‘สว.คำนูณ’กระตุกเตือนเข้มๆ ‘รัฐบาลเศรษฐา’อย่าเลือกเดินตามแนว‘เอ็มโอยูปี44’ยุคนายใหญ่แม้ว ส่อเกิด3ล็อค2เสี่ยงถูกลักไก่เสีย‘เกาะกูด’ให้กัมพูชา แนะทำไปพร้อมกัน คุยนำขุมทรัพย์ใต้ทะเลมาใช้-เจรจาเขตแดนตลอดแนว
เมื่อวันที่ 25 มี.ค.2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีพล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วนขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 โดยนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อภิปรายเกี่ยวกับประเด็นปัญหาการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทยระหว่างไทยกับกัมพูชา ตอนหนึ่ง ว่า ตนเป็นห่วง หลังจากฟังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไปกล่าวปาฐกถาเรื่องจุดเปลี่ยนพลังงานไทยสู่ความยั่งยืน ขณะเปิดงาน Thailand energy exclusive forum แล้วระบุว่า เรื่องสำคัญที่สุดคือเรื่อง OCA เรื่องพื้นที่ทับซ้อนที่มีมูลค่ามหาศาล ขึ้นอยู่กับตัวเลขไหนจะพูดกัน หากมีค่าสูงกว่า 20 ล้านล้านบาท แต่เรามีปัญหาเรื่องชายแดน เขตแดน ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ขอแบ่งเป็น 2 ส่วน คือเรื่องพื้นที่ทับซ้อน และเรื่องขุมทรัพย์ที่อยู่ใต้ทะเล ที่ต้องมีการพูดคุย ยืนยันว่าเราให้ความสำคัญสูงสุดกับเรื่องนี้ ที่จะพยายามนำสินทรัพย์นี้ออกมาใช้โดยเร็ว ในช่วงเปลี่ยนผ่านจาก Brown Energy เป็น Green Energy ขอให้สบายใจได้ว่าเราจะเดินหน้าเรื่องนี้ต่อ โดยจะแยกแยะระหว่างปัญหาพื้นที่ทับซ้อนกับปัญหาเรื่องแบ่งผลประโยชน์ ที่ต้องโปร่งใสตรวจสอบได้
นายคำนูณ กล่าวต่อว่า ที่ตนเป็นห่วงคือเมื่อสว.ท้วงถามเรื่องนี้ นายกฯ มอบนายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ มาตอบชี้แจง โดยนายจักรพงษ์ ชี้แจงว่า จะไม่แบ่งการเจรจา โดยมี 3 ทางเลือก 1.ยึดตามเอ็มโอยู ปี 2544 ที่แบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วน โดยลากเส้นต่อจากหลักมุดที่ 73 หรือจุด A ลงมาในทะเลไหล่ทวีป โดยใช้เส้นละติจูดที่ 11 องศาเหนือ แบ่งเขตแดนด้านบนและด้านล่าง พร้อมย้ำว่าจะเจรจาพร้อมกันทั้งด้านบนและด้ายล่างไม่อาจแบ่งแยกการเจรจาได้ 2.จะมีการแก้ไขเอ็มโอยูปี 44 เพิ่มเติม หรือจะทำเอ็มโอยู ปี 2567 ขึ้นใหม่ เพื่อแบ่งผลประโยชน์ของชาติโดยเร็ว โดยพักเรื่องเขตแดนไว้ก่อน และ 3.เจรจาตกลงเรื่องเขตแดนสำเร็จตลอดแนวก่อนแบ่งผลประโยชน์ทางทะเล ทั้งนี้เมื่อวันที่ 1 ก.ค.2515 รัฐบาลลอนนอล ยึดอำนาจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์กัมพูชา และประกาศเส้นแบ่งเขตแดนไหล่ทวีปผ่าเกาะกูด จ.ตราด ของไทย กินแดนของเกาะไปครึ่งหนึ่ง ทั้งที่เกาะกูดเป็นของไทยกว่า 150 ปี ตั้งแต่สมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ 5
นายคำนูณ กล่าวต่อว่า ต่อมาทางการไทยได้ตอบโต้ในปี 2516 โดยออกพระบรมราชโองการวันที่ 18 พ.ค.2516 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ยึดตามอนุสัญญาเจนีวา ลากเส้นแบ่งเกาะกูดกลับมาเป็นของไทยเช่นเดิม โดยให้กองทัพเรือยึดรักษาเขตแดนนี้ และยกสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1907 ข้อ 2 วันที่ 23 มี.ค.2450 กรณีรัฐบาลฝรั่งเศสยอมยกดินแดนเมืองด่านซ้ายและเมืองตราด กับเกาะทั้งหลาย ซึ่งอยู่ภายใต้แหลมสิงห์ไปจนถึงเกาะกูดให้เป็นของสยาม และที่ผ่านมากัมพูชาไม่เคยโต้แย้งสิทธิ์เรื่องเหล่านี้มาก่อน ที่เป็นห่วงคือเมื่อรัฐบาลพรรคไทยรักไทยเข้ามา และมีการทำเอ็มโอยูปี 2544 ก่อให้เกิด 3 ล็อค 2 เสี่ยง 3 ล็อค คือ1.ให้แบ่งเขตแดนเฉพาะส่วน 2.กำหนดพื้นที่ผลประโยชน์ไว้ตายตัวในส่วนที่ยังไม่ได้แบ่งดินแดน 3.ไม่อาจเจรจารูปแบบอื่นได้ ขณะที่ 2 เสี่ยง คือ 1.เสียผลประโยชน์(ทันทีที่ตกลง) และ2.เสียเขตแดน(ทันทีที่ตกลงและในอนาคต)
นายคำนูณ กล่าวด้วยว่า ขณะที่ข้อเสียคือไทยไม่มีประเด็นใดๆ จะต้องเจรจาเรื่องกรรมสิทธิ์เหนือเกาะกูด การไปยอมรับการมีอยู่ของเส้นแบ่งแนวเขตไหล่ทวีปของกัมพูชามาบันทึกลงในเอ็มโอยู ปี 44 เป็นเพียงการนำข้อขัดแย้งมาบรรจุไว้เพื่อให้มีการเจรจา หรืออาจเข้าข่ายการยอมรับโดยปริยาย หรือเข้าลักษณะกฎหมายปิดปาก หากต้องเป็นความขึ้นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในอนาคต
ดังนั้นถ้าไทยละทิ้งความได้เปรียบ เส้นแบ่งเขตแดนทั้งส่วนบนและส่วนล่างไป จะทำให้เราเสียเปรียบกัมพูชา อย่างไรก็ตาม คณะรัฐมนตรีจะตัดสินใจในเรื่องนี้อย่างไร ตนเชื่อมั่นในความจงรักภักดี ในความเคารพต่อบรรพบุรุษ ว่าในการตัดสินใจ มี 2 กรณี 1.ต้องรับผิดชอบต่อบรรพบุรุษ ที่รักษาดินแดนไทยและส่งมอบมาถึงรุ่นเรา และ 2.ต้องรับผิดชอบต่อลูกหลานว่าการตัดสินใจใดๆ ต้องเหลือมรดกไว้ให้ลูกหลาน
“ดังนั้นรัฐบาลจะเลือกเดินตามแนวทางตามเอ็มโอยูปี 44 หรือไม่ หรือรัฐบาลจะมีแนวทางใหม่ที่จะเลือกเดิน โดยเอาขุมทรัพย์ใต้ทะเลขึ้นมาใช้ก่อน และไม่พูดเรื่องเขตแดนไปพร้อมกัน ผมไม่เห็นด้วย ผมเห็นว่าจะต้องทำไปพร้อมกัน และเราต้องเจรจาเขตแดนตลอดแนวของทั้ง 2 ประเทศ” นายคำนูณ กล่าว
---017
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี