ท้าสว.เปิดชื่อฉก.เรียกรับกล้วย
‘ธรรมนัส’โต้เดือด
ยัวะถูกเย้ย‘ยางพาราไม่ใช่แป้ง’
ติงสภาสูงเลิกใช้วาจาทิ่มแทง
‘เสรี’ซัดช่วยนช.ทุบยุติธรรม
นายกฯน้อมรับปรับปรุงแก้ไข
“สว.เสรี” กะซวกไส้“เศรษฐา” ซักฟอกม.153 สอนมวยต้องไปแบบซีอีโอ ส่วน“เซลส์แมน”ต้องอยู่ที่“ภูมิธรรม-พาณิชย์”ตามด้วยดอกสองเน้นๆ “ผลงานเด่นรัฐบาล” ช่วย‘คนผิด’ไม่ต้องรับโทษ ทำกระบวนการยุติธรรมพัง ซ้ำแสดงความยิ่งใหญ่โอ่ไม่ต้องติดตารางซักวัน ภาวนาเหน็บขอให้อยู่ครบ4ปี แนะถ้ารับข้อคิดเห็นไปก็ถือเป็นอานิสงส์ได้ประโยชน์‘สว.หมอพลเดช’แฉ‘กลุ่มสัมภเวสี’ตั้งสโลแกน‘เจอ จ่าย จบ ไม่จ่าย เป็นเจ็บ’ขู่รีดเงิน-เรียกรับ‘กล้วย’ผู้ประกอบการยางพาราบี้นายกฯ-รมต.-หัวหน้าพรรค’รับผิดชอบแก้ไข ลามแซะยางพาราไม่ใช่‘แป้ง’ด้าน‘ธรรมนัส’ท้าเปิดชื่อแก๊งขู่งาบ‘กล้วย’ยันชุดฉก.ไม่รับผลประโยชน์ ถามผู้ร้องทุกข์เป็นเครือญาติสว.หรือไม่ ยันรับสืบหาข้อเท็จจริง ติงสภาสูงอภิปรายเสียดสี-ทิ่มแทง
เมื่อเวลา 09.08 น.วันที่ 25มีนาคม2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา ที่มี นายศุภชัย สมเจริญ รอง ประธานวุฒิสภา คนที่2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วน ขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง พร้อมด้วยครม.เดินทางเข้ามาร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียดรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น
‘สว.เสรี’ซัดทัวร์ตปท.สำคัญกว่าสว.
ต่อมา เวลา 09.27น.นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ลุกขึ้นกล่าวเปิดอภิปรายฯว่า ในการยื่นขออภิปรายถูกพูดถึงเป็นการซักฟอก หรือล้มรัฐบาล ทำให้รัฐบาลเสียหาย ตนขอชี้แจงว่าความคิดนี้เป็นความคิดที่ผิด ไม่มีการที่จะมาพูดให้เกิดความเสียหาย ดังนั้นการขอเปิดอภิปรายทั่วไปฯ ก็คงที่จะต้องทำอย่างรวดเร็ว ฉับพลันเพราะถือว่าเป็นปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินประเทศชาติและประชาชน แต่ก็ใช้เวลาเกือบ 2 เดือน จึงจะกำหนดเวลาให้ แต่ตนขอทักท้วงว่ารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้ ไม่เห็นความจริงใจของรัฐบาลที่จะแก้ปัญหาให้กับประเทศมีมากน้อยแค่ไหน
“ผมพูดในวันนี้เพื่อที่จะให้เป็นแนวทางบรรทัดฐานในอนาคตว่าเมื่อใดก็ตามเมื่อมีการขอเปิดอภิปรายฯ ให้มองว่าเป็นประโยชน์จากการทำงาน แต่นี่กลายเป็นรัฐบาลเอาเวลาไปใช้อย่างอื่น จึงสำคัญน้อยกว่า เช่น เดินทางไปต่างประเทศ หลายครั้งในช่วงระยะที่เข้ามาบริหารประเทศ เอาเวลาไปเชียงใหม่ไปกินอาหาร กินไวน์ ทั้งๆที่ฝุ่นเต็มเมืองเชียงใหม่ ท่านก็เอาเวลาไปใช้ในเรื่องเหล่านี้ จริงๆก็เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่ผมกำลังชี้ให้เห็นว่า ท่านใช้เวลาเหล่านี้ไม่ให้ความสำคัญกับการที่จะมารับฟังว่าประเทศในการบริหารราชการแผ่นดินมีปัญหาอะไร แต่ท่านกลับไปสูดฝุ่นควันที่เชียงใหม่ หากนายกฯและครม.ให้ความสำคัญกับการประชุมฯนี้ ก็เป็นภาพลักษณ์ที่ดี นายกฯมาเองก็เป็นไปตามที่ผมภาวนาว่า นายกจะอยู่ถึงวันที่ 25มี.ค.แต่สิ่งที่ผมภาวนาได้ผลคือ ทำให้นายกฯและคณะมาประชุมร่วมกันถือเป็นประโยชน์กับรัฐบาล”นายเสรี กล่าว
ทำงานมา6-7เดือนไร้ผลงานรูปธรรม
นายเสรี อภิปรายต่อว่า กรณีที่หาเสียงมาที่มีการพูดถึงการกินดีอยู่ดี แต่ตอนนี้เวลาผ่านมา 6เดือนเข้าเดือนที่ 7 ก็ยังไม่สามารถทำอะไรที่เป็นรูปธรรม การแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชน ท่านหวังเพียงอย่างเดียวว่าทำไม่ได้ เพราะต้องรองบประมาณ เพราะกฎหมายยังไม่ออกเลยทำไม่ได้ กลายเป็นข้อแก้ตัว แต่กฎหมายงบประมาณยังไม่ออก แต่การบริหารประเทศไม่ได้หยุด รัฐธรรมนูญมาตรา 141 ก็ได้บัญญัติไว้ถ้ากฎหมายเกี่ยวกับงบประมาณยังไม่ออก ให้ใช้กฎหมายงบประมาณเดิมไปพลางๆก่อนได้
“แต่ในความเป็นจริงแล้ว ท่านก็ตั้งใจ จะแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต พอจะแจกเงินก็มีปัญหาในเรื่องข้อกฎหมาย วินัยการเงินการคลัง ที่มีองค์กรต่างๆทักท้วงว่า การแจกเงินดิจิทัล ทุจริตคอรัปชั่น ถามกลับครม.ว่าถ้าหากแจกเงิน10,000บาท แล้วประชาชนได้รับเงินสามารถใช้เงินดังกล่าวได้ไม่ถึงเดือน แต่เงินที่ต้องไปกู้มา 5แสนล้านบาท เงินจำนวนมหาศาลเหล่านี้ ไม่สามารถจะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่ต้องการได้ แต่จะกลายเป็นการกระตุ้นความลำบากความยากจนให้กับประชาชนเพิ่มมากขึ้น ส่วนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจนั้น ไม่ใช่แก้อย่างที่ทำ คือ กระทรวงพาณิชย์ไปจัดอีเว้นท์ที่ห้าง ห้างได้ประโยชน์ แต่คนทั่วไปได้ประโยชน์หรือไม่ ถ้าจะทำจริงต้องเปิดตลาดชุมชนทุกตำบลให้ประชาชนมีที่ขายของและเปิดทุกวัน ไม่ใช่เปิดแค่ 2 วันแล้วบอกว่ากระตุ้นเศรษฐกิจปากท้อง ก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้มีรายได้ที่มั่นคงยั่งยืนและต่อเนื่อง’
ทัวร์นอกต้องเป็น’ซีอีโอ’ไม่ใช่เซลล์แมน
“ไม่ใช่ท่านไปต่างประเทศแล้วทำตัวเป็นเซลล์แมน จริงๆเซลล์แมนไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ แต่อย่างท่านนายกฯไปต้องไปแบบซีอีโอ ท่านต้องไปแบบผู้บริหารระดับสูง ส่วนเซลล์แมนต้องให้นายภูมิธรรม เวชยชัย เพราะอยู่กระทรวงพาณิชย์ เพราะมีทูตพาณิชย์อะไรเยอะแยะ อันนี้ผมคิดว่ากลับหัวกลับหางหมดเลย ไปๆมาๆรัฐมนตรีหลายคนก็ออกมาเชียร์ท่านนายกฯยกใหญ่ บอกเป็นเซลล์แมนดีอย่างนั้นอย่างนี้ ก็เชียร์กันไป แต่ผลที่ออกมามันไม่ได้ประโยชน์ในภาพลักษณ์ภาพรวมอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ว่าผมไปดูถูกดูแคลนเซลล์แมน แต่สิ่งที่ท่านทำนั้นท่านต้องทำตัวเป็นผู้บริหารระดับสูงเป็นซีอีโอ” นายเสรี กล่าว
ผลงานเด่นยุติธรรมเอียงช่วยคนพ้นคุก
นายเสรี กล่าวด้วยว่า ส่วนการใช้กฎหมายจะทำอย่างไรที่จะสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชน กระบวนการยุติธรรมนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่นายกฯและรัฐบาล ต้องสร้างมาตรฐาน สร้างมาตรการของการที่จะให้ประชาชนอยู่ภายใต้กฎหมายที่เป็นธรรมด้วยกัน แต่ปรากฏว่าผลงานดีเด่นของรัฐบาลที่ทำอยู่ มีความชัดเจน มีความโดดเด่น สามารถทำให้ประสบความสำเร็จ ด้วยความเคารพ มีอยู่เรื่องเดียวเรื่องช่วยคนทำผิด แล้วไม่ต้องรับโทษ ให้หน่วยงานกรมราชทัณฑ์มีการออกระเบียบหลายฉบับ เอื้อต่อการที่จะช่วยคนไม่ต้องให้รับโทษแม้กระทั่งศาลพิพากษามาแล้ว แต่กรมราชทัณฑ์เอง กลับกลายเป็นออกกฎหมายออกระเบียบเอื้อประโยชน์ต่อบางคนทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันมากมาย
“อันนี้โดดเด่นเป็นผลงานของรัฐบาลเป็นผลงานของนายกฯ แต่กระบวนการยุติธรรมเสียหาย ผมก็ทักท้วงว่าสิ่งที่ท่านทำเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศ มีวิธีหลายอย่างที่จะสามารถจะทำได้ไม่ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์มาก ไม่ทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกไม่ดี แต่ทำเพราะแสดงอำนาจ แสดงบทบาท แสดงความยิ่งใหญ่ว่ากลับมาประเทศแล้วไม่ติดคุกสักวันเดียว ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์เยอะ ผมพูดในหลักการไม่ได้พูดในตัวบุคคล แต่ด้วยความห่วงใย ผมภาวนาขอให้นายกฯอยู่ครบ 4 ปี ไม่ใช่จะเป็นข่าวถูกเปลี่ยนทุกวี่ทุกวัน ถูกเลื่อยขาเก้าอี้อยู่ทุกวัน ผมก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น” นายเสรี กล่าว
นายเสรี กล่าวอีกว่า นายกฯรู้หรือไม่ว่า ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า เพราะการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม อยากให้รัฐบาลอยู่อย่างยั่งยืนครบวาระ แต่ประเทศไทยมีปัญหา หาคนบริหารประเทศหายาก หาคนที่มีประสิทธิภาพ ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่นก็หายาก ฝ่ายค้านเอาแต่จะล้มล้างการปกครอง เราไม่รู้จะหาทางไหน อยู่ที่รัฐบาลปัจจุบันจะทำอย่างไรให้ดีที่สุด ให้เป็นประโยชน์มากที่สุดกับประเทศชาติและพี่น้องประชาชน ถ้ารัฐบาลตอบได้ก็เป็นผลงานของรัฐบาล แต่ถ้ารัฐบาลยังไม่ได้คิด ถ้ายังไม่ได้ทำ ถ้าฟังวุฒิสภาและนำไปทำก็เป็นอานิสงส์ของรัฐบาล ก็จะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชน
นายกฯโต้ทุกดอก/เหน็บ8ปีก่อนไม่มี
เวลา 10.15 น. ที่รัฐสภา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ลุกขึ้นชี้แจงในการประชุมวุฒิสภา พิจารณาญัตติด่วนขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้ ครม.แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 ว่า รัฐบาลชุดนี้ รัฐมนตรีทุกคนให้เกียรติฝ่ายนิติบัญญัติ ถ้าฝ่ายนิติบัญญัติมีข้อสงสัย ข้อเสนอแนะตามรัฐธรรมนูญ ที่รัฐบาลเพิ่งมารับฟัง มาตอบ ยินดีมาตอบด้วยความเต็มใจ ไม่เคยคิดว่า เหตุใด 8ปี ไม่เคยเรียกอภิปรายในมาตรานี้ แต่รัฐบาลนี้มาแค่ 7เดือน กลับเรียกมา เราทราบหน้าที่ดีว่าต้องทำตามรัฐธรรมนูญที่กำหนด ไม่เคยน้อยใจที่ต้องมาทำงาน มาตอบให้ทุกคนมีความกระจ่าง ส่วนกรณีการเดินทางไปต่างประเทศหลายครั้ง เป็นเรื่องความจำเป็น เช่น ประชุมอาเซียน หรือเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีที่ผู้นำใหม่ต้องไปเยือนประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย กัมพูชา ลาว ตนให้ความตระหนักดีถึงการใช้เวลาบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ปัจจุบันสามารถใช้เทคโนโลยีบริหารราชการ ติดต่อครม. ข้าราชการ โดยไม่จำเป็นต้องเจอกันตัวต่อตัว ส่วนเรื่องฝุ่น แม้ยังมีอยู่ แต่ลดลง30-70% แล้วแต่พื้นที่ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อย่างการเดินทางไปจ.เชียงใหม่ ครั้งล่าสุดก่อนการประชุมครม.สัญจร จ.พะเยา ที่บอกว่าตนไปทานไวน์นั้น ยืนยันว่าไม่ได้ทานไวน์ เพราะไม่สบาย อาจจะสับสนเรื่องการตั้งแก้ว แต่ตนไม่ได้ทาน ตนให้ความสำคัญกับการลงพื้นที่
ย้ำเงินดิจิทัล1หมื่นรบ.ต้องทำแน่นอน
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องงบประมาณที่เพิ่งได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาฯ ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ข้อแก้ตัว ในการไม่ช่วยเหลือประชาชน แต่นโยบายหลักรัฐบาลทั้งเรื่องการพักหนี้เกษตรกร นโยบายวีซ่าฟรีนักท่องเที่ยว เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยไม่พึ่งงบประมาณ การช่วยเหลือเกษตรกรเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญช่วยเหลือดูแล อย่างราคายางพาราที่สูงขึ้นเกือบกิโลกรัมละ 100บาท มาจากการที่รัฐบาลไปเปิดตลาดใหม่ การเข้มงวดการนำเข้า ทำให้ยางในประเทศมีราคาสูงขึ้น เรื่องการลงทุนจากต่างประเทศนั้น รัฐบาลที่แล้วก็ทำงานไปบ้าง เรื่องใดทำงานมาดี เราก็ทำต่อ ไม่ได้ปัดตกทุกเรื่อง แต่การลงทุนเป็นแสนล้านบาท ต้องใช้เวลามากกว่า 7เดือนในการตกลง ทั้งนี้ วันที่ 26 มี.ค.บีโอไอจะแถลงให้ทราบถึงความคืบหน้าในการไปเจรจาการลงทุน แม้งบประมาณยังไม่ได้ออกมา แต่ไม่ใช่ข้ออ้างการไม่ช่วยเหลือประชาชน แต่งบประมาณถือเป็นขีดจำกัดตัวหนึ่งทำให้ไม่สามารถผลักดันได้อย่างเต็มที่ในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่เรื่องดิจิทัลวอลเล็ตที่เป็นนโยบายใหญ่นั้น จะต้องฟังความเห็นทุกภาคส่วนมาประกอบ เพื่อให้ได้นโยบายดีที่สุด วันที่ 26มี.ค.รมช.คลังจะแถลงถึงไทม์ไลน์นนโยบายนี้อย่างเป็นรูปธรรม
กำชับแก้หนี้นอกระบบให้สำเร็จเร็ววัน
นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องหนี้นอกระบบที่สว.บอกยังไม่จบ เห็นด้วยว่า ยังไม่จบ คนที่ไปกู้หนี้นอกระบบมีความลังเลไม่อยากมาเคลียร์ ทราบดีถึงปัญหานี้ จึงกำชับตำรวจไม่ให้คอยนั่งอยู่ที่โต๊ะ รอให้ประชาชนมาแจ้ง แต่เป็นหน้าที่ฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคงต้องลงพื้นที่ ไปเรียกร้องให้ประชาชนมาแจ้ง เพื่อไม่ให้ถูกอำนาจมืดคุกคาม ทราบถึงอัตราดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรม รัฐบาลจึงให้ความสำคัญ มีการจัดการอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่เฉพาะฝ่ายปกครอง แต่ให้ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย เข้าไปช่วยเหลือสนับสนุนเรื่องกระแสเงินสด การรีไฟแนนซ์ มีความคืบหน้า ตนรับฟังและเห็นด้วยที่ปัญหาไม่ได้ถูกแก้อย่างบูรณาการ แต่อย่างน้อย 7เดือน ก็มีความคืบหน้าเรื่องการบริหารจัดการ
‘พลเดช’แฉชุดฉก.เรียกรับกล้วย1กก.
เวลา 12.20น.นพ.พลเดช ปิ่นประทีป สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่า วุฒิสภาได้ยกมือโหวตรับรองให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยหวังว่าประเทศจะได้มีรัฐบาลที่ไม่สุดโต่งหรือสุดขั้ว และให้สังคมไทยก้าวพ้นวังวนกลุ่มผู้ชุมนุมการเมืองที่กัดเซาะบ่อนทำลายการพัฒนาจึงติดตามการทำงานของรัฐบาลทุกกระทรวง แต่เห็นว่าการบริหารราชการผ่านมา 7เดือนยังไม่สามารถหาผลงานได้ เพียงแต่เต้นแล้งเต้นกาจำอวดหน้าจอทีวีขายฝันลมๆแล้งๆไปวันวัน ตนรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนเกี่ยวกับปัญหายางพารา เมื่อลงพื้นที่พบว่า ทีมเฉพาะกิจทีมหนึ่ง มีการอายัดยางชาวบ้านใน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี 600ตัน ด้วยสงสัยเรื่องที่มายาง 29ตัน แต่รัฐกับอายัดทั้งหมด มูลค่ากว่า 15ล้านบาทและ1เดือนผ่านไปไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ชาวบ้านสามารถชี้แจงได้ แต่รัฐบาลไม่ได้ถอนอายัด ทำให้ยางเกิดความเสียหาย สภาพกลายเป็นเศษผงฝุ่น
นอกจากนี้ ยังพบว่า มีทีมงานที่มีคำขวัญว่า “เจอ จ่าย จบ ไม่จ่าย เป็นเจ็บ” ซึ่งชาวบ้านเรียกทีมงานชุดนี้ว่าชุดสัมภเวสี และยังมีกลุ่มอิทธิพลแจ้งความกับเกษตรกรซ้ำ เป็นคนมาจาก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ข้อหานำยางเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งนี่คือสัญญาณบีบคั้นกลั่นแกล้งล่าอาณานิคม และเป็นการตีเมืองขึ้นหรือไม่ “ในวันที่มีการร้องทุกข์ต่อ สว.ทีมงานชุดสัมภเวสี ได้เชิญผู้ประกอบการไปคุย และเรียกรับกล้วย1กิโลเป็นเครื่องเซ่น ให้เหตุผลว่าเพื่ออำนวยความสะดวกในการถอนอายัด และเจ้าทุกข์จะขอต่อรองเหลือ 7ขีด ก็ไม่ยอม เพราะหยิ่งในศักดิ์ศรี” นพ.พลเดช กล่าว
จัดคิวเรียกค่าผ่านทางอีกรายละ5พัน
นพ.พลเดช ยังกล่าวถึงกระแสข่าวมาเฟียหน้าด่าน จัดคิววันละ30คัน มีกระแสข่าวชุดเฉพาะกิจดังตั้งด่านเพื่อจัดระเบียบการขนส่งสินค้า ยางพาราประเภทข้ามแดน แฝงด้วยการใช้อำนาจอิทธิพลจัดการคู่แข่งทางธุรกิจของพวกพ้อง กลุ่มที่ยอมจ่ายค่ากล้วย เป็นที่เรียบร้อยถึงจะผ่านได้ หากเป็นรถพ่วงที่ไม่ใช่ของเสี่ย น. เสี่ย ส. ก็อย่าหวังว่าจะได้ผ่าน ส่วนเล็กๆน้อยๆต้องยอมจ่ายค่าผ่านทางเป็นครั้งๆ
นอกจากนี้ ในช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา มีการจัดคิวใหม่ เพราะราคาค่าผ่านทางปรับจาก 1,000 บาทเป็น 5,000บาทและต้องจ่ายเพิ่มพิเศษแยกบัญชีอีก 1,000บาท เพื่อส่งมอบให้ เสธ.คนหนึ่ง มีข้อมูลว่าคนใกล้ชิดของนักการเมืองไปสร้างโรงงานเพื่อผลิตผลในประเทศเพื่อนบ้าน ทางรัฐมนตรีรับทราบเรื่องนี้หรือไม่ โดยเฉพาะมีการไปตั้งด่านหน้าโรงงานยางแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าทุกข์และมีคำขู่ว่า ไม่จ่ายก็ทำธุรกิจไม่ได้ หากนำเรื่องไปฟ้องอย่าหวังว่า จะอยู่ในพื้นที่ได้ นี่คือโทษฐานที่ไม่ยอมมอบกล้วย
อ้างมีอีกนับร้อยเรื่องเรียกรับกล้วย
“ด้วยพฤติกรรมและพยานหลักฐานที่ปรากฏส่อชัดถึงการใช้อำนาจแต่งตั้งทีมงานนักการเมืองเข้าไปจัดสรรผลประโยชน์สินค้าเกษตรในพื้นที่ กรณีอำเภอสังขละบุรี เป็นเพียงตัวอย่างเดียวในจำนวนนับ 10 นับ 100ตัวอย่าง ต่างคนต่างเข้าไปปล้นสะดมรีดไถชาวบ้านกันตามใจชอบราวกับบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป ซ้ำเติมความทุกข์ยากแก่ประชาชนที่ทำมาหากินโดยสุจริต เพราะที่นี่เป็นยางพารา ไม่ใช่ก้อนถ่านผงฝุ่นธุลีดิน จึงขอฝากไปยังนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหัวหน้าพรรคการเมือง ที่รับผิดชอบรวมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลกขอจงบำบัดปัดเป่าความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนและชาติบ้านเมืองของเราด้วยเทอญ เพราะที่นี่คือยางพารา ไม่ใช่แป้ง” นพ.พลเดช กล่าว
‘ธรรมนัส’ท้าเปิดชื่อฉก.รีดส่วยยาง
เวลา 12.50น.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ลุกขึ้นชี้แจงทันทีในประเด็นที่ นพ.พลเดช ปิ่นประทีป สว.อภิปรายกรณีนำเข้ายางพาราที่ จ.กาญจนบุรี ว่า รัฐบาลให้ความสนใจและเพิ่มระดับความเข้มข้นป้องกันไม่ให้นำสินค้าการเกษตรเข้าสู่ราชอาณาจักร ซึ่งเคยประกาศไว้ว่า จะทำสงครามกับสินค้าเถื่อนทุกประเภทและระบุว่า การอภิปรายที่รับฟังนั้นรู้สึกไม่ค่อยดี โดยเฉพาะคำพูดสุดท้าย ผู้ซึ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ได้กล่าวทิ้งท้ายด้วยถ้อยคำทิ่มตำตนเองและชี้แจงว่า ไม่สามารถย้อนกลับไปอดีตได้ แต่เลือกที่จะทำเพื่อบ้านเมือง ทั้งนี้ รัฐบาลได้เพิ่มความเข้มงวดการขนส่งสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านนั้น เนื่องจากมีการร้องเรียนจากชาวสังขละบุรี ที่ได้รับความเดือดร้อนโดยอ้างว่า ได้รับผลกระทบจากยางที่กองอยู่ส่งกลิ่นเหม็น กระทบต่อสุขภาพของประชาชนและทราบว่า ผู้ประกอบการที่ไปยื่นร้องทุกข์ เป็นเครือญาติของพวกท่าน ส่วนที่กล่าวหาพาดพิงว่า ชุดเฉพาะกิจมีการเรียกร้องรับผลประโยชน์ ขอให้เปิดเผยรายชื่อบุคคลที่กระทำการดังกล่าว ขออย่ากล่าวหาแบบคลุมเครือไม่ชัดเจน ขอให้เปิดเผยรายชื่อ
“เมื่อท่านกล้าเปิดหน้าแล้วท่านต้องพูดให้สุด ว่ามันผู้นั้นคือใครที่บังอาจเรียกรับผลประโยชน์ นโยบายในการปราบปรามสินค้าเถื่อนทุกประเภท โดยเฉพาะยางพารา เป็นที่ประจักษ์แก่สังคมและชาวสวนยางว่าหลังจากที่นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการฝ่ายความมั่นคงโดยกองทัพบก มีความเข้มข้นตรวจค้นตรวจสอบอย่างทุกประเภท ในการนำเข้าและส่งออกว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
ย้ำราคายางขยับขึ้นคือผลงานรัฐบาล
ร.อ.ธรรมนัส ชี้แจงต่อว่า ด่านที่มีการตั้งนั้นเป็นของกรมวิชาการเกษตร เนื่องจากชาวบ้านร้องเรียนว่ามีกลุ่มพ่อค้า หัวใสที่ไปปลูกยางฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เพราะค่าแรงงานถูกต้นทุนการผลิตต่ำ และลักลอบนำเข้ามาขายในประเทศไทยและสินค้าบางล็อตขนส่งไปยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับวงการยางและถือเป็นรอบหลายปีที่ราคายังขึ้นและเป็นแนวทางที่รัฐบาลทำถูกต้อง ช่วงเช้ามีการแถลงผลงานการปราบปรามการนำเข้าหมูเถื่อน ร่วมกับชุดเฉพาะกิจ จึงถามกลับว่า การทำหน้าที่ของทีมงานดังกล่าวที่มีความเข้มข้นว่า การทำงานย่อมกระทบต่อผู้เสียประโยชน์ ที่ไม่ใช่ประชาชนแต่เป็นกลุ่มพ่อค้ากลุ่มนักธุรกิจหัวใส ที่ทำมาหากินบนความทุกข์ยากลำบากของประชาชนคนไทย ซึ่งขณะนี้กระทรวงเกษตรได้ดูแลเกษตรกรทั้งประเทศ 31 ล้านคน และภาคแรงงานที่อยู่ในแวดวงเกษตรอีก 21ล้านคน
ชุดฉก.จากหลายหน่วย-ไร้เงินเดือน
“การอภิปรายและเสียดสีไม่ควรมีอยู่ในเวทีวุฒิสภาผู้ทรงเกียรติ ผมรับที่จะสืบหาข้อเท็จจริง ว่าบริษัทที่ได้รับผลกระทบคือบริษัทของใคร เป็นเครือข่ายของใคร และจะนำเสนอต่อประชาชนรับทราบ วัดสิ่งที่เกิดขึ้นกระทบต่อวิถีชีวิตของเกษตรกร จากนี้ให้ประชาชนจะได้ตัดสินใจเอง ว่าการบริหารราชการแผ่นดินของผมเองและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ได้ทำงานตอบโจทย์เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างไร ขณะที่ชุดเฉพาะกิจมีการทำงานโดยไม่มีผลประโยชน์ตอบแทน ไม่มีเบี้ยเลี้ยงในการทำงาน และชุดนี้ไม่ทำงานเฉพาะสายการเมืองเท่านั้น แต่ทำงานโดยมีผู้แทนจากอัยการสูงสุด คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เจ้าหน้าที่จากฝ่ายความมั่นคงของกระทรวงกลาโหม เจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติและผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมด้วย” รมว.เกษตรฯ ระบุ
นายกฯน้อมรับทุกสิ่งที่เกิดประโยชน์
เวลา 14.45น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังฟังการประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณาญัตติเรื่องขอเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 มาตรา153 ในช่วงเช้า ว่า ก็ได้รับฟัง ซึ่งเรื่องที่ตนตอบได้ ก็ได้ตอบไป อะไรที่เป็นประโยชน์เราก็น้อมรับไปปรับปรุงแก้ไข“ก็อย่างที่ผมพูดไป เมื่อเช้านี้ท่านกล่าวเปิดมา ผมก็ตอบ ผมก็อธิบายบางเรื่องไปและถ้าเผื่อมีโอกาสก็จะกลับเข้ามา” นายเศรษฐา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี