ปชป.หยัน‘เศรษฐา’บินทั้งวัน-ไร้ผลงาน
สับ‘รัฐบาลแมลงวัน’
โบแดงสร้าง‘นักโทษพันธุ์ใหม่’
ก.ก.อัดไร้ภาวะผู้นำ-บริหารมั่ว
ตั้งครม.แบบสมบัติผลัดกันชม
นายกฯสวนปชป.แค่แมลงหวี่
ผู้นำฝ่ายค้านเปิดหัวซักฟอกรบ.ซัดสมบัติผลัดกันชม อัดทำลายสิ่งใหม่รักษาสิ่งเก่า ผูกขาดอำนาจการเมือง-เศรษฐกิจในมือ“ชนชั้นนำ”ไม่กี่กลุ่ม สับนโยบายอ้างชาวบ้านบังหน้า เบื้องหลังเจอแต่ฉ้อฉล ปชต.แบบไหลย้อนกลับ”นายกฯ”ลุกโต้ ทำสารพัดงานคืบหน้า โอดเพิ่งมา7เดือน ทุกอย่างต้องใช้เวลา แนะหาหลักฐานมาถ้าจะกล่าวโทษ-กล่าวหา‘จุรินทร์’ซัดผลงานเดียวสร้าง’นักโทษเทวดา’เย้ยขยันบินต่างประเทศไปทำตลาดหรือตลก วันๆทำแต่อีเว้นท์ เย้ยบินทั้งวันแต่ไม่ได้อะไร ถามอาสาเป็นเซลล์แมน ปิดการขายได้หรือยัง เตือนพฤติกรรม‘ได้คืบเอาศอกลามได้ศอกจะเอาวา’ระวังพังเหมือนอดีต
เมื่อเวลา 09.30น.วันที่ 3เมษายน2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ตามที่ นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและคณะ จำนวน 98คน เป็นผู้เสนอ
‘ชัยธวัช’สับรบ.ดำเนินนโยบายสับสน
โดย นายชัยธวัช ลุกขึ้นอภิปรายเสนอญัตติในภาพรวมว่า หลังเลือกตั้งประชาชนต่างคาดหวังว่าเราจะได้ผู้นำประเทศคนใหม่ที่ต่างไปจากผู้นำหลังการรัฐประหาร แต่เวลาผ่านไปเรากลับได้นายกรัฐมนตรี ที่ไร้วุฒิภาวะ หลายครั้งมีความสับสนว่า มีอำนาจทำอะไรได้บ้าง ขาดภาวะผู้นำในการสร้างความเชื่อมั่นและความชัดเจนในทิศทางของรัฐบาล ซ้ำร้ายยังมีวิธีคิดจัดตั้งคณะรัฐมนตรี(ครม.) แบบเดิมที่จัดสรรตามโควตาสมบัติผลัดกันชม แทนที่จะสรรหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมเข้ามาบริหารกระทรวงต่างๆ เมื่อประชาชนได้เห็นหน้ารัฐมนตรีหลายคนหลังประกาศจัดตั้ง ครม.ก็ต้องสิ้นหวัง เมื่อรัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศมากว่าครึ่งปี ประชาชนคาดหวังจะได้เห็นนโยบายพลิกฟื้นเศรษฐกิจปากท้องดีขึ้น แต่สิ่งที่ประชาชนพบคือ การดำเนินนโยบายที่สับสน คิดไปทำไป นโยบายเรือธงของรัฐบาลขาดยุทธศาสตร์และแนวทางที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม ตรงเป้าหมายและแทนที่ประชาชนจะได้เห็นการบริหารราชการแผ่นดิน ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ลืมตาอ้าปาก เสมอภาคเท่าเทียม เป็นธรรม เรากลับเห็นการส่งเสริมระบบเศรษฐกิจที่ผูกขาด หรือเอื้อประโยชน์ทุนใหญ่เต็มไปหมด หลายนโยบายแอบอ้างประชาชนบังหน้าแต่เบื้องหลังเนื้อในกลับเต็มไปด้วยการฉ้อฉลเชิงนโยบาย เปิดทางให้รัฐมนตรีและพวกพ้องแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ
ผ่านไป7เดือนยังทำงานวนไปวนมา
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า ประชาชนยังคาดหวังจะเห็นการปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น รัฐบาลชุดใหม่ตอนเริ่มจัดตั้งรัฐบาลแถลงด้วยความมั่นใจว่าจะผลักดันให้เกิดการจัดทำประชามติเพื่อให้มีการจัดทำธรรมนูญฉบับใหม่โดยเร็ว วันนี้ผ่านไป 7เดือนแล้ว ยังคงวนไปวนมา ประชาชนไม่แน่ใจแล้วว่าตกลงรัฐบาลจะเอาอย่างไรต่อ จนมีการวิเคราะห์กันว่า แม้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ทันจริงในรัฐบาลสมัยนี้ เราก็อาจจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะยังคงไม่ไว้วางใจประชาชนเหมือนเดิม ก่อนหน้านี้ตนยังคาดหวังว่าหลังมีรัฐบาลใหม่ จะได้เห็นการฟื้นฟูสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน จะเห็นการคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองที่สืบเนื่องมาอย่างยาวนาน แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับพบว่ากระบวนการนิติสงครามยังดำเนินต่อไปไม่ต่างจากหลังรัฐประหาร สถานการณ์การปราบปรามประชาชนที่มีความเห็นต่างในนามกฎหมายยังไม่เปลี่ยนแปลง สิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนเริ่มมีสัญญาณว่าจะถูกคุกคามแทรกแซง
เกิดวิกฤตศรัทธาครั้งใหญ่วงการตำรวจ
ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ประชาชนยังคาดหวังจะเห็นการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เห็นการฟื้นฟูนิติธรรมนิติรัฐอย่างที่รัฐบาลแถลง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงกลับเป็นวิกฤตศรัทธาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในวงการตำรวจ รวมถึงในระบบราชการยังเต็มไปด้วยระบบตั๋ว ระบบส่วย จนประชาชนไม่สามารถไว้วางใจในกลไกการบริหารราชการแผ่นดิน ความเสมอภาคเท่าเทียมในการบังคับใช้กฎหมายและความเสมอภาคเท่าเทียมในกระบวนการยุติธรรมถูกเซาะกร่อนบ่อนทำลาย วิกฤติศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมยังคงดำเนินต่อเนื่อง ไม่ต้องพูดว่าถ้าไม่ชอบก็ต่างคนต่างอยู่ เพราะพี่น้องประชาชนต้องการอยู่ในระบบเดียวกัน ต้องการอยู่ในประเทศเดียวกัน หนึ่งระบบที่พวกเราได้รับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพเสมอภาคกัน ได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกันเสมอหน้ากัน ใช้กฎหมายฉบับเดียวกัน
ผูกขาดอำนาจการเมือง+ศก.คนไม่กี่กลุ่ม
นายชัยธวัช อภิปรายด้วยว่า หลังมีรัฐบาลใหม่ประชาชนคาดหวังจะเห็นระบบการเมืองที่นำพาชาติและประชาชนเดินไปข้างหน้า ไปสู่อนาคตที่ดีกว่า แต่สิ่งที่เราได้กลับกลายเป็น ประชาธิปไตยแบบไหลย้อนกลับ ที่ผู้นำทางการเมืองและผู้มีอิทธิพลทางการเมืองลุแก่อำนาจ ได้คืบจะเอาศอก พยายามผูกขาดอำนาจทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจให้อยู่ในมือของชนชั้นนำไม่กี่กลุ่ม แทนที่เราจะเห็นการยกระดับทางการเมืองเดินไปข้างหน้าเพื่อสร้างการเมืองแบบใหม่ เรากลับเจอกับการเมืองที่พยายามทำลายสิ่งใหม่เพื่อรักษาสิ่งเก่า สภาวะทั้งหมดที่ผ่านมา ทำให้เราตกอยู่ในสภาพการเมืองที่ไร้ความสามารถในการตอบสนองกับความคิดแบบใหม่ๆ ของประชาชน ไม่สามารถตอบสนองกับความต้องการแบบใหม่ในยุคสมัยใหม่ของประชาชน นี่คือสถานการณ์ที่พวกผม ในฐานะผู้แทนราษฎรจำเป็นที่จะต้องวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ ตั้งคำถามและเสนอแนะต่อครม.โดยจะมีผู้มาอภิปรายลงลึกตลอดการอภิปราย2วันนี้
นายกฯขอดูหลักฐานกล่าวโทษ-กล่าวหา
จากนั้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ลุกขึ้นชี้แจงต่อจาก นายชัยธวัช ที่กล่าวเปิดญัตติไปก่อนหน้านี้ว่า ญัตติดังกล่าวแม้จะระบุว่า รัฐบาลทำทุกอย่างถอยหลัง แต่รัฐบาลมีความคืบหน้า โปร่งใสหลายเรื่อง สิ่งที่ทำอยู่เป็นบวก เป็นแสงสว่าง สิ่งที่รัฐบาลทำมา 6 เดือน มั่นใจว่า มีความซื่อสัตย์ โปร่งใส ยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง เรื่องหนี้นอกระบบ หนี้เกษตรกร มีการแก้ปัญหาพักหนี้ให้ ปัญหาพลังงานได้ดูแลราคาน้ำมันเบนซิน ดีเซล ค่าไฟฟ้า เราไม่เพิกเฉยนิ่งนอนใจ เรื่องยาเสพติด ได้ตั้งคณะทำงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข และกระบวนการยุติธรรม แก้ปัญหา ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว จับยาบ้าได้มากกว่าปีก่อนทั้งปี ขณะที่ราคายางพุ่งเกือบ 100 บาทต่อกิโลกรัม ราคาข้าวพุ่งสูง พืชผลอื่นๆ ก็ไม่มีการมาประท้วง มีการเปิดตลาดในต่างประเทศ ทำงานอย่างบูรณาการให้ราคาพืชผลดีขึ้น
นายกฯ กล่าวด้วยว่า ขณะที่การเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ตนขอชี้แจงว่า ต้องไป เพราะต้องการให้ประเทศไทยมีตัวตนในเวทีโลก ส.ส.รัฐบาล 314 คน ทุกคนยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมรับฟังความเห็น ส.ส.ฝ่ายค้าน และประชาชน แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา รัฐบาลเพิ่งบริหารประเทศมาแค่ 7เดือน ถ้ามีข้อเสนอแนะดีๆ เรายินดีรับฟัง แต่ถ้าเป็นข้อกล่าวหา กล่าวโทษ ก็ขอหลักฐานมา ดังนั้น หลังเลือกตั้งเราจะก้าวไปสู่ประชาธิปไตยที่ดีขึ้น
‘จุรินทร์’ซัดผลงานเด่น’นักโทษเทวดา’
ต่อมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายว่า ก่อนเสนอญัตติฯม.152 รัฐบาลสร้างกระแสจะอภิปรายทำไมยังไม่ใช่งบซักบาท ถือว่าตีหน้าซื่อกลางแดดชัดๆ เพราะแม้งบยังไม่บังคับใช้แต่สามารถใช่งบไปพลางก่อนได้ระหว่าง1 ต.ค. 2566-31เม.ย.2567 ใช้งบประจำและงบลุงทุนไปถึง 43.79% ของงบปี 2567 ที่บอกไม่ใช้งบซักบาทถือเป็นการแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกประชาชนชัดๆ คำถามคือทำไมใช้เงินไปมากขนาดนี้แต่ยังสอบตก คำตอบคือรัฐบาลมัวแต่ใช้การตลาดนำการบริหาร วันๆ มีแต่อีเว้นท์ เช้า สาย เที่ยง เย็น ดึกๆ ยังอีเว้นท์ จนคนไทยสำลักอีเว้นท์6 เดือน นายกฯ อยู่เมืองนอก 52 วัน มีคนถามบินไปทำการตลาดหรือทำการตลก เพราะอยู่เมืองไทยบอกเศรษฐกิจวิกฤติ แต่ไปเชิญต่างประเทศ มหาเศรษฐีที่ไหนจะมาลงทุนในประเทศที่เศรษฐกิจวิกฤติ ถ้ามาเพราะไม่เชื่อนายกฯแต่เชื่อในระบบเศรษฐกิจของไทย ที่นายกฯที่อาสาเป็นเซลล์แมนประเทศ ถามว่าปิดการขายได้บ้างหรือยัง หรือมีแต่สัญญาจะซื้อจะขายดอกไม้กับสายลม ที่เห็นชัดคือเรื่อง ทูมอร์โรว์แลนด์ คนในรัฐบาลโพสต์ผ่านเว็บทางการของรัฐบาลว่า ทูมอร์โรว์แลนด์ จะมาจัดงานที่เมืองไทยปี2569และอาจจัดต่อเนื่อง 10ปี ปรากฎว่า โฆษกของเขาแถลงชัดเจนยังไม่ยืนยันมาจัดที่ไทยและยังมีอะไรต้องพิจารณาอีกมาก ที่พูดก็อยากให้สำเร็จ แต่สิ่งที่อยากบอกคือ คนไทยอยากได้ของจริงมากกว่าการตลาด อะไรยังไม่ใช่ ไม่ต้องตีปี๊ปก็ได้ มันเสียเหลี่ยม
เย้ยสร้างภาพบินทั้งวัน-แต่ไม่ได้อะไร
“คนไทยไม่ได้กินแกลบ พูดอะไรไม่จริง ก็จับได้ คนไทยอยากให้นายกฯ บินเหมือนเหยี่ยวมากกว่าแมลงวัน ที่บินทั้งวัน แต่ไม่ได้อะไร นอกจากสร้างภาพบินไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่เหยี่ยวบินไม่พลาดเป้า เพราะเหยี่ยวไม่ทำการตลาด” นายจุรินทร์ กล่าว
สงสัยมี3นายกฯ-รมต.ไร้ประสิทธิภาพ
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ตราบใดที่รัฐบาลก้าวไม่พ้นคนชอบอวดบารมี รัฐบาลจะมีปัญหาทางการเมืองตลอดไป และอยากไปโทษคนอื่นว่าก้าวไม่พ้นคนๆ นี้เสียที คนแรกที่ก้าวไม่พ้นคือนายกฯ เพราะวันแรกที่เกิดเหตุการนายกฯถึงขั้นลงทุนนั่งรถประจำตำแหน่งไปสโลซบถึงบ้าน แถมบอกว่ายินดีให้รัฐมนตรีไปเยี่ยมได้ นอกจากนี้ยังมีปัญหานายกฯหลายคน นี้คือปัญหาใหญ่ทางการเมืองที่รัฐบาลกำลังเผชิญ มันสะท้อนความไม่เชื่อมั่น ทำให้คนเข้าใจว่านายกฯไม่ได้มีแค่นายกฯนิด ยังมีนายกฯใหญ่ และนายกฯเล็ก ทำให้เกิดปัญหาการบริหารและปัญหารัฐบาลเต็มไปด้วยรัฐมนตรีไร้ประสิทธิภาพ มีทั้งโลกลืม ผิดฝาผิดตัว ต่างตอบแทน ทำการเฉพาะกิจ และรัฐมนตรีที่โลกเซ็ง ไม่ลืมแต่เซ็ง คนหนึ่งคือรมว.คลัง จ้องแต่แยกเขี้ยวใส่ผู้ว่าแบงค์ชาติ แต่งานในหน้าที่ทำได้ไม่เข้าเป้า รายได้ 4 เดือนต่ำกว่าเป้า ฝากนายกฯ ปรับครม.เที่ยวนี้ช่วยดูแลรมต.ที่โลกเซ็งด้วย ปัญหาดิจิทัลวอลเล็ต คนไทยหลายคนเลิกเชื่อเบื่อทวง แต่ที่บอกว่าจะทำงบปี 2568 ขาดดุล 1.5แสนล้าน แปลว่าไม่มีอะไรใหม่ยังกู้มาแจกเหมือนเดิม เปลี่ยนแต่วิธีการ
ยุติธรรม2มาตรฐาน--สร้างนักโทษพันธุ์ใหม่
นายจุรินทร์ อภิปรายอีกว่า ปัญหาใหญ่ที่สุด ที่รัฐบาลต้องแก้ เพราะสร้างความเสื่อมให้รัฐบาล เซาะกร่อนบ่อนทำลายรัฐบาลมากที่สุด คือการสร้างยุติธรรมสองมาตรฐาน เป็นผลงานชิ้นเดียวที่รัฐบาลทำได้เร็วที่สุด เป็นคำตอบว่ารัฐบาลนี้เพื่อใคร นั่นคือการสร้างนักโทษพันธ์ใหม่ ที่แม้แต่เทวดาต้องยอมให้ใช้ชื่อ คุกทิพย์ ปลอกคอทิพย์ เลี้ยงหลานทิพย์ สำนึกทิพย์ จนถึงได้คืบเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา ซึ่งเกิดขึ้นไม่ได้ถ้านายกฯ รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่รู้เห็นเป็นใจ เชื่อว่าคนไทยเข้าใจเรื่องบุญคุณต้องทดแทน แต่ต้องไปตอบแทนกันเองส่วนตัว ไม่ใช่เอาบ้านเมืองไปตอบแทน คนหนึ่งได้อำนาจ อีกคนได้อภิสิทธิ์จากการใช้อำนาจ อาจยุติธรรมกับคนสองคน แต่ไม่ยุติธรรมกับประเทศ ว่าแต่การที่นายกฯ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ใครคือผู้บังคับใช้กฎหมาย นายกฯตั้งใจอยู่ 4ปี ถ้าอยู่เพื่อทำความดีไม่มีใครว่า แต่ถ้าอยู่เพื่อทำความชั่วร้ายให้แผ่นดินปีเดียวก็ไม่ควรอยู่ ตนไม่มีอคติกับนายกฯ เป็นแค่คนไทยคนหนึ่งที่มีหน้าที่มาพูดแทนคนรับความยุติธรรมที่น้ำตาตกในต้องทนอยู่กับบาปที่รัฐบาลนี้ก่อขึ้น
นักโทษเทวดา-ระเบิดเวลาอนาคต
“ผมขอตั้งคำถามว่า นายกฯ มีนโยบายนำคุกทิพย์โมเดลที่ทำลายหลักนิติธรรมยับเยินมาใช้ซ้ำสองหรือไม่ คำถามที่สองคือ ระเบียบใหม่ที่กระทรวงยุติธรรมจะออกเรื่องการกำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิคุมขังนอกเรือนจำ ขอถามว่าระเบียบดังกล่าวรวมคดีทุจริต คดี157ได้ด้วยหรือไม่ และรวมหรือไม่ ถ้าให้นักโทษ 157 ติดคุกที่บ้านได้ เท่ากับรัฐบาลส่งเสริมการทุจริตมุมกลับ ระบบนิติธรรมจะเกิดวิกฤติอีกครั้ง เพราะเกิดจากนักโทษเทวดาตัวใหม่ คำถามที่สามเรื่องนิรโทษกรรม ขอถามนายกฯ ในฐานะผู้คุมเสียงข้างมาก และนั่งหัวโต๊ะในคณะรัฐมนตรี เพราะนิรโทษกรรมเป็นดาบสองคมใช่หรือไม่ ถ้าผิดทางสร้างความแตกแยกครั้งใหม่ ขอถามว่ารัฐบาลนี้มีนโยบายที่จะนิรโทษ คดีทุจริตและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ด้วยหรือไม่ ที่ถามเพื่อส่งสัญญาณเตือนนายกฯและพวกพ้องว่าอย่าได้คืบเอาศอก เพราะในอดีตเคยมีคนพังเพราะไม่รู้จักพอมาแล้ว เพราะวันนี้มีคนร้ององค์กรต่างๆเรื่องนักโทษเทวดาทั้งหมด 24เรื่อง ผมพูดเพื่อเตือนนายกฯและรัฐบาล ว่าสิ่งที่นายกฯและพวกทำกับหลักนิติธรรมประเทศไว้จะเป็นระเบิดเวลาระเบิดใส่ตัวเองในอนาคต ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาลให้ทุกท่านดวงตาเห็นธรรมด้วย” นายจุรินทร์ กล่าว
นายกฯสวน’แมลงหวี่’เล่นแต่การเมือง
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ลุกขึ้นชี้แจงว่า ไม่มีหรอกที่นายกฯจะบินไปเหมือนแมลงวัน ขณะเดียวกันก็ไม่อยากเห็นฝ่ายค้านเป็นแมลงหวี่ ที่คอยจะจ้องเล่นแต่การเมืองทั้งที่รัฐบาลเองก็พยายาม เดินหน้าอย่างเต็มที่เพื่อขับเคลื่อนนโยบายต่างๆเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนแต่ก็ไม่ได้อยากว่าอะไร ส่วนการทุจริตคอร์รัปชั่นเราไม่มี ถ้ามีก็นำข้อมูลหลักฐานมา ผมยินดีที่จะนำข้อมูลหลักฐานมาโต้แย้งให้ความกระจ่างได้ ยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมที่จะทำงานเพื่อประชาชนต่อไป ”นายเศรษฐา กล่าว
รอดู’สึนามิการเงิน’ไหลเข้าเมืองไทย
“ตั้งแต่ผมเข้ามารับตำแหน่งและเดินทางไปต่างประเทศในประเทศที่มีการแสดงเจตจำนงจะมาลงทุนในประเทศไทย พบว่ามีเม็ดเงินเพิ่มมากขึ้น 2.5 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ชัดเจนและพิสูจน์ได้ ส่วนตัวเลขที่มีการเข้ามาลงทุนจำนวน 558,000ล้านบาท ที่สมาชิกสงสัย เป็นตัวเลขที่มีการยื่นแผนเข้ามาแล้ว เป็นตัวเลขที่จริง และมีอีกหลายบริษัทที่มีการพูดถึงตัวเลขจริง ไม่ใช่แค่ตัวเลขที่จับต้องไม่ได้ ฉะนั้นขอให้อดใจ ผมเชื่อว่าอีก 2 ปีข้างหน้าเราจะเห็นเงินลงทุนเข้ามาในประเทศไทยอย่างมหาศาล ผมขอใช้คำว่า สึนามิของการลงทุน ขอให้ท่านมั่นใจ เพราะผมเองก็มั่นใจ” นายกฯ กล่าว
รมช.คลังยันไทยมีนายกฯคนเดียว
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ลุกขึ้นอภิปรายปกป้องนายกฯ ที่ถูกอภิปราย ท้วงติงเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศว่า ตนเป็นห่วงการอภิปรายใช้คำพูดค่อนข้างแรง เช่น เศรษฐีไหนจะโง่เข้ามาลงทุน นั้น ตนเรียนว่า สิ่งที่นายกฯดำเนินไปได้รับสัญญาณบวกจากผู้ลงทุน เอกชน แต่การลงทุนเงินแสนล้านบาท ไม่มีใครตัดสินใจได้ในวันเดียว ต้องเจรจาต่อเนื่อง เชื่อเราจะได้เห็นสึนามิการลงทุนเกิดในไทยช่วงปีสองปีข้างหน้าแน่นอน ส่วนข้อห่วงใยว่า ประเทศไทยมีนายกฯแล้ว ยังมีการสั่งการผ่านท่านใดอีกหรือไม่นั้น ในฐานะเป็นหนึ่งในครม.ตนพูดแทนครม.ทุกคนได้ สิ่งนี้เป็นจินตนาการท่านเอง ไม่มีข้อเท็จจริงใดๆ ประเทศไทย เรามีนายกฯ1ท่าน คือ นายเศรษฐา เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของ ครม.การทำงานพวกเราขึ้นตรงต่อนายกฯ ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล
‘ทวี’ป้องนายกฯ-ยันกม.ออกสมัย’บิ๊กตู่’
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ชี้แจงประเด็นที่พาดพิงเชื่อมโยงไปถึงกรมราชทัณฑ์ ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคปชป.คงหมายถึง นายกทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อนรัฐบาลนี้จะเข้ามาบริหารประเทศ คือรัฐบาลของ นายจุรินทร์ เป็นผู้บริหารประเทศร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯสมัยนั้น รัฐบาลท่านในวันเดียวก็อนุญาตให้นายทักษิณ ไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ อยู่ชั้นที่14 ถ้าเป็นการกระทำในยุคของท่าน ท่านจะใช้คำพูดอีกแบบหนึ่ง แต่พอเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องมาในยุคปัจจุบันท่านกล่าวว่ าเป็นการทำร้ายกระบวนการยุติธรรม
“นี่คือสิ่งที่อยากชี้ให้เห็นวันนี้ท่านทำให้สังคมสับสนว่าคนที่ไปควบคุมอยู่โรงพยาบาลไม่ใช่เรือนจำ ในเมื่อกฎหมายบัญญัติไว้ในลักษณะนั้น ทุกคนที่ออกไปรักษาตัวอยู่นอกเรือนจำก็หักเวลาติดคุกเท่ากัน ไม่ได้มีการให้ติดคุกเพิ่ม ท่านอาจจะชอบหรือไม่ชอบกฎหมาย แต่ผมเชื่อว่าไม่ใช่กฎหมาย ถ้าการกระทำนั้นเป็นการกระทำของฝ่ายท่าน ท่านจะคิดอีกแบบหนึ่งหรือไม่ อันนี้ผมสอบถาม ผมไม่มีอะไรกับท่าน จริงๆ ก็เคารพ แต่ไม่อยากให้สังคมมีความสับสน” รมว.ยุติธรรม กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี