(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)
4) เมื่อปรากฏว่าผู้ถูกฟ้องคดีได้มีคำสั่งลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2553 ให้ผู้ฟ้องคดีกลับเข้าทำงานเป็นพนักงานของผู้ถูกฟ้องคดีให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2553 โดยไม่ได้ชดใช้คืนเงินเดือนและสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ฟ้องคดีในระหว่างที่ถูกปลดออกจากการเป็นพนักงานของผู้ถูกฟ้องคดีจึงทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหาย การกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีจึงเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีตามนัยมาตรา 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ถูกฟ้องคดีในฐานะหน่วยงานของรัฐต้นสังกัดจึงต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีตามมาตรา 420 5 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539
ที่ผู้ถูกฟ้องคดีอ้างว่า ผู้ถูกฟ้องคดีได้ดำเนินการสอบสวนทางวินัยผู้ฟ้องคดีใหม่และออกคำสั่งทางปกครองใหม่แล้ว ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองชั้นต้น ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่า การกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีเป็นการละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีหรือไม่จึงไม่ได้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและผู้ฟ้องคดียังไม่ได้รับความเสียหายจึงไม่อาจรับฟังได้
5.กรณีมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยต่อไปว่า ผู้ถูกฟ้องคดีจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดีเป็นจำนวนเท่าใด นั้น เห็นว่าแม้กรณีนี้ ผู้ถูกฟ้องคดีจะไม่มีกฎระเบียบในการคืนเงินเดือนและสิทธิประโยชน์แก่พนักงานที่บรรจุเข้าทำงานในกรณีที่ศาลได้มีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งลงโทษทางวินัยไล่ออกหรือปลดออกก็ตาม
แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ก่อนที่ผู้ฟ้องคดีจะถูกลงโทษปลดออกจากราชการเป็นพนักงานของผู้ถูกฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีได้รับเงินเดือนในอัตราเดือนละ 64,360 บาท เมื่อผู้ฟ้องคดีถูกปลดออกตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2546 ถึงวันที่ศาลปกครองชั้นต้นจะได้อ่านคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2553ผู้ฟ้องคดีจึงมีสิทธิได้รับเงินเดือนตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2546 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2553 เป็นระยะเวลา 6 ปี 11 เดือน 21 วัน จึงเป็นค่าเสียหายที่ผู้ถูกฟ้องคดีจะต้องชดใช้ให้แก่ผู้ฟ้องคดีจำนวนทั้งสิ้น 5,386,932 บาท
6) เมื่อศาลปกครองชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดให้คู่กรณีทราบ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2553 ซึ่งผูกพันให้ผู้ถูกฟ้องคดีมีหน้าที่ต้องรับผู้ฟ้องคดีกลับเข้าทำงานเป็นพนักงานของผู้ถูกฟ้องคดี พร้อมกับคืนเงินเดือนและสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ฟ้องคดีจึงถือว่าวันดังกล่าวเป็นวันที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีและโดยที่หนี้อันเกิดแต่มูลละเมิดนั้น ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดมาแต่เวลาคำละเมิดตามนัยมาตรา 206 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ฟ้องคดีจึงมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 5,386,932 บาท นับแต่วันดังกล่าวเป็นต้นไป แต่ผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ชำระดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องคดีจนถึงวันที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด จึงบังคับให้ตามคำขอ
(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี