มั่นใจตั้ง‘รัฐมนตรีถุงขนม’ถูกต้องชอบธรรม
‘เศรษฐา’โต้40สว.
อ้าง‘กฤษฎีกา’ตรวจสอบแล้ว
คาดศาลรธน.พิจารณา23พ.ค.
‘เทพไท’ชี้นายกฯตายน้ำตื้น
‘เสรี’โวยโดนอ้างชื่อส่งศาล
นายกฯ “เศรษฐา” โต้ข้ามโลก ยันตั้ง “พิชิต” นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ส่งกฤษฎีกาตรวจสอบแล้วมั่นใจทำหน้าที่ถูกต้องชอบธรรม ทำใจสว.ร้องศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ถือเป็นหน้าที่“อ.เจษฎ์” ระบุเรื่องนี้มีคนเตือนแล้วแต่ไม่ฟัง ชี้โอกาสเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองสูง รอลุ้นคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ จับตาศาล รธน. นัดพิจารณา 23 พฤษภาคม “เทพไท” ฟันธงนายกฯเศรษฐา ตายน้ำตื้น
จากกรณี 40 สมาชิกวุฒิสภา(สว.)ได้ร่วมกันเข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความสิ้นสุดลงในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของ นายพิชิต ชื่นบาน โดยกลุ่ม สว.ยื่นในคำร้องว่าทั้งสองคนมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา170(4)และ(5)ประเด็นที่ว่าด้วยขาดความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์และมีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญและศาลรัฐธรรมนูญได้รับเรื่องไว้ตามระบบงานสารบรรณแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2567 ที่สาธารณรัฐอิตาลี ระหว่างการปฏิบัติภารกิจ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ 40 สว.เข้าชื่อยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยความสิ้นสุดลงของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีของนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หลังมีพฤติกรรมเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 170 (4) และ( 5)
นายกรัฐมนตรีได้ย้อนถามกลับว่า”สว.ยังไม่หมดอายุใช่หรือไม่”ผู้สื่อข่าวตอบว่าว่า ยังไม่หมด แต่ก็ใกล้แล้ว ต้องรอได้ สว.ชุดใหม่มาก่อน ชุดเก่าถึงจะพ้นหน้าที่ ทำให้ นายเศรษฐาถึงกับร้องอ๋อ
‘เศรษฐา’ยันทำถูกต้องตามกม.
นายกฯได้กล่าวว่า ตนคิดว่าท่านก็ต้องทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะถือเป็นหน้าที่ของ สว.ส่วนตัวเอง ก็ต้องพิสูจน์ในเรื่องที่ทำไปว่าเป็นเรื่องที่ชอบธรรมและถูกต้องตามกฎหมาย และตนก็เคยบอกไปแล้วว่า ก่อนที่จะมีการแต่งตั้งให้นายพิชิต ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีการสอบถามไปทางคณะกรรมการกฤษฎีกาและมั่นใจว่าจะสามารถตอบคำถามได้ เพราะอยู่บนหลักการของความถูกต้อง แต่แน่นอนว่าฝ่ายตรวจสอบก็มีหน้าที่ ที่จะตรวจสอบ และตนเองก็ต้องยอมรับ และต้องมานั่งดูว่ามีเหตุและผลหรือเปล่า ซึ่งเป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ตนขออนุญาตไม่เข้าไปพูด เพราะถือว่าเป็นไปตามกลไกการปกครองของประเทศไทยอยู่แล้ว
เมินเสียงค้าน-ส่งกฤษฎีตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่าทางสว.ระบุว่านายกรัฐมนตรีเมินเสียงคัดค้านในการแต่งตั้งนายพิชิต นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นธรรมดาในการที่ตนจะแต่งตั้งรัฐมนตรี ตนไม่ได้ถามทางกฤษฎีกาในทุกๆกรณีไป
“แต่กรณีของนายพิชิตยืนยันว่าผมไม่ได้เมินและยืนยันว่าทุกๆเสียงที่มีการท้วงติงเข้ามา ผมพิจารณามาโดยตลอด ตรงนี้ผมมั่นใจนายพิชิต ผมก็ได้ทำ เนื่องจากกรณีของนายพิชิตก็ได้ถามกฤษฎีกาไปโดยเฉพาะเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่สมควรจะต้องทำอยู่แล้ว”นายกฯย้ำ
“ยืนยันไม่เคยเมินเสียงคัดค้านและไม่เคยที่จะไม่ให้ความสำคัญ และไม่รับฟังเสียงท้วงติงและได้บอกมาตลอดเวลาว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่สำคัญ”นายกฯย้ำ
ยันเก็บโควต้ารมต.ไว้ให้ รทสช.
นายกรัฐมนตรี ยังให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของตำแหน่งรัฐมนตรีที่ว่างลงในสัดส่วนของภาพรวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)ว่าก็เก็บไว้ให้พรรครวมไทยสร้างชาติเขา แต่ถึงวันนี้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังไม่ได้มีการติดต่อมา หากมีการเสนอก็ต้องมีการพูดคุยกันต่อไป แต่ยืนยันว่าเป็นโควต้าของพรรครวมไทยสร้างชาติ
จะนั่งกระทรวงเดิมหรือไม่/คุยกันได้
เมื่อถามว่าโควต้าดังกล่าวหมายถึงจะยังคงเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเดิมใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุย แต่เราอยู่ด้วยกัน เราต้องรับฟังความคิดเห็นกันก่อน โดยเฉพาะความคิดเห็นจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ท่านอยากได้อะไร หรือมีความคิดอย่างไร
”ผมเชื่อว่าทั้งผมและท่านรองนายกฯพีระพันธุ์ ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ ความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน หากคิดว่ากระทรวงที่ท่านเสนอมาจะทำงานได้ อย่างเหมาะสมในกระทรวงอะไร คิดว่าเราพูดคุยกันได้ แต่หากไปกระทบกับพรรคอื่นก็ต้องพูดคุยกันในวงกว้างขึ้นก็เท่านั้นเอง“นายกฯกล่าว
นำคุณะเดินชมเมืองมิลาน
สำหรับภารกิจ ที่สาธารณรัฐอิตาลีก่อนปฎิบัติภารกิจ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะใส่ชุดผ้าขาวม้า เดินโชว์กลางเมืองมิลาน ซึ่งเป็นเหมือนแห่งแฟชั่น เพื่อให้ เจ้าของแบรนด์และ ชาวอิตาลีรวมทั้งนักท่องเที่ยว ได้เห็นถึงความสวยงามของผ้าขาวม้า และผ้าไทย ที่สามารถตัดเย็บออกเป็นเสื้อผ้าได้สวยงาม ไม่แพ้แบรนด์ชั้นนำของโลก ซึ่งสามารถใส่ได้ทุกโอกาส และต่อยอดได้อีกหลากหลายผลิตภัณฑ์ เช่นกระเป๋าเข็มขัดเนคไท โบว์ผูกผม เป็นต้น
จากนั้นออกเดินทางจากโรงแรมที่พักไปยังโรงงานผลิตชีส ของบริษัท BONI S.p.A เมืองปาร์มา เพื่อหาโอกาสความร่วมมือระหว่างไทยอิตาลี โดยอิตาลีเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและแปรรูปอาหารรายใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรป
จากนั้นนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะกลุ่มเล็ก อาทิ นายมาริษเสงี่ยงพงษ์ รมว.ต่างประเทศ เดินทางเยี่ยมชมกระบวนการผลิตชีสของบริษัท BONI S.p.A ที่เมืองปาร์มา ก่อนที่เวลา 11.45 น. นายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการต่างประเทศและ นางสาวจิราพร สินธุไพรรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ของบริษัทItalia Alimentariที่เมืองปาร์มาเพื่อเยี่ยมชมกระบวนการแปรรูปเนื้อสัตว์ ทั้งนี้หลังเสร็จสิ้นภารกิจนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้เดินทางกลับ มายังเมืองมิลาน
‘อ.เจษฎ์’ชี้มีคนเคยเตือนแล้ว
ด้านนายเจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)และประธานหลักสูตรนิติศาสตร์บัณฑิต วิทยาลัยบัณฑิตเอเชียกล่าวถึงกรณี40สว.ยื่นคำร้องดังกล่าวว่าไม่ได้มองว่าเป็นการทิ้งทวนก่อนที่สว.ชุดนี้จะหมดวาระการทำหน้าที่ เพราะหากไม่เกิดเหตุอะไร จะทิ้งทวนอะไรก็ทำไม่ได้แต่พอดีว่าครม.เศรษฐา1/1 มีชื่อนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ด้วย ซึ่งตอนตั้งรัฐบาลเศรษฐา1ก็มีคนเตือนเรื่องนี้แล้ว แต่ปรากฏว่าการปรับ ครม.ล่าสุดเอาจริง ซึ่งกรณีของนายพิชิตไม่ต้องพูดมาก คนทั้งหลายก็รู้อยู่แล้วเรื่องถุงขนม และคนทั้งหลายก็พอวินิจฉัยออก ไม่ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าลักษณะมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ หากไม่มี ก็เท่ากับนายพิชิตขาดคุณสมบัติ (รัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) )
ส่วนเรื่องนี้นายเศรษฐา เกี่ยวข้องด้วย เพราะหนึ่ง ตัวนายกฯต้องรู้อยู่แล้วว่าเรื่องที่นายพิชิตเคยทำมันเป็นมาอย่างไร แต่คุณเศรษฐา กลับไปรับรองเรื่องนี้ บอกว่านายพิชิต ไม่มีอะไร อันนี้คือประเด็นแรก ประเด็นข้อที่สอง ก็คือ ต่อมามีการทำหนังสือสอบถามไปที่คณะกรรมการกฤษฎีกา มีนัยว่าจะล้างสิ่งที่นายพิชิตเป็น มันไม่ได้มีอยู่จริง ซึ่งมีการส่งเรื่องไปแล้ว ก็แปลว่าหาทางที่จะทำให้ คุณสมบัติของนายพิชัยเป็นได้ ทั้งที่ข้อหนึ่งรู้แล้วทำไม่ได้ แต่ข้อสอง ก็คือหาทางทำให้ได้และยังมีชั้นที่สามอีก คือพอคณะกรรมการกฤษฎีกาทำหนังสือตอบกลับไปก็เอาความเห็นดังกล่าวมาบอกว่านายพิชิตไม่มีปัญหาอะไรแล้ว จนต่อมากฤษฎีกา ออกมาอธิบายว่า ประเด็นที่ถาม คือถามเรื่องกรณีเคยถูกจำคุก เป็นคำสั่ง หรือคำพิพากษา ซึ่งกฤษฎีกาก็บอกว่าจำคุกก็คือจำคุก ไม่ว่าจะโดยคำสั่งหรือคำพิพากษาก็ตาม แต่อีกข้อหนึ่งพูดเรื่องจำคุก โดยคำพิพากษา ก็ต้องอิงคำพิพากษา เป็นแค่คำสั่งไม่ได้ แต่กฤษฎีกาก็บอกว่า แต่คุณสมบัติข้ออื่น เขาไม่เกี่ยว
ลุ้นศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
“มันก็ชัดในตัวมันเองแล้วว่าชั้นที่หนึ่ง คุณรู้อยู่แล้วและต่อมามีการส่งหนังสือไปถามกรรมการกฤษฎีกา เพื่อฟอก ชั้นที่สาม เอาหนังสือกฤษฎีกาที่เขาพูดเรื่องอื่นมาอธิบายอีก สว.เขาก็มาคิดว่าแบบนี้คุณมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ แล้วเขาอาจคิดเพิ่มว่าหากยื่นเฉพาะคุณพิชิต ก็ไปเฉพาะคุณพิชิต แต่ถ้าร้องนายเศรษฐาด้วย เรือไปทั้งลำครม.ไปทั้งหมด เขาก็ต้องเอา เมื่อเทียบกับอีกหลายกรณีเช่นเคสคำร้องพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เรื่องวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯเกินแปดปี ที่ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น หากศาลรับคำร้องไว้วินิจฉัย ถ้าพิจารณาแล้วมีมูล หรือมีข้อที่เขาเห็นว่าคำร้องที่ยื่นมา มันอาจเป็นไปตามนั้น ก็อาจสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งถ้าแบบนั้น ศาลก็อาจพิจารณาคำร้องเร็ว เพราะหากปล่อยให้เนิ่นช้า ไปก็คงไม่เป็นผลดี”อดีตที่ปรึกษา กรธ.ระบุ
โอกาสจุดเปลี่ยนทางการเมืองสูง
นายเจษฎ์ กล่าวว่าเรื่องนี้มีโอกาสเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนทางการเมืองสูงมาก เพราะหากพิจารณาโดยลำดับอย่างที่บอก ซึ่งเรื่องถุงขนมไปถามใคร เขาก็คงไม่บอกว่า สิ่งที่ทำไป มันเป็นการซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งคนที่รู้อยู่แล้ว แต่พยายามหาทาง ทำให้มันไม่เป็นอุปสรรค แล้วเอาสิ่งที่คนอธิบายที่เป็นประเด็นอื่น มาอธิบายว่าบอกแล้วว่า ไม่เกี่ยวข้อง อันนี้ก็คือ มีการทำสามชั้น คือนายพิชิตหนึ่งชั้น เพราะว่าทำเองแล้วคนที่รู้เห็นเป็นใจกับนายพิชิตพยายามทำหนังสือไปถาม(คณะกรรมการกฤษฎีกา)แล้วก็เอาสิ่งที่ตอบมา มาคอยอธิบาย ก็เท่ากับมีการทำสามชั้น
ทั้งนี้ การหยุดปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี กรณีตกเป็นผู้ถูกร้องในศาลรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ที่เป็นเรื่องการยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพของส.ส.และสว. แต่ให้ใช้บังคับกับรัฐมนตรีได้ด้วย
โดยรัฐธรรมนูญบัญญัติว่าเมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้พิจารณาแล้วหากปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ารัฐมนตรีมีกรณีตามที่ถูกร้อง ให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้อง“หยุดปฏิบัติหน้าที่” จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย และหากท้ายที่สุด ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง รัฐธรรมนูญบัญญัติให้รัฐมนตรีผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งนับ แต่ “วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่” อย่างไรก็ดี คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีนี้จะไม่กระทบต่อบรรดากิจการที่รัฐมนตรีผู้ถูกร้องได้กระทำไปก่อนพ้นจากตำแหน่ง
จับตาศาล รธน.นัดพิจารณา23พค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปกติตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะประชุมกันสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง คือทุกวันพุธ แต่พบว่าวันพุธที่จะถึงนี้ 22 พฤษภาคม ตรงกับวันหยุดราชการ คือวันวิสาขบูชา
มีรายงานว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อาจจะนัดประชุมกันวันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคมนี้ ซึ่งต้องดูว่า ผลการประชุม ที่ประชุมตุลาการศาลรธน.จะรับคำร้องคดีดังกล่าวไว้วินิจฉัยหรือไม่ และหากรับคำร้องไว้แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำสั่งอย่างไรกับผู้ถูกร้องทั้งสองคน คือนายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี และนายพิชิต ชื่นบาน รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี เช่น ศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ทั้งสองคนหรือไม่ หรือสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่แค่คนใดคนหนึ่ง หรือรับคำร้องไว้วินิจฉัย แต่ไม่สั่งให้ทั้งสองคนหยุดปฏิบัติหน้าที่ แล้วให้กระบวนการสู้คดีเป็นไปตามปกติ
โดยหากศาลรับคำร้องไว้วินิจฉัย ศาลก็จะให้ทั้งนายเศรษฐา และนายพิชิต ในฐานะผู้ถูกร้อง ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหามายังศาลรัฐธรรมนูญต่อไปภายใน 15 วัน ตามขั้นตอนปกติ แต่ขยายเวลาในการส่งเอกสารได้
‘เทพไท’เชื่อประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ้ค ส่วนตัว “เทพไท - คุยการเมือง”ระบุว่า ระวังประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เศรษฐา อาจตายน้ำตื้นแบบ สมัคร กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของ 40 ส.ว.ขอให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ 1 และนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ 2 สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170ประกอบมาตรา 160 (4) (5)หรือไม่แล้ว ยังมีมติของผู้ตรวจการแผ่นดินให้คณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.)ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติการ เป็นรัฐมนตรีของนายพิชิตด้วย ถ้าหากศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับคำร้องและนัดไต่สวน นับว่าเป็นสัญญาณอันตราย และสุ่มเสี่ยงต่อสถานะความเป็นนายกรัฐมนตรี ของนายเศรษฐา และความเป็นรัฐมนตรีของนายพิชิต ชื่นบาน ซึ่งเป็นคำร้องที่มีความชัดเจน ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ แทบไม่ต้องตีความหรือไต่สวนแต่อย่างใด
กรณีของนายพิชิต ชื่นบาน ที่มีคุณสมบัติ ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา160(4)“มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์”และ(5)“ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง” ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ไม่ได้ถามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นดังกล่าว ซึ่งในประเด็นนี้นักศึกษานิติศาสตร์ปีหนึ่ง ก็สามารถตีความได้ว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
‘เศรษฐา’ตายน้ำตื้นแบบ’สมัคร’
นายเทพไทยังระบุว่า การที่นายเศรษฐา นำรายชื่อของนายพิชิต ชื่นบาน ขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ขาดคุณสมบัติเป็นความจงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน ซึ่งต้องทำให้นายเศรษฐา และนายพิชิต ต้องสิ้นสุด ความเป็นรัฐมนตรี ตามคำร้องของ40 สว.ได้
นอกจากนี้ นายเศรษฐา ยังมีวิบากกรรม ที่มีผู้ยื่นต่อปปช.ให้สอบกรณีการแทรกแซงโยกย้ายแต่งตั้งตำรวจ ซึ่งนายเศรษฐาได้พูดต่อที่ประชุมส.ส. พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพยานหลักฐานเป็นคลิปที่ชัดเจนไม่ต้องไต่สวนแต่อย่างใดเช่นกัน ผมคิดว่าคำร้องเพื่อให้ตรวจสอบ การสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี ของนายเศรษฐาอาจจะเป็นการตายน้ำตื้น แบบเดียวกับกรณีของนายสมัคร สุนทรเวช ที่พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากการรับจ้างทำรายการชิมอาหารทางสถานีโทรทัศน์
คาด‘เศรษฐา-พิชิต’ตกเก้าอี้
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Paisal Puechmongkol” ระบุว่า“อุบาทว์พระพายสำแดงฤทธิ์ 40 สว เข้าชื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญให้เพิกถอน นายกเศรษฐา ทวีสินและพิชิต ชื่นบาน ออกจากตำแหน่ง ฐานละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพราะนายพิชิต ชื่นบาน เคยถูกจำคุกฐานละเมิดอำนาจศาล ในเรื่องถุงขนมซึ่งเป็นความผิดทางจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง และถูกเพิกถอนใบอนุญาตทนายความด้วย
“นายกเศรษฐา รู้เรื่องนี้ดี แต่ยังแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรี ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญอาจพิจารณาในวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 นี้และถ้าศาลรับคำร้อง ทั้งสองคนต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที หรือว่านี้คืออิทธิฤทธิ์ของอุบาทว์พระพาย อย่างที่พยากรณ์ไว้ว่าจะมีหลายคนตกเก้าอี่นั่นแล”
“สว.เสรี”โวยถูกอ้างชื่อ
นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) พัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มสว. จำนวน 40 คนร่วมลงชื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาการสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 ว่าด้วยมีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ และ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงว่า ตนไม่ได้ร่วมลงชื่อในกรณีดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าเนื้อหาที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีของนายเศรษฐานั้น ยังไม่มีเหตุที่นำไปสู่การยื่นให้วินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯ เพราะการเสนอชื่อนายพิชิต แม้ว่านายพิชิตจะมีประเด็นเรื่องคุณสมบัติที่มีปัญหา แต่กลับถูกเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ในแง่มุมทางกฎหมายยังไม่มีองค์กรใดที่วินิจฉัยชี้ขาด
“ผมไม่ทราบเจตนาของคนที่เป็นแหล่งข่าวซึ่งให้ข่าวกับสื่อมวลชนรายหนึ่ง ว่าผมเป็นผู้ร่วมลงชื่อเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ผมไม่ได้ลงชื่อด้วย เพราะยังไม่เห็นด้วยกับรายละเอียดทั้งหมด อย่างไรก็ดีไม่ทราบด้วยว่าคนที่ให้ข่าวนั้นต้องการอะไร หรือหวังผลอะไร หากต้องการแสดงพลัง หรือบริสุทธิ์ใจจริงควรจะประกาศชื่อของสว.ที่ร่วมลงลายมือชื่อต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ชัดเจน ไม่ใช่ให้สังคมเดาไปต่างๆ นานา” นายเสรี กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี