‘จตุพร’เชื่อผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญสั่งเด้ง‘บิ๊กต่อ’ คาดเริ่มส่งสัญญาณแหกดีล จับตาอำนาจตะลุมบอน ระบุสถานการณ์พลิกเปลี่ยน ย้อนกลับสู่จุดเดิม เจรจาสมยอมต่อดีลกันใหม่ หรือจ้องเอาคืน
22 มีนาคม 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์เมื่อวันที่ 21 มี.ค.67 โดยคาดว่าการเด้ง 2 บิ๊กสำนักงานตำรวจหางชาติ (ตร.) คือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี แม้มีความขัดแย้งกันจริง แต่ที่มาของรัฐบาลเกิดจากดีล ดังนั้นคนดีลย่อมเสี่ยงจะถูกตอบโต้จากคำสั่งเด้งครั้งนี้
นายจตุพร กล่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ มีภูมิต้านทานเหนือกว่า ผบ.ตร.ในอดีตอีกหลายคน จึงไม่มีใครเชื่อจะถูกหัก และสั่งย้ายมาช่วยราชการที่สำนักนายกฯ ส่วน บิ๊กโจ๊ก เคยมาแล้วหลายครั้ง จะมาอีกก็ไม่แปลก นอกจากนี้สังคมไม่เชื่อว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง จะกล้าสั่งเด้ง อาจมีอำนาจเบื้องหลังคอยกำกับการอยู่ก็ได้
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อ บิ๊กต่อ มีเงื่อนเวลาอยู่ในตำแหน่ง ผบ.ตร.ถึงเกษียณสิ้นกันยายนปีนี้ จึงเท่ากับถูกบีบด้วยเงื่อนเวลา ซึ่งหลังคณะกรรมการสอบสวนครบตามคำสั่ง 60 วันแล้ว จะเหลือเวลาอีกแค่ 120 วัน ดังนั้นโอกาสได้กลับมา ตร. เหมือนจะเหลือน้อยหรืออาจยากที่จะได้กลับเสียด้วยซ้ำ ส่วน บิ๊กโจ๊ก เหลืออายุราชการอีก 7 ปี เพราะเกษียณ 2574 ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ หรือบิ๊กต่าย รอง ผบ.ตร. รักษาการ ผบ.ตร. จะเกษียณปี 2569 ดังนั้น บิ๊กโจ๊ก ยังมีเวลาได้เป็น ผบ.ตร. ต่อจากรักษาการ ผบ.ตร. เกษียณอีกตั้ง 5 ปี
“ร่องรอยนายกฯสั่งเด้ง ผบ.ตร.นั้น เป็นที่น่าสังเกตกับ 3 วาทะรหัสของ ทักษิณ ที่สัมภาษณ์ไว้ที่เชียงใหม่ คือ สภาพจิตใจ ถึงบ้าน 6 เดือน และต่างคนต่างอยู่ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ได้” นายจตุพร ตั้งข้อสังเกต
นายจตุพร กล่าวว่า การแก้ปัญหาใน ตร. โดยการสั่งเด้งคนและตั้งกรรมการคนนอกมาสอบสวนหาความจริง จะไม่มีทางแก้ไขปัญหาได้เลย เมื่อไม่มีการปฏิรูป ตร. ให้เป็นอิสระ ปลอดจากอำนาจการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่สำคัญทั้งที่นายกฯ เป็นผู้ดูแล ตร. กลับไม่กล้าปฏิรูปเสียเอง จึงทำให้ ตร. ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้
นายจตุพร กล่าวว่า นายกฯ บอกให้ตำรวจสามัคคีกัน ทำงานเป็นที่พึ่งของประชาชน แต่จะพึ่งได้อย่างไร เมื่อตำรวจยังพึ่งตัวเองไม่ได้้เลย ดังนั้น การตรวจสอบของคณะกรรมการ 3 คน หากรื้อเข้าไปลึกจะยิ่งเจอปัญหามากมาย สิ่งสำคัญคาดว่าการลงดาบสั่งเด้ง ผบ.ตร.ครั้งนี้ จึงเห็นร่องรอยอำนาจส่อเปราะบางขึ้น เพราะคนทำการดีล ควบคุมการดีลต่างใจเต้นตุ้มๆต่อมๆเช่นกัน อีกอย่างถ้าดีลถูกเบี้ยวแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ตนประเมินว่าหากแก้กันไม่ได้แล้ว สุดท้ายอาจต้องจบกันแบบเดิม ดังนั้นการเด้งจึงเป็นจุดเริ่มต้นของปฐมบทปัญหาที่จะเกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นในอนาคต
“สิ่งสำคัญแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ไม่ใช่มีแค่ 2 บิ๊กตร.เท่านั้น แต่นายกฯ และอดีตนายกฯทักษิณ ก็ยังเป็นปัญหาด้วย ทุกปัญหาล้วนพันผูกกับตำรวจทั้งสิ้น ดังนั้นสภาพข้างหน้าจึงเต็มไปด้วยปัญหา แล้วใครจะโดนปัญหาเล่นงานกันก่อน ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ มีการคาดกันว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการแหกดีลกันหรือไม่ ซึ่งรอบนี้หนักกว่าเดิม หากกล้องวงจรปิด รพ.ตำรวจ กู้ภาพกลับคืนได้ จะยิ่งกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาอีก แล้วนำไปสู่ปัญหาไม่คาดคิดกันใหม่ได้ตามมาสมทบ ซ้ำเติมกันอีก” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า ตนเชื่อว่าแม้นายกฯ สั่งให้สอบสวนใน 60 วัน แต่ดูแววตาของ 2 บิ๊กรู้ว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเสร็จสิ้นใน 60 วัน และอาจจะมีสถานการณ์ใหม่เข้ามาแทรกแซง ยิ่งทำให้เวลาขยายเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ
ส่วนมีการสงสัยว่า ประเทศมีนายกฯกันกี่คน โดยตั้งข้อสังเกตตั้งแต่การแต่งตั้ง ผบ.ตร. เมื่อกันยายน 2566 ที่ ก.ตร.ประกาศเลื่อนประชุมแล้ว อีกสักพักให้ประชุมกันต่อ นายจตุพร เห็นว่า กรณีนี้มองถึงอำนาจหลังฉากตัวจริงว่าเป็นใครกันแน่ระหว่างอำนาจของนายกฯ ตาม รธน.กับอำนาจนายกฯ นอก รธน. ซึ่งทักษิณ เคยชิงชังและรังเกียจถึงกับเรียกเป็น “ผู้มีบารมีนอก รธน.” มาแล้ว
“แต่วันนี้อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน และรู้ว่าใครทรงอำนาจและมีอิทธิพล แล้วปัญหาจะยิ่งไม่จบ มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ และถ้าแน่จริงทั้ง 2 ฝ่ายคงตะลุมบอนกันเร็วขึ้น แต่โดยธรรมชาติแล้วคงได้พูดคุยสมยอมกันอีก หรือถ้าเกิดอารมณ์นักเลงมาทั้งคู่จะไม่ยอมกันเลยก็ได้ ซึ่งจะจบอีกแบบ ต้องคอยติดตาม” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าการอภิปรายทั่วไปของ สว.ในวันที่ 25 มี.ค.นี้ พุ่งเป้าที่นักโทษนอนป่วยพัก รพ.ตำรวจชั้น 14 และปัญหาคำพูดของนายกฯ กรณีแต่งตั้งผู้กำกับใหม่ ดังนั้นจึงไม่น่าประมาทการอภิปรายที่ไม่ลงมติครั้งนี้ หากมีเนื้อหาเป็นพลานุภาพขย่มนายกฯ ก็จะเกิดอาการมึนเซขึ้นมาได้ แล้วจะกลายเป็นอีกวิกฤตขึ้นมา
“บทเรียนสอนกันชัดเจนแล้วว่า เวลาใหญ่ถ้าทำตัวใหญ่จุดจบเป็นอย่างไร บางคนตอนไม่มีอำนาจเป็นคนน่าคบที่สุด พอมีอำนาจกลายเป็นคนละคน เราก็ร่วมขบวนการต่อสู้ในอดีตก็เห็นแล้วว่า เวลาสู้ช่วงชิงอำนาจเป็นเวลาที่น่ารัก แต่วันเวลาที่เลวร้ายคือวันที่มีอำนาจ ด้วยเหตุนี้จึงรู้อยู่แล้วว่าวันที่เหลิงลม เหลิงอำนาจมันมีจุดจบอย่างไร นี่แค่การเริ่มเท่านั้น แต่จะนำไปสู่จุดเดิม เพราะหลายสิ่งหลายอย่างปิดไม่มิด สังคมเริ่มเห็นและระแคะระคายกันแล้ว ดังนั้น เมื่อถูกเอาก่อน การเอาคืนก็ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรง” นายจตุพร กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี