‘โจ๊ก’สนใจสมัครสว.
อยากรับใช้พี่น้องประชาชน
ชี้ลูกน้องไม่ได้ปลดป้ายชื่อ
ใครเป็นคนทำก็ต้องรับไป
ยันต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม
ปัดใช้ปชช.เป็นเกราะกำบัง
“บิ๊กโจ๊ก”ยันลูกน้องไม่ได้เป็นคนปลดป้ายชื่อจากหน้าห้องทำงานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยไม่อยากหาตัว แต่ใครทำก็รับไป อ้างช่วงนี้มีเวลาว่าง เรื่องลงสมัคร สว.ก็มีความคิดอยู่เช่นกัน เพราะยังแข็งแรง มีพลังในการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ยันเดินหน้าสู้คดี แต่ไม่คิดจะใช้ประชาชนเป็นเกราะป้องกันตนเอง
เมื่อวันที่ 28เมษายน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นงานรดน้ำขอพรผู้สูงอายุ ที่สมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ เกี่ยวกับกรณีที่มีกระแสข่าวว่าคนที่ปลดป้ายชื่อของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากหน้าห้องทำงานภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ว่าเป็นลูกน้องของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เอง โดยยืนยันว่าลูกน้องไม่ได้ปลดป้ายหน้าห้องทำงานและลบชื่อออกจากเว็บไซต์ของ ตร.อย่างแน่นอน เนื่องจากเมื่อตนได้รับทราบคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา แล้วในวันที่ 19 เมษายน ก็ได้ให้ลูกน้องเข้าไปเก็บของในห้องทำงาน เช่น เอกสารส่วนตัว พระพุทธรูป รวมถึงคืนรถประจำตำแหน่งทันที เพราะตนเป็นคนมีวินัย ทั้งที่จะไม่คืนก็ได้เพราะยังมีสถานะเป็นรอง ผบ.ตร.อยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะตามหาคนปลดป้ายชื่อของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หรือไม่ ทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ส่วนตัวแล้วคงไม่ตามหา ใครทำก็รับไป แต่เราทำไปตามกรอบของกฎหมาย อะไรทำผิดกฎหมาย ก็ต้องว่าไป วันนี้ทุกคนอาจจะบอกว่าตัวเองทำถูก แต่คนที่ตัดสินคือศาล
ส่วนกรณีที่บอกกับสื่อมวลชนว่าจะไปยื่นฟ้อง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในกรณีเซ็นคำสั่งให้ออกจากราชการโดยมิชอบนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้ขอรวบรวมเอกสารก่อน คงใช้เวลาประมาณ2 สัปดาห์ สำหรับประเด็นที่มีกระแสข่าวว่าจะลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว.ทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่ามีประชาชนหลายคนอยากให้ลงสมัครเพื่อเป็นผู้แทนประชาชน ซึ่งตนคงขอดูรายละเอียดก่อนเพราะช่วงนี้ก็ว่าง และมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้ทำประโยชน์ให้พี่น้องประชาชน เนื่องจากยังแข็งแรงอยู่ ยังมีพลังและมีความคิดสร้างสรรค์ ก็อยากจะใช้พลังที่มีอยู่ทำงานให้ประชาชน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า เรื่องที่เกิดขึ้นยืนยันว่าไม่เสียกำลังใจ ตนได้กำลังใจจากพี่น้องชาวใต้ 14 จังหวัด ที่คอยให้กำลังใจ และเมื่อไหร่ที่ถูกรังแกก็ต้องเดินหน้าต่อสู้กับความอยุติธรรมให้มากขึ้นเพื่อจะให้เป็นแบบอย่างของพี่น้องชาวใต้ ซึ่งอยากฝากว่าไม่ต้องมารวมตัวกันให้กำลังใจตน แต่ให้กำลังใจผ่านช่องทางออนไลน์ก็พอแล้วเพราะตนรับทราบแล้ว
นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวยอมรับว่า การถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น มีสิ่งที่เสียดายอยู่ เพราะยังมีภารกิจอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ทำในงานที่รับผิดชอบ ทั้งเรื่องหนี้นอกระบบ การปราบปรามยาเสพติด หรือค้ามนุษย์ งานส่วนนั้นต้องชะงักไป และอยากฝากบอกพี่น้องชาวอีสานที่มาร้องเรียนว่าให้รอหน่อย ถ้าได้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ จะกลับไปทำให้อย่างแน่นอน ยืนยันว่าตนไม่อยากได้อำนาจ แต่อยากกลับไปทำงานให้พี่น้องประชาชน อำนาจที่ได้มาก็จะทำเพื่อประชาชนและแผ่นดิน
เมื่อถามว่า ทำไมยังมีประชาชนมาร้องเรียนกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ประชาชนเห็นที่ไหนให้ความเป็นธรรมได้ก็ไปที่นั่น ตนไม่คิดจะใช้ประชาชนเป็นเกราะป้องกัน ส่วนคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดของ พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร.ในฐานะประธานกรรมการฯ ที่พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ แต่งตั้งขึ้นมา ในวันที่ 29 เมษายนนี้จะมีการเรียกประชุมเพื่อกำหนดแนวทางในการสอบสวนพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมพวก รวม 5 คน เป็นครั้งแรก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไรขอให้ตามหน้าที่ไป และตนได้ทำหนังสือคัดค้านกรณีคณะกรรมการบางท่านที่เป็นคู่ขัดแย้ง และเชื่อมั่นในการทำงานของ พล.ต.อ.สราวุฒิ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี