นายกฯชี้ปรับครม.มีสมหวัง-ผิดหวัง
ขอโทษ‘ปานปรีย์’
หากทำอะไรให้รู้สึกไม่สบายใจ
‘มาริษ เสงี่ยมพงษ์’เข้าทำเนียบ
หลังถูกทาบนั่งรมว.ต่างประเทศ
เรียกทีมรมต.คลังถกเร่งจ่ายงบ
“เศรษฐา”ส่งข้อความผ่านกลุ่มงานต่างประเทศ ขอโทษ“ปานปรีย์”ถ้าทำให้ไม่สบายใจ บอกได้คุยกันก่อนปรับ ครม.แล้ว ชี้มีทั้งคนสมหวัง-ผิดหวัง พร้อมรับผิดชอบแย้มมองหาคนใหม่ตั้งแต่เมื่อคืน ดีกรีการทูต-การเมือง ทำงานเบื้องหลัง’เพื่อไทย’มานาน ก่อนเรียก’มาริษ เสงี่ยมพงษ์’เข้าพบที่ทำเนียบ ลุ้นนั่งรมว.ต่างประเทศคนใหม่ ด้าน’อนุทิน’เชื่อดราม่าปรับ ครม.ไม่กระทบภาพลักษณ์รัฐบาล ชื่นชมสปิริต’ปานปรีย์’ลาออก ดีกว่ากล้ำกลืนทำงาน ‘ชูศักดิ์’เชื่อไม่ทำความขัดแย้งบานปลาย
เมื่อวันที่ 29เมษายน2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงกรณีที่ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.การต่างประเทศ ลาออก หลังปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ดำรงตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศ เพียงตำแหน่งเดียว ว่า ก็เคารพในการตัดสินใจของท่าน โดยส่วนตัวรู้จักกับท่านมาหลายสิบปี ลูกก็เป็นเพื่อนกัน จริงๆ ส่วนตัวรักชอบกันดี ก็เคารพในการตัดสินใจของท่าน
นายกฯขอโทษถ้าทำให้ไม่สบายใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือน นายปานปรีย์ จะเผยแพร่หนังสือลาออกก่อนที่จะส่งให้นายกฯหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตามที่ได้ยินก็เป็นอย่างนั้น เมื่อถามว่า แสดงถึงความไม่พอใจหรือเปล่า นายเศรษฐา กล่าวว่า “ผมถือว่าผมพูดในแง่องค์รวมมากกว่า ในการที่มีการปรับเปลี่ยนหน้าที่ หรือครม.ต่างๆ ผมเชื่อว่าก็คงมีคนที่พอใจ ไม่พอใจ สมหวังและไม่สมหวัง จริงๆแล้วผมอยากจะโฟกัสในสิ่งที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีมาด้วยเวลา 7-8เดือนที่ผ่านมาดีกว่า เรื่องที่ท่านทำมาและเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ผมเชื่อว่า รัฐมนตรีคนใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทนก็จะมาสานต่อในเรื่องดีๆ เหล่านี้”
เมื่อถามว่า ก่อนจะปรับ ครม.นายกฯได้พูดคุยหรือแจ้ง นายปานปรีย์ ก่อนหรือไม่และหลังที่ นายปานปรีย์ ลาออกได้พูดคุยกันหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ขอตอบคำถามหลังก่อน ผมได้ส่งข้อความไปหา นายปานปรีย์ ในกรุ๊ปที่เกี่ยวกับเรื่องของการต่างประเทศ ผมบอกว่า “ผมขอโทษถ้าเกิดผมทำให้พี่ไม่สบายใจเรื่องอะไร ก็ขอขอบคุณที่ช่วยงานกันมา”และเรื่องที่ถามว่าได้มีการแจ้ง นายปานปรีย์ก่อนที่จะปรับ ครม.หรือไม่นั้น อย่างที่ผมเรียนเมื่อวันศุกร์ที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการเชิญหลายๆ ท่านมาพูดคุยกันและนายปานปรีย์ ก็เป็นหนึ่งในหลายๆ ท่านที่เรียกเข้ามาพูดคุยกัน ผมเชื่อว่าวันนั้นก็เป็นเรื่องของการสนทนาระหว่างบุคคลสองคนแล้วกัน ผมมั่นใจว่า ผมพูดอะไรไปและผมเชื่อว่าในฐานะนายกฯ ผมมีความชัดเจนในเรื่องของการที่ผมได้มีการบอกกล่าวอะไรไป”
ต้องหาคนใหม่ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ
เมื่อถามว่า จะหาบุคคลมาดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศโดยเร็วใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ใช่ครับ ซึ่งจะต้องมีการทูลเกล้าฯรายชื่อใหม่ เมื่อถามว่า ระหว่างนี้นายกฯจะดูแลเองหรือมอบหมายใคร นายกฯ กล่าวว่า ตามประกาศเก่าของ ครม.นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ จะดูแลไป เมื่อถามว่า ได้มองหาบุคคลใหม่แล้วหรือยัง นายเศรษฐา กล่าวว่า มองแล้ว มองตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เมื่อถามว่า เปิดเผยได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้ ซึ่งต้องมีการผ่านคณะกรรมการคัดกรองและอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับเรื่องคุณสมบัติหลายอย่าง ไม่อยากจะให้เป็นการบอกไปแล้ว เดี๋ยวจะเกิดความสมหวัง ผิดหวังอีก ต้องเคารพในแง่กระบวนการขั้นตอนต่างๆ ที่มีมา ยืนยันว่า จริงๆ แล้วทั้งหมดนี้เข้าใจว่าจะต้องมีคน ไม่ใช่แค่ นายปานปรีย์ ท่านเดียว คงมีหลายท่านที่จะมีสมหวังและอาจจะมีไม่พอใจ แต่ยืนยันว่า ตนรับผิดชอบและต้องมีการพูดคุยกัน
มีรองนายกฯ6คนน่าจะเพียงพอแล้ว
เมื่อถามว่า ที่มองไว้เป็นคนในพรรค หรือคนนอกการเมือง นายเศรษฐา กล่าวว่า พูดลำบาก เพราะจริงๆ แล้วท่านเองอยู่ในแวดวงของการทูตและแวดวงการเมือง ก็อาจจะเป็นคนทำงานข้างหลังของพรรคเพื่อไทย (พท.) มาตลอดและจิตวิญญาณแน่นอน คิดถึงประโยชน์พี่น้องประชาชน เมื่อถามว่า นายปานปรีย์ ให้เหตุผลว่า การที่เป็น รมว.การต่างประเทศและต้องควบรองนายกฯ ด้วย เพื่อความน่าเชื่อถือ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็มีเหตุมีผล แต่ทุกๆกระทรวงก็อยากมีการควบด้วยในตำแหน่งรองนายกฯ หรือเปล่า ซึ่งหลายๆ ตำแหน่งจะต้องประสานกับหลายหน่วยงานและบุคคลทั้งหลาย ปัจจุบันนี้เราก็มีรองนายกฯ 6ท่าน เชื่อว่าเพียงพอ แล้วมีกี่กระทรวงใช่ไหม ถ้าทุกๆ กระทรวง 9กระทรวง ต้องมีรองนายกฯด้วย ก็คงเป็นไปไม่ได้
พร้อมรับผิดชอบ-ประเทศเป็นตัวตั้ง
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ในแต่ละรัฐบาล มีทั้งรองนายกฯควบ รมว.การต่างประเทศ เหมือนกัน ตนขอใช้คำว่า อำนวยความสะดวก หรือมีการช่วยเหลือผลักดันเรื่องต่างๆ หากจะต้องทำงานข้ามกระทรวง เช่น วีซ่าฟรี อาจจะต้องทำงานข้ามไปถึงกระทรวงมหาดไทย ฝ่ายความมั่นคงด้วยเหมือนกัน เรื่องของการทำเขตการค้าเสรี (FTA) ก็มีกระทรวงพาณิชย์ด้วย มีผู้แทนการค้าไทย ซึ่งเชื่อว่าเราทำงานเป็นทีมได้อยู่แล้ว และใช้คำว่าความจำเป็นดีกว่า ที่จะต้องมีการควบ ตนถือว่าอาจจะไม่จำเป็น แต่อย่างที่บอก หลายๆเรื่องมุมมองของแต่ละคนแตกต่างกันไป เราเองก็มีวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน คิดว่าเราควรจะยึดโยงในเรื่องความเป็นมิตรดีกว่า และมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน อย่างที่ได้เรียน ถ้าตนทำงานแล้วไม่พอใจ ก็ได้ขอโทษท่านไปแล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องความเห็นต่าง แต่ทั้งหมดนี้ ตนรับผิดชอบและจะพยายามดำเนินการต่อไปด้วยจุดมุ่งหมายเอาประโยชน์ประเทศชาติเป็นที่ตั้ง
ออกไปแล้วยังหวนกลับเข้ามาอีกได้
เมื่อถามว่า รู้สึกเสียดายนายปานปรีย์หรือไม่ เพราะได้รับคำชื่นชมทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ว่านายปานปรีย์ ทำงานได้ดี นายกฯ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าตรงนี้ตนเสียดายทุกคนที่ต้องมีการเปลี่ยนออกไป แต่ในบริบทของการเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทุกๆ ช่วงเวลาที่เราบริหารประเทศ มันมีความจำเป็นหรือมีความต้องการของการแก้ไขปัญหา จึงต้องมีการเปลี่ยนบุคลากร ไม่ใช่แค่ฝ่ายบริหารอย่างเดียว ฝ่ายนิติบัญญัติเองก็ต้องมีการปรับ เพื่อให้บุคคลที่เหมาะสมและมีความชำนาญมากกว่าในด้านนั้นๆ เข้าไปทำหน้าที่ ไม่ได้หมายความว่าท่านที่ถูกปรับออกไม่มีความสามารถในการบริหาร แต่อย่างที่บอกรัฐบาลนี้อยู่ 4ปีและในอดีตก็ไม่ใช่ว่าท่านออกไปแล้วจะไม่ได้กลับมาอีก ก็มีหลายๆ เคสที่ออกไปแล้วได้กลับมาอีก เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้นายกฯบอกว่าปรับ ครม.จะไม่ผิดฝาผิดตัว มั่นใจใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มั่นใจ แต่แน่นอนมุมมองของแต่ละคนมีความเห็นและเข้าใจในบุคคลนั้นๆ ที่เข้ามาทำงานแตกต่างกันไป แต่ตนมั่นใจว่าบุคคลที่ดึงเข้ามาทำงานเป็นคนที่มีความสามารถ และมีความเชี่ยวชาญตรงตามกระทรวงทุกอย่าง
ปรับครม.ย่อมมีทั้งสมหวัง-ผิดหวัง
เมื่อถามว่า ได้มีการเตรียมตำแหน่งปลอบใจสำหรับรัฐมนตรีที่หลุด ครม.หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็การเตรียมงาน และเดี๋ยวต้องมีการพูดคุยกันในพรรค ยืนยันว่า ตนไม่ได้มีความขัดแย้งส่วนตัวกับรัฐมนตรีท่านใดท่านหนึ่ง แต่ก็เข้าใจได้ว่าคงมีคนผิดหวังและสมหวัง อย่างที่ตนบอก และเป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องบริหารเรื่องของความคาดหวังและเรื่องของหน้าที่ใหม่ๆ ควบคู่ไปกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ด้วย เมื่อถามต่อว่า ได้มีการพูดคุยกับ น.ส.แพรทองธาร ก่อนหน้านี้หรือไม่ว่าอาจจะมีแรงกระเพื่อมเกิดขึ้นหลังการปรับ ครม.โดยนายกฯ ยืนยันว่า ได้มีการพูดคุยกันตลอด วันหนึ่งสองถึงสามครั้งก็มีในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลง ครม.มีการรับฟังข้อคิดเห็นจากทุกฝ่าย เมื่อถามต่อว่า มีรัฐมนตรีอีกหนึ่งคนที่แสดงความไม่พอใจ คือ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว เพราะช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่การหาเสียง และการทำหน้าที่หัวหน้าพรรคก็ควบคู่กันมาตลอด นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่ นพ.ชลน่าน เพียงคนเดียว ยังมี นายไชยา พรหมา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ช่วยทำงาน เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตลอดในช่วงการเลือกตั้ง “ผมก็เคยพูดว่าพี่หมอชลน่านเองเป็นคนที่ช่วยติว เวลาที่ผมจะลงพื้นที่ รวมถึงการปราศรัยต่างๆ เราก็ต่อสู้ด้วยกันมา แต่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัว หรือมีความขัดแย้งอะไร แต่ก็เข้าใจว่าท่านคงมีความผิดหวัง แต่เดี๋ยวก็คงมีการพูดคุยกัน ก็หวังว่าทุกอย่างจะเดินไปข้างหน้าได้”
ทำงานเพื่อปชช.คือภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด
เมื่อถามว่า ในอนาคตภูมิคุ้มกันที่ดีของรัฐมนตรีคือการทำงานเพื่อประชาชนใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวยืนยันว่า ใช่ และตนยืนยันมาโดยตลอดและยึดโยงเรื่องนี้มาโดยตลอด ซึ่งเชื่อว่ารัฐมนตรีทุกท่านไม่ว่าจะเป็นคนเก่าหรือว่าที่คนใหม่ ก็เข้าใจอยู่แล้วถึงความเดือดร้อนใจของพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้นเรื่องการใช้ความชี้วัดและระยะเวลาในการทำงานให้สำเร็จ เรื่องการทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดโยงกับพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
รมต.ใหม่มีความสามารถตรงงานที่มอบ
เมื่อถามว่า การเพิ่มรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มาอีกหนึ่งคน เพื่อมาช่วยดูเรื่องของดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะต้องรอบคอบ และสัปดาห์นี้นายกฯ จะมีการเรียกประชุมเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ครับ ความจริงแล้วกระทรวงการคลังมีภารกิจเยอะมาก ขณะที่นายพิชัยเองก็ควบรองนายกฯ ด้วย ทำให้มีภารกิจที่จะต้องดูแลหลายอย่าง และมีหน่วยงานของรัฐอีกหลายหน่วยงาน ซึ่งจะต้องแบ่งปัน ซึ่งจะต้องมีการแบ่งงานกันเพื่อทำงาน เพราะฉะนั้นทั้ง 3คน มีงานล้นมืออยู่แล้ว ขณะที่ว่าที่รัฐมนตรีคนใหม่ อย่างเช่น นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล ก็เคยอยู่กระทรวงการคลังมาก่อนและเป็นกำลังสำคัญของพรรคเพื่อไทย และทีมงานเศรษฐกิจอยู่แล้ว และมีความชำนาญงานอยู่แล้ว ตนเชื่อว่าเป็นคนที่มีบุคลิกอ่อนน้อมถ่อมตน และเป็นคนน่ารักอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการทำงานใหม่และการแบ่งงานใหม่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งตนให้เกียรติทุกคนอยู่แล้ว
‘อนุทิน’ชมสปิริตดีกว่ากล้ำกลืนทำงาน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสดราม่าในการปรับตำแหน่งใน ครม.จะกระทบภาพลักษณ์รัฐบาลหรือไม่ ว่า ไม่กระทบ มีการโปรดเกล้าฯแล้วก็เป็นไปตามนั้น ซึ่งในส่วนของหน้าตาครม.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต้องพิจารณาดีแล้ว เนื่องจากครม.อยู่ภายใต้การนำของท่าน จากนี้ก็เดินหน้าต่อไป ทำตามนโนบายที่ให้ไว้กับประชาชน และทำในสิ่งที่เป็นเป้าหมาย ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ในส่วนของการปรับเปลี่ยนตำแหน่งรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ว่าไม่หมาะสม นายอนุทิน กล่าวว่า เราต้องเคารพการพิจารณาของนายกฯ อีกทั้งมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแล้วจะวิจารณ์ทำไม
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ลาออกจากตำแหน่งรมว.ต่างประเทศ อย่างกะทันหันจะส่งผลให้เกิดปัญหากับรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คงไม่มีปัญหา ซึ่ง นายปานปรีย์ ได้ให้เหตุผลในการลาออกแล้ว ตนคิดว่าทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเอง สำหรับตนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้คุยกับนายปานปรีย์แล้ว หลังจากที่เมื่อวาน (28 เม.ย.) ตนโทรศัพท์ติดต่อไปจะให้กำลังใจ แล้วนายปานปรีย์ ไม่รับสาย แต่ได้โทรกลับมาแล้วเมื่อเช้า ก็ได้พูดคุยและให้กำลังใจไป ซึ่งเราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของท่าน และต้องเคารพการตัดสินใจของนายกฯ“ผมว่าต้องแสดงความชื่นชมนายปานปรีย์ ซึ่งท่านคิดว่าไม่ควรเหลือตำแหน่งเดียว แทนที่ท่านจะอยู่แล้วไม่ให้ความร่วมมือหรือทำงานไม่เต็มที่ แต่ท่านก็แสดงสปิริตลาออกก็เป็นสิ่งที่น่าชมเชย แต่รายละเอียดก็ต้องถามท่าน ถามตนไม่ได้ เพราะต่างคนต่างคิดไม่เหมือนกัน”
‘พท.’ต้องคุย-เชิญนั่งที่ปรึกษาพรรค
ที่พรรคเพื่อไทย นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้วและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ลาออกจากตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ว่า หลังจากที่นายปานปรีย์ ลาออกจากตำแหน่ง ขณะนี้ก็ยังไม่ได้ติดต่อมาที่พรรค พท.แต่เท่าที่ตนเข้าใจการลาออกไม่ได้เป็นเรื่องของพรรค เพราะ นายเศรษฐา ได้เชิญรัฐมนตรีที่จะถูกปรับเข้าและปรับออกมาพูดคุยแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เมื่อถามว่า พรรค พท.จะวางบทบาทหน้าที่รัฐมนตรีที่หลุดจากตำแหน่ง เช่น นพ.ชลน่านและนายไชยา ไปช่วยงานอย่างไร นายสรวงศ์ กล่าวว่า จริงๆ ก็เป็นปกติของการเมือง มีเข้าก็มีออก และทุกท่านที่เคยอยู่ในตำแหน่งแล้วออกมาและจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ที่สิ้นสุด รัฐบาลนี้ยังอยู่อีก 3ปี จึงมีโอกาสที่จะปรับเข้าปรับออกได้เสมอ ส่วนกรณี นายปานปรีย์ ทางพรรคก็คงจะมาพูดคุยกัน ซึ่งอาจจะเชิญมาเป็นที่ปรึกษา ก็แล้วแต่ ท่านปานปรีย์ ซึ่งท่านก็ทำงานให้พรรคมาเยอะอยู่เบื้องหลังให้พรรคมาเยอะ พวกเราทางพรรคเพื่อไทยก็ให้ความเคารพในการตัดสินใจของท่านอยู่แล้ว แต่ก็คงต้องมีการพูดคุยกันในอนาคต เรื่องนี้ไม่น่าจะทำให้พรรคเพื่อไทยกระเพื่อม
‘ชูศักดิ์’เชื่อไม่ทำขัดแย้งบานปลาย
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) เศรษฐา 1/1 ว่า อำนาจการปรับคณะรัฐมนตรีเป็นอำนาจหน้าที่นายกรัฐมนตรี เข้าใจว่าคงคิดไตร่ตรองและปรึกษาหารือกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ฟังจากข่าวหมายความว่าอาจจะเกิดความไม่เข้าใจกันในแง่ของการปรับตำแหน่ง แต่ในทางการเมืองทุกคนต้องทำความเข้าใจว่าที่เป็นแบบนี้เพราะอะไรเหตุผลอะไร และพยายามพูดคุยให้รู้เรื่อง คงอยู่ในวิสัยที่นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค รัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาไม่ให้ลุกลามบานปลายในอนาคต
“คิดว่าเป็นความพยายามของผู้บริหารพรรคซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ชี้แจง ขณะที่นายปานปรีย์ พหิทธานุกรได้แสดงเหตุผลแล้ว ก็รู้ปัญหาและช่วยกันพูดทำความเข้าใจเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเดินหน้าต่อไปได้ เชื่อว่าสถานการณ์ไม่น่าจะบานปลาย เพียงแต่รับทราบว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น ขึ้นอยู่กับการทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็คงต้องพยายามพูดคุยทำความเข้าใจกัน” นายชูศักดิ์ กล่าว ส่วนจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคหรือไม่ เนื่องจากเพิ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ และลาออกทันที นายชูศักดิ์ กล่าวว่า สุดแต่จะคิด แต่เรื่องของการเมืองก็เป็นแบบนี้ เป็นเรื่องของการบริหารจัดการความพึงพอใจของทุกฝ่าย เมื่อเห็นว่าเป็นปัญหาก็พูดคุยทำความเข้าใจกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แสดงสปิริตออกมาขอโทษแล้ว ซึ่งตนก็เห็นด้วยกับการออกมาขอโทษ
เปิด3รายชื่อตัวเต็งชิงรมว.ต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก นายปานปรีย์ ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีชื่อผู้ถูกคาดการณ์ว่าจะได้รับแต่งตั้งเป็นรมว.ต่างประเทศคนใหม่ 3ชื่อ คือ 1.นายรัศม์ ชาลีจันทร์ อดีตข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศและอดีตเอกอัครราชทูตหลายประเทศ เจ้าของเพจ”ทูตนอกแถว”2.นายจุลพงษ์ โนนศรีชัย อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งโดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง10ปีและ3.นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ อดีตที่ปรึกษา รมว.ต่างประเทศ (นายปานปรีย์) ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะนั่งเก้าอี้ดังกล่าว ทั้งนี้ นายมาริษ เป็นอดีตเอกอัคราชทูตหลายประเทศ ตั้งแต่ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและในสมัย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทำให้มีความใกล้ชิดกันและปัจจุบัน นายมาริษ รับมอบหมายร่วมคณะเดินทางไปต่างประเทศกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อยู่บ่อยครั้ง
นายกฯคุย’มาริษ’คาดทาบคุมบัวแก้ว
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เรียก นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ อดีตที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ นั่งรถสีขาว ทะเบียน ษข 2439 เข้ามาในทำเนียบรัฐบาล และขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า คาดว่านายกรัฐมนตรีได้พูดคุยเรื่องงานในกระทรวงการต่างประเทศ หลังจากที่เมื่อช่วงเช้าเปิดเผยว่า ได้มองตัวบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแทน นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ซึ่งเป็นนักการทูต และเป็นคนของพรรคเพื่อไทย
หารือ’พิชัย-เผ่าภูมิ-จุลพันธุ์’เบิกจ่ายงบ
ต่อมา นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นางแพทริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีที่ตึกไทยคู่ฟ้า โดยใช้เวลาประมาณ 40นาที โดยนางแพทริเซีย เปิดเผยเพียงสั้น ๆ ว่า นายกรัฐมนตรี ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ เมื่อถามว่า นายกฯ ได้สอบถามเรื่องใดบ้าง นางแพทริเซีย กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่านายกฯ ได้มีการสอบถามเรื่องการเบิกจ่ายงบงบประมาณเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้น นายเผ่าภูมิ นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและน.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เข้าพบเพื่อพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีบนตึกไทยคู่ฟ้าอีกครั้ง นายเผ่าภูมิ เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้มีการกำชับอะไรเป็นพิเศษ แต่เป็นการมารายงานความคืบหน้าเรื่องต่าง ๆ แต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียด โดยเฉพาะเรื่องของงบประมาณปี2567 ส่วนเรื่องการแบ่งงานสำหรับรัฐมนตรีใหม่ในกระทรวงการคลังที่ยังไม่ได้มีการลงรายละเอียดนั้น‘นายกรัฐมนตรีได้มีการพูดคุยกับหลายท่านที่เกี่ยวข้องในงานรับผิดชอบในหลาย ๆ เรื่อง หลายฝ่าย” นายเผ่าภูมิ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี