บังคับรถม้าถึงเรื่องความเป็นอยู่ และสถานการณ์เศรษฐกิจของจังหวัดลำปาง ซึ่งนายกฯ เน้นย้ำว่า จะทำให้ดีขึ้นกว่านี้ และอีกไม่นานก็จะถึงเทศกาลสงกรานต์ คาดว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น พร้อมขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดลำปาง
นายกฯ กล่าวกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับว่า ดีใจที่ได้กลับมาเยี่ยมเยียนพี่น้องชาวลำปางอีกครั้ง หลังจากที่ได้เดินทางมาในช่วงเลือกตั้ง เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2566 ซึ่งอากาศร้อนมาก PM 2.5 ก็สูงมาก ระหว่างเดินทางมาได้คุยกับคนขับรถม้าว่าเศรษฐกิจจังหวัดลำปางเริ่มดีขึ้นแล้ว นักท่องเที่ยวเริ่มเข้ามาท่องเที่ยวแล้ว ในส่วนของ PM 2.5 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาก็ลดลงชัดเจน แต่รัฐบาลจะยังทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ PM 2.5 หมดไป
นายกฯ กล่าวต่อไปว่า ระหว่างนั่งรถรู้สึกดี จริงๆ แล้วรถม้าได้สูญหายไปเรื่อยๆ ซึ่งในปัจจุบันมีรถม้าที่ลงทะเบียนประมาณ 99 ราย อยากให้พี่น้องประชาชนช่วยกันสนับสนุนให้รถม้ายังคงอยู่ต่อไป หากช่วยได้ขอให้ช่วยกันเดินทางด้วยรถม้าเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเสน่ห์ เป็นเอกลักษณ์ของชาวจังหวัดลำปาง และเป็นที่ดึงดูดของนักท่องเที่ยว
นายกฯ กล่าวถึงเรื่องของนโยบายการบริหารจัดการน้ำว่า ตามหลักนโยบายของรัฐบาลไม่ท่วม ไม่แล้ง เพื่อเสริมสร้างการเพาะปลูก และผลิตผลของประชาชนจะได้ไม่สูญเปล่าจากการเกิดน้ำท่วม การเดินทางมาตรวจราชการจังหวัดลำปางวันนี้ เพื่อต้องการลงพื้นที่จริง และติดตามแผนโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กพร้อมอาคารป้องกันตลิ่งพังเลียบแม่น้ำวัง ตลอดแนวทางเพื่อปรับภูมิทัศน์ตลิ่ง เพื่อดูความเหมาะสมและพัฒนาต่อไป
นายกฯ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูความเหมาะสมของโครงการ โดยคำนึงถึงผลสำเร็จและการแก้ไขปัญหาเป็นหลัก รวมถึงการใช้งบประมาณอย่างเหมาะสม ขอให้เสนอโครงการผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการให้เกิดประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนทุกคน พร้อมกับเน้นย้ำ ให้หน่วยงานดูแลความแข็งแกร่งของพนังกั้นน้ำตามแนวตลิ่งและริมแม่น้ำ หากมีความเสียหายขอให้หน่วยงานช่วยแก้ไขและปรับปรุง เพื่อให้พนังกั้นน้ำกลับมามีศักยภาพ เตรียมรับมือกับสถานการณ์น้ำได้
นายกฯ กล่าวอีกว่า เมื่อสร้างเสร็จแล้วขอให้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนช่วยกันดูแลรักษา แก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยที่จะเกิดขึ้น เพื่อทำให้จังหวัดลำปางเป็นแบบอย่างจังหวัดที่น่าอยู่ โดยรัฐบาลพร้อมยกระดับจากเมืองรองเป็นเมืองหลัก เนื่องจากมีทั้งแหล่งท่องเที่ยว วัฒนธรรมประเพณี อาหารอร่อย และสนามบินจังหวัดลำปางซึ่งได้รับการปรับถึง 3 ระดับ และสามารถรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวได้ จึงขอฝากจังหวัดลำปางไว้กับพี่น้องชาวลำปางทุกคนช่วยกัน
สำหรับโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก พร้อมอาคารป้องกันตลิ่งพัง เลียบแม่น้ำเชื่อมระหว่างตำบลปงแสงทอง ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง มีขนาดผิวจราจรกว้าง 5.00 เมตร ยาว 5,390 เมตร หนา 0.15 เมตร พื้นที่ไม่น้อยกว่า 26,950 ตารางเมตร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมศักยภาพและยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน กระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดลำปาง ทั้งนี้ ประชาชนในเขตเทศบาลเมืองเขลางค์นครจะได้รับผลประโยชน์โดยตรง ประมาณ 22,000 คน และประโยชน์จากการเชื่อมการสัญจรพื้นที่ใกล้เคียงในเขตเทศบาลนครลำปาง อำเภอเกาะคา และอำเภอห้างฉัตร ประมาณ 7,800 ครัวเรือน
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี