โทรหา‘เทวดาแม้ว’ก่อนกลับไทย
‘จักรภพ’มอบตัว
ได้ประกันข้อหาอั้งยี่-อาวุธปืน
ลุ้น‘จารุพงศ์’ตามมาอีกคน
สภาเดือดนายข้าใครอย่าแตะ
“จักรภพ เพ็ญแข”เผยโทรปรึกษาเทวดาทักษิณ ก่อนกลับไทย มอบตัวตำรวจกองปราบฯก่อนได้ประกัน เตรียมประสานแกนนำเสื้อแดงกลับบ้าน คาด “จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ”คิวต่อไป ด้านสภาเดือด นายใหญ่ข้าใครอย่าแตะ! “โรม” ตั้งกระทู้ถามปมคาใจสังคมไทยกับอาการป่วย “ทักษิณ”
เจอเพื่อไทยลุกขึ้นขวางสุดลิ่ม
เมื่อเช้าวันที่ 28มีนาคม2567 นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯเดินทางกลับจากต่างประเทศ และเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนกองปราบ ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งหลังสอบปากคำแล้วเสร็จ พนักงานสอบสวนอนุญาตให้ประกันในชั้นสอบสวน โดยกำหนดหลักทรัพย์เป็นเงิน 200,000 บาทต่อคดี โดยไม่มีเงื่อนไข โดยจะต้องมารายงานตัวกับพนักงานสอบสวนครั้งต่อไปในวันที่ 22 และ 23 เมษายนนี้ หลังประกันตัว
ทั้งนี้ นายจักรภพ เปิดใจหลังจากพบพนักงานสอบสวน ว่า การตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทย ก็เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหา และต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งหลังจากรัฐประหาร 2549 ตนมีคดีเยอะ เกือบ 10 คดี ก็มีทั้งการต่อสู้คดี คดีหมดอายุความ ขณะที่คดีมาตรา 112 อัยการก็สั่งไม่ฟ้องไปหลายปี ตอนนี้มีคดีอยู่เพียง2 คดี ในเรื่องอาวุธปืน และขัดคำสั่งคสช. โดยสาเหตุที่ตัดสินใจกลับมาก็เพราะสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป การสร้างประชาธิปไตย มีมากกว่าทำลาย ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการเข้ามาเป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ทำให้เกิดความมั่นใจในการต่อสู้คดี ยืนยันไม่มีการดีล มีแต่การพูดคุยกันเท่านั้น
ปรึกษาแม้วก่อนกลับไทย
เมื่อถามว่าหากรัฐบาลทาบทามให้มาช่วยงาน นายจักรภพ กล่าวว่า ยินดีรับใช้ชาติ หากรัฐบาลทาบทาม แต่จะไม่ไปในกรณีที่ทำให้เกิดความขัดแย้งในภาพรวมและพรรคการเมือง หากมีปัญหา ก็จะอยู่เบื้องหลัง เมื่อถามว่า ได้ติดต่อนายทักษิณ ชินวัตร ก่อนเดินทางกลับมาหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ได้โทรศัพท์คุยกัน 1 ครั้ง ท่านได้พูดคำสำคัญคำหนึ่งว่าหลายอย่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เราพูดได้เท่านี้ แต่ไม่ได้พูดคุยเรื่องคดี เพราะเป็นคดีที่คนละแบบกัน แต่ละคนก็ต้องทำการบ้านของตัวเอง
เตรียมดึง”จารุพงษ์”กลับมาด้วย
เมื่อถามว่าต่อจากนี้คนเสื้อแดงจะทยอยเดินทางกลับมาหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น และจะขอเสนอตัวช่วยเหลือคนที่อยากกลับมา และกลับมาได้ด้วยการต่อสู้ในคดีความและมีความพร้อม อย่างคุณจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งการที่ตนกลับมา ก็เหมือนหนูลองยา ให้หลายคนมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
เมื่อถามถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายจักรภพ กล่าวว่า เชื่อว่าท่านก็อยากกลับบ้านเหมือนทุกคน และเท่าที่ทราบท่านก็มีคดีแค่จำนำข้าว อย่างอื่นก็หมดไปแล้ว แต่อาจจะเกินกำลัง และเกิดสติปัญญา ที่ตนจะเข้าไปจัดการขอช่วยเฉพาะคนที่สามารถช่วยเหลือได้ก่อน จากนี้จะเข้ามารายงานตัวและสอบปากคำในวันที่ 22-23 เมษายน และจากนี้จะไปไหว้อัฐิพ่อแม่ หลังจากที่ลี้ภัยไปนานกว่า 15 ปี
ขณะที่ ณัฐนันท์ เพ็ญแข น้องสาวของนายจักรภพ กล่าวว่า ดีใจมาก ที่จะได้พบพี่ชายหลังไม่เจอกันมา 15 ปี ซึ่งพี่ชายได้เล่าการเป็นอยู่ชีวิตในต่างแดนว่า มีชีวิตอยู่ตามอัตภาพ
ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและผู้ลี้ภัยทางการเมืองในต่างแดน เดินทางกลับประเทศไทย เพื่อเข้ามอบตัวตามหมายจับในข้อหาร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและเป็นอั้งยี่ ว่า ตนเชื่อว่ารัฐบาลเราให้ความสำคัญกับความยุติธรรมอยู่แล้ว ใครที่มีปัญหาในอดีต ถ้ากลับเข้ามาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ถูกต้อง แต่ตนไม่ได้ติดตามกรณีของนายจักรภพ ในรายละเอียดว่ามีอะไร เมื่อนักข่าวถามมา ตนก็ต้องบอกว่าต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขอใช้คำนี้เป็นหลัก
ไม่ได้ประสานทางบัวแก้ว
นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า นายจักรภพไม่ได้ประสานมาทางกระทรวงการต่างประเทศ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคง ซึ่งปกติถ้ามีบุคคลที่ฝ่ายความมั่นคงเป็นกังวล จะหารือมาที่ กระทรวงการต่างประเทศ แต่ไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศโดยตรง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ที่ลี้ภัยในต่างประเทศ หากต้องการกลับประเทศ สามารถประสานมาที่ กต.ได้เลยหรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า คงจะแจ้งมาได้ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครประสานมา น่าจะเกี่ยวข้องกับฝ่ายความมั่นคงและทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมากกว่า เรายังไม่ได้รับเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น และยังไม่ได้รับรายงานด้วย
เมื่อถามว่าปกติคนที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ทางกระทรวงการต่างประเทศจะต้องติดตามพฤติกรรมของเขาหรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่าถ้าไม่มีปัญหาหรือไม่มีประเด็นอะไร ก็ไม่ได้ติดตามอะไรอย่างใกล้ชิด เพียงแต่รับรู้ เพราะเรามีสถานทูตอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว ไม่ได้ไปติดตามความเคลื่อนไหวอะไร เพราะเขาก็อยู่ถูกต้องตามกฎหมายในประเทศนั้นๆ อยู่แล้ว
สภาเดือดนายข้าใครอย่างแตะ
วันเดียวกันน. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทรราษฏร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม วาระกระทู้ถามทั่วไปของ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ตั้งกระทู้ถามสด พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เรื่องขอทราบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนำตัวผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำ ซึ่งกระทู้นี้ได้เคยตั้งถามไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 30ต.ค.2566
โดนทันทีนายรังสิมันต์ เอยชื่อถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้สส.พรรคเพื่อไทย อาทิ นายไชยวัตร ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม ลุงขึ้นประท้วงไปยังประธานที่ประชุมว่า ตนได้กล่าวนำไปแล้วว่าหากไม่จำเป็นอย่าเอ่ยชื่อบุคคลภายนอก ตนขอเพราะคนภายนอกไม่สามารถมาชี้แจงในสภาได้
ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ ในฐานะประธานการประชุม วินิจฉัยว่า ไม่สามารถให้เอ่ยชื่อเพราะบุคคลภายนอกได้ เพราะบุคคลภายนอกไม่สามารถจะมาตอบได้ แต่อนุญาตให้พูดว่า นายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งแทนได้ นายรังสิมันต์ จึงกล่าวว่า อย่างนั้นเรียกท่านอดีตนายกฯ ”โทนี่ วู้ดซัม“ตนพยายามเลี่ยงเต็มที่เพราะการที่เอ่ยก็ไม่ได้เสียหาย แต่นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ท่านวินิจฉัยเองว่าไม่ได้เสีย แต่คนฟังข้างนอกอาจจะเกิดความเสียหายได้ คำว่า “โทนี่ วู้ดซัม“ก็ไม่อยากให้ใช้ ทำให้ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เอาว่าเป็นที่รู้กันพักรักษาตัวอยู่ชั้น14 ของโรงพยาบาลตำรวจ
ไทยสร้างไทยเดือดสส.ไปหาแม้ว
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้มีปรากฏภาพข่าว สส.สังกัดพรรคไทยสร้างไทย พร้อมสามี ไปปรากฏตัวต้อนรับและถ่ายรูปกับ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งอยู่ระหว่างพักโทษ ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย เรื่องดังกล่าวนายภัชริ นิจสิริภัช รักษาการณ์โฆษกพรรคไทยสร้างไทย ออกมาให้สัมภาษณ์วิจารณ์อย่างรุนแรงและแนะนำให้ลาออกจากพรรคไทยสร้างไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี