'เศรษฐา'เอ่ยปากแล้วหลังสงกรานต์คุยพรรคร่วมรบ.ให้สัญญาณปรับครม. ไม่ปิดประตูนั่งควบกลาโหมเอง ลั่น ปรับครั้งนี้ต้องถูกฝาถูกตัวยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง ชี้ 7 เดือนที่ผ่านมาสถานการณ์เปลี่ยน ต้องวางคนให้สภาแข็งแกร่ง บอกปรับออกได้ก็ปรับเข้าใหม่ได้ ไม่ใช่ปรับครั้งสุดท้าย
เมื่อเวลา 16.20 น.วันที่ 14 เม.ย.2567 ที่ชายหาดหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แม้นายกฯ จะยืนยัน ว่าวันนี้จะยังไม่ปรับ แต่คนก็ยังโฟกัสเรื่องนี้ ซึ่งหากจะมีการปรับจริงจะมีการปรึกษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ว่า ในความเห็นของพี่น้องประชาชนหลายล้านคน ในประวัติศาสตร์เห็นว่านายทักษิณเป็นนายกฯ ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ เรื่องการปรับครม.ตนได้แถลงไปแล้ว หากจะมีการปรับก็ต้องมีการพูดคุยกับหลายภาคส่วน โดยต้องมีการพูดคุยกับเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย
เมื่อถามว่าหลังสงกรานต์พูดคุยกับพรรคร่วมเลยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “แน่นอนครับ”
เมื่อถามต่อว่าจะเป็นการพูดคุยในลักษณะส่งสัญญาณหากพรรคไหนต้องการจะปรับสามารถแจ้งได้เลยใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า หากจะมีการปรับก็ต้องมีการพูดคุย เป็นการทำงานที่ให้เกียรติซึ่งกันและกันอยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่นายกฯ จะควบตำแหน่งรมว.กลาโหม นายเศรษฐา กล่าวว่า ทุกออฟชั่นมีความเป็นไปได้หมด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และเอาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง เอาการทำงานของคนให้ถูกฝาถูกตัวเป็นที่ตั้ง ตรงนี้มีความเป็นไปได้หมด
เมื่อถามอีกว่ามีความเป็นไปได้ที่นอกจากพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง ยังมีปัจจัยอะไรอีกที่จะทำให้นายกฯ ควบตำแหน่งรมว.กลาโหม นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่อยากจะเจาะจงกระทรวงไหน เป็นการพูดในหลักการคร่าวๆ มากกว่า หากจะไปทำงานหรือมีการโยกย้ายไม่ใช่เฉพาะตนเองคนเดียว รัฐมนตรีท่านอื่นก็ต้องดูให้ถูกคน เราก็รับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนเอง แม้แต่สื่อมวลชนเอง บอกว่าบางคนทำงานยังไม่ถูกยังไม่ดีพอ อ่อนในหลายด้านรวมถึงการสื่อสาร ด้านการประสานงาน ทุกข้อคิดเห็นตนนำมาพิจารณาหมด หากจะมีการปรับครม.
เมื่อถามต่อว่านายกฯ คือผู้มีอำนาจจรดปากกาเซ็นการปรับครั้งนี้จะเป็นการปรับใหญ่เลยหรือไม่ เพื่อจะขับเคลื่อนงบประมาณไปยาวๆ นายกฯ กล่าวว่า อย่างที่บอกว่าตนไม่อยากจะเจาะจง ว่าปรับใหญ่ ปรับเล็ก หรือปรับใคร ไม่ปรับใครบ้าง เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการพูดคุยและผลงานของแต่ละคนด้วย
เมื่อถามว่าการปรับรอบนี้จะถูกฝาถูกตัวเลยใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนอะไรต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป พรุ่งนี้มะรืนนี้ไม่ได้บอกว่าจะมีการปรับ หากจะมีการปรับต้องมีความชัดเจนว่ามีความเหมาะสม ถูกต้องถูกเวลา แต่อาจจะต้องมีหลายท่านอาจจะยังต้องพิสูจน์ตัวเอง ยังต้องการเวลาในการทำงานอยู่ เพื่อให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ และคิดว่าหากจะมีการปรับก็คงปรับเรื่อยๆ ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
เมื่อถามว่า ปรับครม.ครั้งนี้จะไม่มีแรงกระเพื่อมที่ต้องตามแก้ภายหลังใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “อ๋อ ไม่มั่นใจครับ ถ้าบอกว่าทุกอย่างไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีความกระเพื่อม มีความไม่สบายใจก็ต้องทำไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้บอกว่าจะมีการปรับนะ ”
เมื่อถามต่อว่าแรงกระเพื่อมในพรรคเพื่อไทยค่อนข้างเยอะ การปรับครั้งนี้จะทำให้แรงกระเพื่อมในพรรคลดลงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ไม่แน่ใจครับ ผมไม่ทราบเหมือนกัน ผมเอาปัญหาพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง และเอาการทำงานเป็นที่ตั้ง ผมเชื่อว่าทุกท่านเข้าใจ ปรับออกไปแล้วก็ปรับเข้ามาใหม่ได้ มันแล้วแต่วาระของเหตุการณ์ในปัจจุบัน อย่างเหตุการณ์ปัจจุบันอาจต้องการบางบุคคลเข้าไปช่วยงานในสภา พอสภาแข็งแกร่งท่านอาจจะกลับเข้ามาใหม่ก็ได้ มันไม่ใช่เป็นอะไรที่จบแล้วจบเลย มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ในอดีตทุกท่านก็ทราบดีอยู่แล้วว่า การปรับครม.ก็มีการปรับเข้า ปรับออก เปลี่ยนกระทรวงไปแล้วกลับไปกระทรวงเดิมก็ยังเป็นไปได้ ตรงนี้อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยครับ ถ้ามันเกิดขึ้นเดี๋ยวค่อยมาว่ากันดีกว่า”
เมื่อถามว่ารัฐมนตรีแต่ละคนถือว่ามีโปรไฟล์สูง ทำงานมา 7 เดือนแล้วถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะต้องพิจารณาปรับถ้าทำงานไม่เข้าเป้า นายกฯ กล่าวว่า เรื่องปรับครม. ตนพูดไปเยอะแล้ว ความจริงไม่ได้ปรับภายในวันหรือสองวันนี้ ถ้าพูดไปเรื่อยก็แรงกระเพื่อมไปเรื่อย จุดประสงค์ใหญ่ถ้ามีการปรับครม.ก็ปรับให้ถูกฝาถูกหน้าที่ ไม่ใช่แค่ดูที่รัฐบาลอย่างเดียว ต้องดูที่ระบบรัฐสภาด้วย ว่ามีความแข็งแกร่งขนาดไหน ต้องการคนช่วยเหลือตรงไหนบ้าง แน่นอนว่าเอาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง 7 เดือนที่แล้วกับวันนี้สถานการณ์ต่างกัน บางอย่างเรายังทำไม่ดีพอ บางอย่างเราคิดว่าทำได้ดีแล้ว ก็ต้องมาพิจารณาทั้งหมดโดยรวม
เมื่อถามอีกว่า แม้นายกฯ จะบอกว่า 314 เสียง แข็งแกร่งแล้ว แต่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังมีการไปพูดคุยกับนายทักษิณ จึงมีคำถามกลับมาว่ามีโอกาสหรือไม่ที่พรรคประชาธิปัตย์จะร่วมรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า นายทักษิณเป็นผู้ที่มีความอาวุโสทางด้านการเมืองสูง มีเพื่อนฝูงในวงการเยอะ การที่จะไปทานข้าว พูดคุยกับใคร เชื่อว่าจุดมุ่งหมายคือประชาชนเป็นหลัก ฉะนั้นการจะไปกินข้าวกับใคร สามารถตีความได้หลายอย่าง หากถามโดยส่วนตัวของตนไม่เคยพูดคุยกับใคร แม้แต่ไปเจอกับนายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และสส.นครศรีธรรมราช ที่จ.นครศรีธรรมราชก็ไม่ได้มีการพูดคุยกัน ที่นายชัยชนะมาวันนั้นก็มาในฐานะเจ้าของพื้นที่ ซึ่งมีบทบาทหน้าที่แตกต่างกันไป ไม่ได้มีการพูดถึงว่าจะมาเข้าร่วมรัฐบาลแต่อย่างใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี