ประกาศกลับไทย28มี.ค.
‘จักรภพ’เลิกลี้ภัย
อ้างกลับมารับใช้บ้านเกิด
กกต.เกาะติด‘แม้ว’เคลื่อนไหว
ยังไม่ถึงขั้นครอบงำพรรคพท.
ประธาน กกต.บอกจับตา เทวดาทักษิณ เคลื่อนไหว ชี้ไปเพื่อไทย ยังไม่พบทำผิดกฎหมายพรรคการเมือง ยังไม่ถึงขนาดครอบงำพรรค บอกจะไปไหนมาไหนคงห้ามไม่ได้ ด้าน“จักรภพ เพ็ญแข”โพสต์เลิกลี้ภัยประกาศกลับไทย 28 มีนาคม
27 มีนาคม 2567 นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯซึ่งได้รับการพักโทษ ได้ เดินทางไปพรรคเพื่อไทย ทั้งที่ยังมีสถานะเป็นนักโทษ การกระทำนี้ถือว่าผิดกฎหมายพรรคการเมือง และเป็นการครอบงำพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลหรือไม่ ว่า กกต. มีหน้าที่ดูแลพรรคการเมืองอยู่แล้ว ถ้าพรรคใดยินยอมให้บุคคลใดมาครอบงำ หรือคนใดไปครอบงำพรรคการเมือง ก็มี พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 28 และ 29 ระบุไว้ชัดเจน ห้ามพรรคการเมืองยินยอมให้ผู้ใดมาครอบงำ ดังนั้นถ้ามีการกระทำใดๆที่อาจจะเข้าข่ายฝ่าฝืน 2 มาตรานี้ ก็เป็นเรื่องที่ กกต. สามารถดำเนินการได้
ส่วนการปรากฏตัวของนายทักษิณ มี สส. รัฐมนตรี และสมาชิกพรรค ไปพบที่พรรค ต่างจากการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ประธาน กกต. ยืนยันคำเดิมว่า ถ้าผิดกฎหมายจะต้องมีการครอบงำ
“การไปที่พรรคก็ไม่น่าจะถึงขนาดเป็นการครอบงำ แต่หากมีข้อเท็จจริงที่ชัดเจนว่าเป็นการครอบงำ ก็ถึงเวลาที่ กกต. ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย” นายอิทธิพร กล่าว
ห้ามแม้วเคลื่อนไหวไม่ได้
เมื่อถามต่อว่าถ้านายทักษิณ เข้าไปห้องประชุมเพื่อมอบนโยบาย จะถือว่าเป็นการครอบงำใช่หรือไม่ ประธาน กกต. กล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริง เพราะข้อสันนิษฐานเอามาพิจารณาไม่ได้ ถ้ามีการเคลื่อนไหวทางการเมือง กกต.จะมีการติดตามเรื่อง รวบรวมข้อเท็จจริง หากมีประเด็นก็เสนอให้เลขาธิการ กกต. ซึ่งเป็นนายทะเบียนพรรคการเมืองพิจารณาว่าสมควรตั้งกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานหรือไม่ หากเห็นว่ามีมูลก็ต้องสืบสวนให้ครบถ้วน ว่าฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ เพื่อพิจารณาเอาผิดต่อไป
ส่วนจากนี้นายทักษิณ จะเดินสายไปพบมวลชนและประชาชนทำได้หรือไม่ ประธาน กกต. ยืนยันคำเดิมว่า ถ้าการกระทำใดๆไม่เข้าข่ายที่จะถือเป็นการครอบงำ ก็ไม่สามารถไปห้ามได้ แต่ถ้าเป็นการครอบงำก็ต้องมีข้อเท็จจริงด้วย เราคงไม่สามารถไปตัดสินได้จากข้อเท็จจริงปรากฏเฉยๆ คงไม่ได้
เมื่อถามว่ามีการมองว่าเป็นเรื่องของครอบครัว ดังนั้นกันทำกิจกรรมเกี่ยวกับครอบครัวกับการครอบงำ แตกต่างกันหรือไม่ นายอิทธิพร หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า “ไม่ใกล้เคียงกันเลย สิ่งที่ใกล้เคียงกันมีเพียง “ค” ควาย”
นายกฯมีคนเดียวคือ”เศรษฐา”
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่า ส่วนตัวมีกำหนดที่จะเข้าพบนายทักษิณหรือยัง ว่า จะบอกทำไม ไม่บอกหรอก สมมุติวันนี้ตนจะพบนายทักษิณ ก็พบในฐานะอดีตผู้ใต้บังคับบัญชา พบกับผู้มีพระคุณในอดีต ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาบอกสื่อ มันไม่ใช่ เพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับงาน และตนมองว่าหากใครจะไปปรึกษานายทักษิณ ก็ไม่มีความผิดอะไรเพราะนายทักษิณไม่ได้สั่งการแต่เป็นการให้คำปรึกษาเท่านั้น นายทักษิณสั่งการไม่ได้ คนที่สั่งการได้คือนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันเท่านั้น ขอสื่ออย่าจับคำพูด ทีละคำ ความสงสัยแล้วมาตีความ จนเกิดความสงสัย เรื่องแบบนี้ประชาชนไม่ควรมีความสงสัย ยืนยันว่า นายกฯ มีคนเดียว คือนายเศรษฐา
แม้วมีปาฎิหารสุขภาพแข็งแรง
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่านับว่าปฏิหารย์มากที่สุขภาพของนายทักษิณ ยิ่งโชว์ตัวยิ่งแข็งแรง ในขณะที่กรมราชฑัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจคงร้อนๆหยาวๆ
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช อดีตสส.นครศรีธรรมราชพรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่า พรรคเพื่อไทยคงปรับกลยุทธ ดึงนายทักษิณ เข้ามากู้ศรัทธาเรียกคะแนนนิยมสู้ก้าวไกล
กลับมาเลี้ยงหลานไม่มีอยู่จริง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ) กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ เดินทางไปพบสส.พรรคเพื่อไทย จะส่งผลต่อแรงกระเพื่อมทางการเมืองหรือไม่ ว่า ความจริงเชื่อว่าคนคาดการณ์อยู่แล้วว่าจะมาเลี้ยงหลานไม่จริง ไปเลี้ยงดิโอนลี่ (ลูกสิงโตขาวที่ จ.เชียงใหม่) มากกว่า และเป็นสิ่งที่ไม่นอกเหนือการคาดการณ์
“ส่วนจะกระทบทางการเมืองมากน้อยแค่ไหนก็ต้องรอดูว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่ช่วงที่ผ่านมาเราจะเห็นว่าความนิยมของรัฐบาลยังไม่ดีขึ้นจากการบริหารราชการแผ่นดิน แต่เชื่อว่าการไปพรรคเพื่อไทยมีความมุ่งหวังทางการเมือง แต่ยังไม่อยากวิจารณ์ไปตั้งแต่ตอนนี้ว่าผลจะออกมาอย่างไร เพราะคนไทยก็ติดตามกันอยู่แล้ว” นายจุรินทร์ กล่าว
“จักรภพ”เลิกลี้ภัยของกลับไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ลี้ภัยในต่างแดน ได้เผยผ่านเพจส่วนตัว จักรภพ เพ็ญแข – Jakrapob Penkair ว่า “วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม 2567 เวลา 07.35 น.จักรภพ เพ็ญแข กลับไปรับใช้ เมืองไทยครับ”
ทั้งนี้ ได้มีแฟนเพจของนายจักรภพเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ว่า “ขอให้ท่านจักรภพ เดินทางโดยสวัสดิภาพครับ”
อย่างไรก็ตาม สำหรับ นายจักรภพ เป็นอดีตผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ และนักวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศชื่อดัง ก่อนจะผันตัวเองมาเป็นนักการเมือง และยังเป็นนักการเมืองที่ได้รับข้อกล่าวหา มาตรา 112 จากการไปพูดเรื่องระบบอุปถัมภ์ในไทย ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทยด้วย
จากนั้น นายจักรภพ มีบทบาทในการก่อตั้ง นปก. แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ ก่อนจะขยายตัวมาเป็น นปช. ก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางออกนอกประเทศ และเมื่อปีรัฐประหารเมื่อปี 2557 ได้ถูกคสช.เรียกรายงานตัว แต่ไม่มา จึงถูกศาลทหารออกหมายข้อหาฝ่าฝืนการไปรายงานตัว และถูกกล่าวหาในคดีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธสงคราม ในปี 2560
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี